รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 700 ไม่มีอันใดต้องเอ่ยอีกแล้ว!

บทที่ 700 ไม่มีอันใดต้องเอ่ยอีกแล้ว!

บท​ที่​ 700 ไม่มีอัน​ใด​ต้อง​เอ่ย​อีกแล้ว​!

จิตใจ​โหดร้าย​ยิ่งนัก​!

นี่​มัน​เลวร้าย​ยิ่งกว่า​การ​ทุบตี​เขา​เสีย​อีก​!

ใบหน้า​ของ​ฉิน​หวาย​เฟิงเย็นชา​ลง​ใน​ทันใด​ สตรี​ผู้​นี้​ไม่เปลี่ยนไป​เลย​ ยังคง​จิตใจ​เหี้ยมโหด​เช่นเคย​!

เมื่อ​ครู่​เขา​หลง​เข้าใจ​ไป​อยู่​ครู่หนึ่ง​ว่า​สตรี​ผู้​นี้​กำลัง​ขอร้อง​ให้​กับ​เขา​ แต่​ความจริง​แล้ว​ เขา​ก็​เป็นได้​เพียง​คน​โง่งม!

“ฮ่าฮ่า ข้า​ว่าแล้ว​ จิ้งเอ๋อร์​จะขอร้อง​ให้​มัน​ได้​อย่างไร​ ที่แท้​ก็​เป็น​เช่นนี้​เอง​”

ชายหนุ่ม​หัวเราะ​ออกมา​เสียงดัง​ เขา​ก็​ว่า​เหตุใด​สวี​จิ้งจึงมีทีท่า​เปลี่ยนไป​อย่าง​กะทันหัน​ เอ่ย​ขอร้อง​ให้​กับ​ฉิน​หวาย​เฟิง ที่แท้​ก็​ด้วย​เหตุผล​เช่นนี้​เอง​

“จิ้งเอ๋อร์​ก็​เอ่ย​ออกมา​แล้ว​ ไย​เจ้ายัง​ไม่รีบ​ทำตาม​อีก​? รีบ​พา​สหาย​ของ​เจ้าที่อยู่​ตรงนั้น​มาเร็ว ๆ​ จากนั้น​ก็​ทำ​ท่าทาง​เหมือน​สุนัข​ให้​จิ้งเอ๋อร์​ดู​”

เขา​ตะคอก​เสียง​ใส่ฉิน​หวาย​เฟิงอย่าง​ไม่แยแส​

“เรื่อง​นี้​พวกเขา​ไม่มีส่วน​เกี่ยวข้อง​แต่อย่างใด​ ข้า​กับ​พวกเขา​ไม่ได้​เป็น​สหาย​กัน​ เจ้าสามารถ​ทำ​สิ่งใด​กับ​ข้า​ก็ได้​ แต่​อย่า​ไป​ยุ่ง​กับ​คนบริสุทธิ์​!”

ฉิน​หวาย​เฟิงก้าว​ออก​ไป​ด้านหน้า​

“เจ้ากำลัง​สอน​ข้า​ว่า​ควร​ทำ​สิ่งใด​อย่างนั้น​หรือ​?”

ชาย​คน​นั้น​ยิ้ม​เยาะเย้ย​ ยกนิ้ว​ชี้หน้า​ฉิน​หวาย​เฟิง “เจ้านับ​เป็นตัว​อัน​ใด​กัน​ บริสุทธิ์​หรือไม่​บริสุทธิ์​ใช่สิ่งที่​เจ้าสามารถ​ตัดสิน​เอง​ได้​หรือ​? กระทั่ง​ตนเอง​ยัง​ไม่อาจ​ปกป้อง​ได้​ ยัง​คิด​จะปกป้อง​ผู้อื่น​อีก​รึ​?”

“จ้าว​จง เจ้าทำ​สิ่งเหล่านี้​ไม่ละอาย​บ้าง​หรือ​ไร​! คน​ทำ​สิ่งใด​ฟ้าดิน​เป็น​พยาน​ ทุกสิ่ง​ล้วน​มีต้นเหตุ​และ​ผลกรรม​ เจ้าไม่กลัว​กรรมตามสนอง​บ้าง​หรือ​อย่างไร​!”

ฉิน​หวาย​เฟิงตะโกน​ออกมา​

“มีเพียงแค่​เศษขยะ​ที่​ไม่สามารถ​ทำ​สิ่งใด​ได้​เท่านั้น​ จึงจะฝาก​ความหวัง​ไว้​กับ​ผลกรรม​!”

จ้าว​จงยิ้ม​เหยียดหยาม​ “ต่อให้​ผลกรรม​มีอยู่​จริง​แล้ว​อย่างไร​? เจ้าเป็น​เพียงแค่​คน​ไร้ค่า​ไม่สำคัญ​ จะเอา​สิ่งใด​มาสร้าง​ผลกรรม​ให้​กับ​ข้า​ได้​?”

เขา​หัวเราะ​ออกมา​ ต่อหน้า​เขา​แล้ว​ฉิน​หวาย​เฟิงเป็น​เพียง​มด​ตัว​จ้อย​ ขยี้​มด​ตาย​ไป​สัก​ตัว​จะมีผลกรรม​มาก​เพียงใด​กัน​เชียว​

“หยุด​เห่าหอน​ไร้ประโยชน์​เสียที​”

สตรี​นาม​ว่า​สวี​จิ้งปรายตา​มอง​ฉิน​หวาย​เฟิงอย่าง​ไม่แยแส​ “เพียง​ให้​เจ้าเห่าหอน​เหมือน​สุนัข​ ยาก​ถึงเพียงนั้น​เชียว​? หรือว่า​ต้อง​หัก​ขา​เจ้าเสีย​ก่อน​จึงค่อย​ทำได้​?”

“เจ้า!”

ฉิน​หวาย​เฟิงโกรธ​จน​ร่างกาย​สั่นเทิ้ม​ เขา​คิดไม่ถึง​เลย​ว่า​จิตใจ​ของ​คน​ผู้​หนึ่ง​จะสามารถ​โหดร้าย​ได้​ถึงเพียงนี้​! สวี​จิ้งยังคง​มีความเป็นมนุษย์​อยู่​หรือไม่​? จะนิสัย​ชั่วร้าย​เลวทราม​เกินไป​แล้ว​!

เมื่อ​ย้อน​มอง​กลับ​ไป​ใน​อดีต​ เขา​ก็​อยาก​ตบ​ตัวเอง​ให้​ตาย​เสีย​ เขา​ช่างโง่งมเสีย​เหลือเกิน​ ตา​หนอ​ก็​มืด​บอด​ ไม่อาจ​แยกแยะ​ดี​ชั่ว​ได้​!

เขา​เป็น​ผู้​มีพระคุณ​ช่วยชีวิต​ของ​สวี​จิ้งเอาไว้​ ทั้ง​ยัง​เคย​เป็นอดีต​คู่​บำเพ็ญ​เพียร​อีกด้วย​

ทว่า​เขา​กลับ​ตระหนัก​ได้​ใน​ภายหลัง​ว่า​ทุกอย่าง​เป็น​ของปลอม​ ทุกสิ่ง​ล้วนแล้วแต่​เป็น​แผนการ​ที่​วาง​เอาไว้​อย่าง​รอบคอบ​ด้วย​ฝีมือ​สวี​จิ้ง

ใน​ยาม​นั้น​ สวี​จิ้งไม่ได้​มีสิ่งใด​เลย​เสีย​ด้วยซ้ำ​ เป็น​เพียงแค่​ศิษย์​นอก​สำนัก​ธรรมดา​ ๆ ผู้​หนึ่ง​ที่​เขา​ไม่เคย​รู้จัก​มาก่อน​ ขณะที่​ตอนนั้น​เขา​เป็น​ถึงศิษย์​สาย​หลัก​อัน​แสน​โดดเด่น​

เขา​ได้​พบ​กับ​สวี​จิ้งระหว่าง​ช่วง​ออก​ทัศนาจร​

บังเอิญ​เจอะ​เจอ​กับ​สวี​จิ้งใน​ช่วง​วิกฤต​ นาง​กำลัง​ถูก​กลุ่ม​อสูร​ตามล่า​ เขา​จึงลงมือ​ช่วยเหลือ​อีก​ฝ่าย​ไว้​ ทำให้​เขา​เริ่ม​รู้จัก​สวี​จิ้งตั้งแต่​ตอนนั้น​

หลังจากนั้น​ ยิ่ง​เขา​ได้​คุย​กับ​สวี​จิ้งก็​ยิ่ง​ถูกคอกัน​มากขึ้น​ ความสัมพันธ์​ของ​พวกเขา​ทั้งสอง​พัฒนา​ขึ้น​อย่าง​รวดเร็ว​ จาก​คนรู้จัก​กัน​ธรรมดา​สู่ความสัมพันธ์​แบบ​คู่​บำเพ็ญ​เพียร​

สวี​จิ้งได้รับ​ความช่วยเหลือ​ทุก​ด้าน​จาก​เขา​ ทำให้​ขอบเขต​การฝึกฝน​พัฒนา​อย่าง​มาก​

ต่อมา​ เหล่า​ยอด​นิกาย​ที่​เร้น​ตัว​อยู่​ใน​ทุก​ดินแดน​ได้​ปรากฏตัว​ออกมา​เพื่อ​ก่อตั้ง​สถานศึกษา​เทียน​ตี้​ แล้ว​เปิด​รับสมัคร​ศิษย์​จำนวนมาก​

เขา​ประสบความสำเร็จ​สามารถ​ผ่านการทดสอบ​เข้า​สถานศึกษา​เทียน​ตี้​ได้​ แต่​สวี​จิ้งนั้น​ไม่ผ่านการทดสอบ​

เพื่อให้​สวี​จิ้งสามารถ​เข้า​สถานศึกษา​เทียน​ตี้​ ตัว​เขา​นั้น​ได้​บุกเข้าไป​ยัง​แดน​อันตราย​โดย​ไม่สน​ใจความ​เป็น​ตาย​ นำ​สมบัติ​ล้ำค่า​รอด​กลับมา​ได้​ชิ้น​หนึ่ง​อย่าง​หวุดหวิด​ ก่อน​จะให้​มัน​กับ​สวี​จิ้งเพื่อ​ปรับปรุง​ร่างกาย​ของ​นาง​

ด้วย​ความช่วยเหลือ​จาก​สมบัติ​ล้ำค่า​ชิ้น​นี้​ ร่างกาย​ของ​สวี​จิ้งได้รับ​การปรับปรุง​พัฒนา​ขึ้น​เป็นอย่างมาก​จน​สามารถ​ผ่านการทดสอบ​ของ​สถานศึกษา​เทียน​ตี้​ได้​สำเร็จ​

และ​นี่​ก็​คือ​จุดเริ่มต้น​ชะตากรรม​อัน​น่าเวทนา​ของ​เขา​

หลังจาก​เข้า​สถานศึกษา​เทียน​ตี้​ได้​แล้ว​ สวี​จิ้งก็​ละทิ้ง​เขา​ไปหา​จ้าว​จงอย่าง​รวดเร็ว​ ใน​ตอนนั้น​เอง​ เขา​ถึงตระหนัก​ได้​ว่า​ตลอด​มาสวี​จิ้งไม่เคย​ชอบ​เขา​เลย​ ทั้งหมด​ล้วน​เป็น​แผนการ​ที่​วาง​เอาไว้​ตั้งแต่แรก​ นาง​ใช้เขา​เป็น​เครื่องมือ​เพื่อ​เป็น​ทางผ่าน​

การ​ช่วยชีวิต​ใน​ครั้งนั้น​ก็​ล้วนแต่​เป็น​แผนการ​ที่​นาง​วาง​เอาไว้​

สวี​จิ้งล่วงรู้​ถึงเส้น​ทางออก​ทัศนาจร​ของ​เขา​ จึงจงใจทำให้​ตนเอง​ถูก​อสูร​ไล่​สังหาร​ จะได้​สามารถ​สร้าง​สายสัมพันธ์​กับ​เขา​ นาง​มอง​เขา​เป็น​เหยื่อ​ตัว​หนึ่ง​มานาน​แล้ว​ เพียงแค่​ต้องการ​พึ่งพา​เขา​เพื่อ​ก้าว​ไป​ให้​สูงยิ่งขึ้น​

ยาม​นั้น​ เขา​ยัง​โง่งมจน​ไม่อาจ​มองออก​ คิด​ว่า​นาง​จริงใจ​ต่อ​เขา​ ทั้ง​ยัง​ยอม​เสี่ยงชีวิต​เพื่อ​นำ​สมบัติ​ล้ำค่า​มาให้​นาง​ เขา​ส่งสวี​จิ้งเข้า​สถานศึกษา​เทียน​ตี้​ แต่​ก็​ส่งตัวเอง​ส่งไป​ใน​หลุม​ไฟเช่นเดียวกัน​

สถาบัน​เทียน​ตี้​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ผู้​มาก​ความสามารถ​ หลังจาก​เขา​เข้าไป​แล้วก็​สูญเสีย​ความ​เจิด​จรัส​ที่​เคย​มี ใน​สถาบัน​เทียน​ตี้​มีศิษย์​จำนวน​มากมาย​ที่​แข็งแกร่ง​กว่า​เขา​

สวี​จิ้งย่อ​มอด​เหยียดหยาม​เขา​ไม่ได้​ ละทิ้ง​เขา​ไป​อยู่​กับ​จ้าว​จงอย่าง​รวดเร็ว​

จ้าว​จงก็​ไม่ใช่คนดี​แต่อย่างใด​ หลังจาก​มาอยู่​รวม​กับ​สวี​จิ้งแล้วก็​เข้าขากัน​ได้​เป็น​อย่าง​ดี​

สวี​จิ้งเกรง​ว่า​หาก​เขา​ยังอยู่​ใน​สถาศึกษา​เทียน​ตี้​จะเอ่ย​วาจา​สร้าง​ความยุ่งยาก​ออกมา​ ทำให้​นาง​เสื่อม​เสียชื่อเสียง​ ดังนั้น​จึงร่วมมือ​กับ​จ้าว​จง ใช้ความปลอดภัย​ของ​เหล่า​ศิษย์​จาก​นิกาย​เดิม​ของ​เขา​มาบังคับ​ให้​เขา​ถอนตัว​ออกจาก​สถานศึกษา​เทียน​ตี้​

ไม้ซีก​ไม่อาจ​งัด​ไม้ซุง เขา​เกรง​ว่า​ตนเอง​จะทำให้​เหล่า​ศิษย์​พี่​ศิษย์​น้อง​จาก​สำนัก​เดิม​มีปัญหา​ ดังนั้น​จึงย่อม​ออกจาก​สถาบัน​เทียน​ตี้​ไป​

แต่​คาดไม่ถึง​เลย​ว่า​ จนกระทั่ง​ถึงตอนนี้​แล้ว​สวี​จิ้งจะยัง​ไม่ยอม​ปล่อย​เขา​ไป​ ทั้ง​ยัง​ต้องการ​ให้​เขา​เห่าหอน​เหมือน​สุนัข​ วาง​ศักดิ์ศรี​ลง​ให้​นาง​เหยียบ​

“เห่าหอน​เหมือน​สุนัข​ยาก​ถึงเพียงนั้น​เชียว​? ถ้าหาก​ไม่อยาก​ทำ​ เช่นนั้น​ พวก​เจ้าทั้งสอง​ก็​ลอง​ทำให้​พวก​ข้า​ดูก่อน​เถิด​”

ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ก้าว​ออกมา​ยืน​เบื้องหน้า​รถม้า​ จากนั้น​ก็​มอง​ไป​ทาง​สวี​จิ้งพร้อม​เอ่ย​ออกมา​

แม้เขา​จะไม่รู้​ต้นสายปลายเหตุ​ แต่​ใน​ใจนั้น​รู้สึก​โกรธ​เป็นอย่างมาก​ จ้าว​จงและ​สวี​จิ้งบีบบังคับ​รังแก​กัน​มากเกินไป​แล้ว​!

ความเกลียดชัง​คับแค้น​อัน​ใด​กัน​ ถึงกับ​ทำให้​ฉิน​หวาย​เฟิงต้อง​เห่าหอน​เหมือน​สุนัข​ออกมา​ใน​ที่สาธารณะ​ กระทั่ง​พวกเขา​เอง​ก็​ยัง​ไม่ละเว้น​ ต้องการ​ให้​เห่าหอน​เหมือน​สุนัข​กับ​ฉิน​หวาย​เฟิงด้วย​!

จ้าว​จงและ​สวี​จิ้งช่างน่ารังเกียจ​ยิ่งนัก​!

พวก​ลั่วสุ่ย​เอง​ก็​เดิน​ตามหลัง​คุณชาย​ออกมา​ด้วย​ ใบหน้า​ของ​พวกเขา​ล้วน​เย็นชา​เป็น​อย่างยิ่ง​

จ้าว​จงและ​สวี​จิ้งอยาก​ตาย​มาก​หรือ​?

กล้า​ดี​อย่างไร​ถึงเอ่ย​วาจา​เหล่านี้​ออกมา​!

“ยัง​จะบอก​ไม่ใช่สหาย​อีก​หรือ​? ทั้งหมด​ล้วน​ออกหน้า​เพื่อ​เจ้า…”

สวี​จิ้งเหยียด​ยิ้ม​ ไม่ได้​เห็น​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​อยู่​ใน​สายตา​ ทั้ง​ยัง​ไม่สนใจ​ว่า​หลี​จิ่ว​เต้า​จะมีภูมิหลัง​อัน​ใด​หรือไม่​

ใน​อาณาจักร​แห่ง​นี้​ ยอด​นิกาย​คือ​ท้องฟ้า​สูงสุด​ แม้ว่า​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​จะมีภูมิหลัง​อย่างไร​ก็​ไม่สำคัญ​ นาง​ล้วน​ไม่เกรงกลัว​

แน่นอน​ว่า​นี่​ย่อม​ต้อง​เป็น​แค่​ความเข้าใจ​ของ​นาง​

ขอบเขต​ของ​นาง​ต่ำ​เกินไป​ ฐานะ​เอง​ก็​ไม่สูง เรื่อง​ที่​รู้​ย่อม​มีน้อย​เป็น​อย่างยิ่ง​ ไม่รู้​เสีย​ด้วยซ้ำ​ว่า​ยอด​นิกาย​ใน​อาณาจักร​แห่ง​นี้​ไม่อาจ​นับ​เป็น​สิ่งใด​ได้​ มีกองกำลัง​มากมาย​ที่​แข็งแกร่ง​และ​น่าสะพรึงกลัว​ยิ่งกว่า​ยอด​นิกาย​ดำรงอยู่​

“ออกมา​เอง​ก็ดี​!”

จ้าว​จงหัวเราะ​ออกมา​ยกใหญ่​ ความรู้​ของ​เขา​เอง​ก็​น้อย​เหมือน​สวี​จิ้ง ไม่รู้​เลย​ว่า​สถานการณ์​ใน​ปัจจุบัน​ ยอด​นิกาย​ไม่อาจ​นับ​เป็น​สิ่งใด​ได้​!

“ทุกท่าน​ไย​จึงออกมา​!”

ใบหน้า​ของ​ฉิน​หวาย​เฟิงแปรเปลี่ยน​อย่าง​มาก​ เขา​รีบ​เอ่ย​เกลี้ยกล่อม​พวก​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ทันที​ “เรื่อง​นี้​ไม่ได้​เกี่ยวข้อง​อัน​ใด​กับ​ทุกท่าน​ โปรด​รีบ​จากไป​เถิด​”

“ไม่เกี่ยวข้อง​งั้น​หรือ​?”

ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​แย้มยิ้ม​ “ตอนนี้​เห็นได้ชัด​ว่า​พวกเรา​มีความเกี่ยวข้องกัน​ แม้พวกเรา​ต้องการ​จะจากไป​ สอง​คน​นั้น​คง​ไม่ยิน​ยอ​ม…”

“ยัง​นับว่า​ฉลาด​อยู่​ พวก​เจ้าไม่อาจ​จากไป​ได้​จริง​!”

สวี​จิ้งยก​ยิ้ม​ไม่แยแส​ ราวกับว่า​ทุกอย่าง​อยู่​ใน​กำมือ​ของ​นาง​

ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ไม่สนใจ​สวี​จิ้ง เขา​หันไป​ถามกับ​ฉิน​หวาย​เฟิงว่า​ “ระหว่าง​พวก​เจ้าเกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้น​กัน​?”

เขา​ต้อง​การทราบ​สถานการณ์​ให้​มากขึ้น​

ส่วน​เรื่อง​ความปลอดภัย​ เขา​ไม่กังวล​แม้แต่น้อย​

ขณะ​อยู่​บน​รถม้า​ เซี่ยเหยียน​เอ่ย​ว่า​สอง​คน​นี้​เป็น​เพียง​คน​ตัวเล็ก​ ๆ ไม่มีเรื่อง​อัน​ใด​ต้อง​พะวง​ จึงคิด​อยาก​ออก​ไป​สั่งสอน​บทเรียน​ให้​กับ​จ้าว​จงและ​สวี​จิ้ง

เพราะ​ไม่เห็นด้วย​ เลย​ต้องการ​เข้าใจ​ต้นสายปลายเหตุ​ของ​เรื่องราว​ทั้งหมด​ก่อน​ค่อย​ตัดสินใจ​

ฉิน​หวาย​เฟิงถอนหายใจ​ สวี​จิ้งกล่าว​ไม่ผิด​ ตอนนี้​ต่อให้​พวก​ห​ลี่​จิ้ว​เต้า​ต้องการ​จากไป​ สวี​จิ้งและ​จ้าว​จงก็​ย่อม​ไม่ปล่อย​พวก​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ไป​ง่าย ๆ​

“เรื่อง​ระหว่าง​พวก​ข้า​…”

หลังจากนั้น​เขา​ก็​เริ่ม​เล่า​เรื่องราว​ระหว่าง​เขา​และ​สวี​จิ้ง

“ที่แท้​ก็​เป็น​เช่นนี้​…”

ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ไม่คาดคิด​เลย​ว่า​จะมีสตรี​ร้ายกาจ​เพียงนี้​อยู่​ใบ​โลก​!

สวี​จิ้งใช้ฉิน​หวาย​เฟิงเป็น​บันได​ไต่​ขึ้นไป​ก็แล้วไป​เถิด​ แต่​อย่างไร​เสีย​ฉิน​หวาย​เฟิงก็​ให้​ความช่วยเหลือ​นาง​มากมาย​ ถึงขนาด​ยอม​ฝ่าเข้าไป​ใน​ส่วนลึก​แดน​อันตราย​อย่าง​ไม่สน​ใจความ​เป็น​ตาย​เพื่อให้​นาง​สามารถ​เข้า​สถานศึกษา​เทียน​ตี้​ได้​

ทว่า​สวี​จิ้งไม่ได้​รู้สึก​ขอบคุณ​ซาบซึ้ง​เลย​แม้แต่น้อย​ ตอนนี้​ยัง​ถึงกับ​ต้องการ​ทำให้​ฉิน​หวาย​เฟิงขายหน้า​อับอาย​ สั่งให้​เขา​เห่าหอน​อย่าง​สุนัข​ใน​ที่สาธารณะ​ นับว่า​สตรี​ผู้​นี้​น่ารังเกียจ​เป็น​ที่สุด​จริง ๆ​

“ไม่มีอัน​ใด​ต้อง​เอ่ย​อีกแล้ว​”

ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​มอง​ไป​ทาง​ฉิน​หวาย​เฟิง “พวกเรา​เข้าไป​นั่ง​ดื่ม​ชาด้านใน​รถม้า​เถิด​ ส่วนที่เหลือ​ปล่อย​ให้​พวก​เซี่ยเหยียน​เป็น​คน​จัดการ​”

“หือ​?”

ฉิน​หวาย​เฟิงตกตะลึง​ เขา​ไม่ได้​กล่าว​อย่าง​ชัดเจน​หรือ​ไร​?

จ้าว​จงมาจาก​ยอด​นิกาย​ ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ยัง​สามารถ​สงบนิ่ง​ได้​อีก​หรือ​?

“ไม่ต้อง​กังวล​ไป​ พวก​เซี่ยเหยียน​จะจัดการ​เอง​”

ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​หันไป​ถามพวก​เซี่ยเหยียน​ “มีปัญหา​อัน​ใด​หรือไม่​?”

“ไม่มีปัญหา​แต่อย่างใด​”

เซี่ยเหยียน​ตอบกลับ​ “คุณชาย​กลับ​ไป​เข้า​พักผ่อน​เถิด​ เพียงแค่​แมลง​วันตัว​จ้อย​สอง​ตัว​ ไม่อาจ​สร้าง​คลื่น​ลม​อัน​ใด​ได้​แม้แต่น้อย​”

ยอด​นิกาย​แล้ว​อย่างไร​!

ต่อให้​ประมุข​ยอด​นิกาย​ที่อยู่​เบื้องหลัง​จ้าว​จงมาด้วยตัวเอง​ก็​ไม่อาจ​ทำ​สิ่งใด​ได้​!

ฉิน​หวาย​เฟิงตกตะลึง​ยิ่งกว่า​เดิม​ คน​กลุ่ม​นี้​มีความเป็นมา​อย่างไร​กัน​แน่​ เหตุใด​จึงไม่กลัวเกรง​ยอด​นิกาย​แม้แต่น้อย​ ถึงกับ​เอ่ย​เรียก​จ้าว​จงและ​สวี​จิ้งว่า​เป็น​แมลง​วันตัว​จ้อย​สอง​ตัว​

เขา​รู้สึก​ว่า​บางที​เขา​อาจ​เอ่ย​สิ่งใด​ไม่ชัดเจน​

“เขา​เป็น​อนุชน​จาก​ยอด​นิกาย​ตระกูล​จ้าว​” ชายหนุ่ม​เอ่ย​อีกครั้ง​

“ไม่จำเป็นต้อง​ใส่ใจ”

เซี่ยเหยียน​ยิ้ม​จาง ๆ “อย่า​ว่าแต่​เขา​ที่​เป็น​อนุชน​คน​หนึ่ง​ของ​ตระกูล​จ้าว​เลย​ กระทั่ง​ประมุข​ตระกูล​จ้าว​มาด้วยตัวเอง​ ก็​ไม่อาจ​เปลี่ยนแปลง​สิ่งใด​ได้​!”

“!!!”

ฉิน​หวาย​เฟิงตกตะลึง​เป็นอย่างมาก​ เซี่ยเหยียน​มีภูมิหลัง​เช่นไร​กัน​ จึงสามารถ​เอ่ย​วาจา​เช่นนี้​ออกมา​ได้​!

“ตอนนี้​เจ้าก็​วางใจ​ได้​แล้ว​”

ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​หัวเราะ​ออกมา​ “มาเถิด​ เข้ามา​ดื่ม​ชาใน​รถม้า​”

“เสียสติ​ไป​แล้ว​หรือ​!?”

อีก​ด้าน​หนึ่ง​ ดวงตา​ของ​จ้าว​จงเย็นเยียบ​เปี่ยม​ด้วย​จิต​สังหาร​ล้น​ทะลัก​

เดิมที​เขา​ไม่ได้​มีจิต​สังหาร​แต่อย่างใด​ ทว่า​หลังจาก​ได้ยิน​สิ่งที่​เซี่ยเหยียน​เอ่ย​ เขา​ก็​พลัน​เกิด​จิต​สังหาร​ขึ้น​มาทันที​

กล้า​เรียก​เขา​ว่า​เป็น​แมลง​วันตัว​จ้อย​ ทั้ง​ยัง​เอ่ย​ออกมา​ว่า​กระทั่ง​ประมุข​ตระกูล​จ้าว​มาด้วยตัวเอง​ยัง​ไม่อาจ​ทำ​สิ่งใด​ได้​!

เขา​ต้อง​ไว้หน้า​เซี่ยเหยียน​อย่างนั้น​หรือ​?

“เจ้าต่างหาก​ที่​เสียสติ​ไป​แล้ว​!”

เซี่ยเหยียน​เอ่ย​ออกมา​อย่าง​เย็นชา​ “ตระกูล​เบื้องหลัง​เจ้าไม่ได้​สอน​ความเป็นมนุษย์​ให้​หรือ​อย่างไร​? ใต้​หล้า​กว้างใหญ่​ไพศาล​ เหนือ​ฟ้ายังมี​ฟ้า อย่า​ได้​หลง​คิด​ว่า​ตนเอง​สูงส่งที่สุด​!”

“ข้า​จำเป็นต้อง​ให้​เจ้ามาสอน​ด้วย​อย่างนั้น​หรือ​!?”

จ้าว​จงยิ้ม​ออกมา​อย่าง​เย็นชา​ “จาก​วาจา​เมื่อ​ครู่​ของ​เจ้า วันนี้​พวก​เจ้าทั้งหมด​จะต้อง​ตาย​ ไม่มีผู้ใด​สามารถ​รอดไป​ได้​! ตัว​ข้า​ และ​โดยเฉพาะ​ตระกูล​จ้าว​ของ​ข้า​ ไม่ใช่สิ่งที่​เจ้าจะมาทำให้​อับอายขายหน้า​ได้​!”

เอ่ย​จบ​แล้ว​ ร่าง​ของ​เขา​ก็​เปล่งแสง​เจิดจ้า​ ไม่สน​ว่า​พวก​เซี่ยเหยียน​จะมีที่มา​อย่างไร​ แม้ว่า​พวก​เซี่ยเหยียน​จะมาจาก​ยอด​นิกาย​ เขา​ก็​จะสังหาร​ทิ้ง​เสีย​วันนี้​!

ภายใน​ตระกูล​จ้าว​ของ​พวกเขา​มียอด​ฝีมือ​อยู่​ผู้​หนึ่ง​ ตามที่​เขา​รู้​มา ยอด​ฝีมือ​ผู้​นี้​แข็งแกร่ง​ยิ่งกว่า​ผู้ใด​

ดังนั้น​ เขา​จึงไม่มีความเกรงกลัว​แม้แต่น้อย​ใน​การ​ลง​มือสังหาร​สมาชิก​ยอด​นิกาย​อื่น​!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท