สินค้าเชียวนะ…
สำหรับอนิเมชันบางเรื่อง สินค้านับว่าเป็นแหล่งรายได้ขนาดใหญ่ที่สุด ภาพยนตร์อนิเมชันซึ่งมักใช้เงินลงทุนหลายร้อยล้านหยวนเหล่านี้ไม่ได้พึ่งพารายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศ ทว่าอาศัยรายได้จากสินค้า ดิสนีย์บนโลกทำรายได้จากของเล่นตั้งเท่าไหร่
ตัวเลขต้องน่ากลัวมากอย่างแน่นอน!
ทว่าภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันนั้นกลับขายสินค้าได้ไม่มาก และสไปเดอร์แมนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ประการแรกคือการออกแบบรูปลักษณ์ของสไปเดอร์แมนนั้นเท่จริงๆ ประการที่สองคือเรตติงของภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมนนั้นไม่เลว เพียงแต่ไม่รู้ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศที่แน่นอนว่าเท่าไหร่ และลิขสิทธิ์ของสินค้าที่เกิดขึ้นตามมา น่าจะมีกำหนดราคาตามอิทธิพลของภาพยนตร์เรื่องนี้
มีรายได้แล้ว!
หลินเยวียนรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง ต่อให้ตอนนี้เขาจะมีเงินมากมายจนใช้ได้ไปหลายชั่วอายุคน ทว่าเมื่อพิจารณาถึงความกว้างใหญ่ของคลังผลงานบนโลก ถ้าหากยังมีการเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ มันจะยังคงเป็นโพรงขนาดยักษ์อันไร้ที่สิ้นสุด ถ้าหากตอนนี้หลินเยวียนต้องการขนย้ายผลงานคลาสสิกทั้งหมดบนโลกมาในคราวเดียว เช่นนั้นเงินเก็บที่เขามีในตอนนี้ไม่มีทางเพียงพอ!
เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องการเงิน!
ต้องการเงินมากกว่านี้!
สำหรับบางคน นิสัยแสวงหาเงินทองอาจฝังอยู่ในกระดูกของพวกเขา หลินเยวียนก็หนีไม่พ้นเช่นเดียวกัน ความสามารถของเขาในการเรียนรู้ที่จะไม่ตอแยกับระบบนั้นรุดหน้าไปมาก แต่ก็ไม่สามารถคาดหวังให้เขาแตะถึงระดับที่เห็นเงินเป็นเพียงเศษฝุ่นได้ เมื่อเทียบกันแล้ว ความปรารถนาในชื่อเสียงของหลินเยวียนกลับไม่สูงนัก เขาเผยแพร่ผลงานอย่างไม่หยุดหย่อนเพียงเพื่อตอบสนองต่อเงื่อนไขของภารกิจค่าความโด่งดังเท่านั้นเอง
“เอาไว้ค่อยคุยครับ”
หลินเยวียนตอบด้วยท่าทีจริงจัง
ทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดคือรอจนกว่าอิทธิพลของเรื่องสไปเดอร์แมนจะถึงระดับที่สูง หลินเยวียนไม่คิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเหลวแหลกไม่เป็นท่าหรอก ภาพยนตร์เชิงพาณิชย์ซึ่งเรตติงใช้ได้สักเรื่องหนึ่งไม่มีทางเหลวแหลกไม่เป็นท่าไปได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ซูเปอร์ฮีโร่อย่างสไปเดอร์แมนอยู่ระดับลูกในอุทรของมาร์เวล ในยุคที่โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์และภาพยนตร์เรื่องไอรอนแมนยังไม่ถือกำเนิดขึ้น ชื่อเสียงของสไปเดอร์แมนนับว่าท่วมท้นมากกว่าเพื่อน ต่อให้เมื่อกระแสของไอรอนแมนเกิดขึ้น ความตื่นเต้นที่ผู้คนมีต่อสไปเดอร์แมนก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด
อีกด้านหนึ่ง
เมื่อสไปเดอร์แมนซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเซี่ยนอวี๋เข้าฉายในวันแรก นักวิจารณ์ภาพยนตร์ต่างแสดงทัศนะกันผ่านสื่อต่างๆ จะเห็นได้ว่ากระแสของภาพยนตร์นั้นเริ่มมากขึ้นแล้ว
มีสื่อหนึ่ง
ชื่อว่า ‘บันเทิงแนวหน้า’
นี่คือหนังสือพิมพ์ชื่อดังรายหนึ่งในวงการบันเทิง เนื้อหาที่รายงานส่วนมากค่อนข้างเชื่อถือได้ ‘หลายคนคงแปลกใจที่เซี่ยนอวี๋เริ่มสร้างภาพยนตร์เชิงพาณิชย์รูปแบบดั้งเดิม แต่หลายคนคงลืมไปว่าภาพยนตร์ตลกก็เป็นภาพยนตร์เชิงพาณิชย์เช่นเดียวกัน เซี่ยนอวี๋เริ่มเดินเส้นทางสายภาพยนตร์ตั้งแต่เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ เขาในเวลานั้นได้ส่งสัญญาณมาแล้ว เพียงแต่ภาพยนตร์สองเรื่องต่อมาของเขากลับแสวงหาความลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนจึงมีภาพจำเกี่ยวกับเขาในฐานะผู้ผลิตภาพยนตร์เชิงศิลปะคนหนึ่ง’
‘มาพูดถึงสไปเดอร์แมน’
‘นี่เป็นภาพยนตร์ที่ประณีตมากเรื่องหนึ่ง บทภาพยนตร์จัดเรียงได้ดี การเคลื่อนไหวที่ผาดโผนและฉากจุมพิตขณะกลับหัวกลายเป็นจุดที่ผู้ชมมากมายให้ความสนใจ ภาพของสไปเดอร์แมนหยุดรถไฟและสไปเดอร์แมนตัวน้อยเผชิญหน้ากับวายร้ายเรียกเสียงตอบรับจากผู้ชมอย่างล้นหลาม ฝีมือของพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ทว่าการกระทำของพวกเขามีความหมายเหมือนกัน ประโยคในภาพยนตร์ว่า พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง เป็นประโยคที่ตราตรึงใจที่สุดของทุกคนหลังจากดูภาพยนตร์จบ เซี่ยนอวี๋ยังคงไม่ลืมที่จะสอดแทรกความลึกซึ้งลงในภาพยนตร์’
‘อย่างไรก็ตาม ข้อบกพร่องยังคงมีอยู่’
‘เซี่ยนอวี๋ควบคุมงบของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเข้มงวดเกินไป คนอื่นแสวงหาสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ที่เหนือชั้น ทว่ามุมมองของเซี่ยนอวี๋ต่อสเปเชียลเอฟเฟ็กต์คือเพียงพอนับว่าใช้ได้แล้ว แน่นอนว่าเงินทุนหนึ่งร้อยล้านหยวนนั้นเพียงพอให้สร้างสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ขึ้นมาได้ แต่กลับอยู่ในระดับที่เพียงพอเท่านั้น’
‘นอกจากนี้…’
‘ขณะที่ฉันดูภาพยนตร์เรื่องนี้ มีเรื่องหนึ่งที่ฉันรู้สึกเสียดายอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือการออกแบบวายร้ายนั้นค่อนข้างแบน ส่วนที่ต้องการให้สไปเดอร์แมนโดดเด่น วายร้ายจึงกลายเป็นเพียงคำสรรพนามของคำว่าวายร้าย โดยที่ไม่ได้ให้ความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น และนี่คือเรื่องน่าเสียดายซึ่งจำเป็นต้องกล่าวถึง’
……
หลินเยวียนได้อ่านบทวิจารณ์
เขาคิดว่าคำวิจารณ์เกี่ยวกับส่วนของวายร้ายโดยบันเทิงแนวหน้านั้นมีเหตุผล ถึงอย่างไรก็เป็นภาพยนตร์ซึ่งเกิดจากการปะติดปะต่อเรื่องราว เป็นไปไม่ได้ที่จะไร้ที่จะไร้ซึ่งช่องโห่ว หลังจากที่เขาปะติดปะต่อโครงเรื่องสำคัญของภาพยนตร์หลายเรื่องเข้าด้วยกัน เขาต้องยอมเสียสละการสร้างคาแรกเตอร์วายร้าย ไม่เช่นนั้นอาจต้องเพิ่มความยาวของภาพยนตร์อีกครึ่งชั่วโมง และสำหรับภาพยนตร์แล้ว การเพิ่มความยาวอีกครึ่งชั่วโมงนั้นเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป
ผู้ชมไปชมภาพยนตร์เพื่อความผ่อนคลาย
หากไม่มีแรงจูงใจมากพอ คงเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนที่จะอดทนดูภาพยนตร์ที่ยาวเกินไป อเวนเจอร์สกล้าทำเช่นนั้นก็เพราะอเวนเจอร์สมีรากฐานที่แข็งแกร่งมาก ทว่าสไปเดอร์แมนเวอร์ชันบลูสตาร์ไม่ได้มีการ์ตูนมาปูรากฐานเช่นเดียวกับอเวนเจอร์ส หลินเยวียนจำเป็นต้องเลือกแผนการประนีประนอมอย่างแน่นอน…
ใช่แล้ว
บทภาพยนตร์ของสไปเดอร์แมนไม่ได้มาจากเพียงปลายปากกาของระบบ หลินเยวียนได้เพิ่มแนวคิดของตนเองเข้าไปมากมาย ตำราที่เขาอ่านมามากมายนับว่านำมาใช้ได้ ท้ายที่สุดเขาต้องเริ่มต้นอย่างเชื่องช้าด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงนำสไปเดอร์แมนหลายเวอร์ชันมาเย็บเล่มรวมกัน
เพิ่มเงินไปมากทีเดียว
บทภาพยนตร์ซึ่งระบบจัดหาให้นั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ พูดได้เพียงว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าต้นฉบับ ถ้าหากหลินเยวียนคิดจะอาศัยระบบเพียงอย่างเดียว ตัวเขาเองจะพลอยรู้สึกว่าน่าเบื่อไปด้วย เพราะฉะนั้นการมีส่วนร่วมมากขึ้นย่อมมีความหมายมากกว่า
นอกจากนั้น
มีหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับซึ่งกล่าวถึงแนวคิด ‘ฮีโร่พลเรือน’ สไปเดอร์แมนนับว่าเป็นผู้บุกเบิก เนื่องจากในบรรดาภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่บนบลูสตาร์ มีเพียงปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ซึ่งมาจากพื้นฐานซึ่งต่ำกว่าคนอื่นอย่างแท้จริง
พ่อแม่เสียชีวิต
เขาไม่ได้มีครอบครัวที่ร่ำรวยและไม่ใช่คนที่โดดเด่นในโรงเรียน ถึงขั้นถูกรังแกด้วยซ้ำไป เขาเค้นสมองอย่างหนักเพื่อตามจีบสาว เขาสับสนและสูญเสียทิศทางระหว่างเติบโต และนี่คือสิ่งที่มีเสน่ห์ที่สุดของสไปเดอร์แมน
เขามีเส้นของการเติบโต
มีภาพลักษณ์ที่สดใสยิ่งขึ้น
แม้ว่าวายร้ายจะสร้างขึ้นผ่านลักษณะเหมารวม ทว่าการสร้างคาแรกเตอร์ของลุงกลับประสบความสำเร็จ แม้ว่าลุงจะมีฉากไม่มาก แต่การตายของลุงไม่เพียงสร้างความกระทบกระเทือนทางจิตใจให้แก่สไปเดอร์แมน แต่ยังเป็นความสะเทือนใจอย่างมากสำหรับผู้ชม ทุกคนรู้สึกว่าฉากนี้โหดร้ายเพราะทุกคนยอมรับตัวละครนี้แล้ว ถ้าหากตัวละครลุงไม่ได้ผ่านการออกแบบมาอย่างประณีต ประโยคว่า ‘พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง’ คงเป็นได้แค่คำพูดอันว่างเปล่า
ลุงประพฤติตนเป็นแบบอย่าง
เขาเป็นเพียงชายชราที่อ่อนแอ ไม่มีความสามารถในการเหาะเหินเดินอากาศอย่างสไปเดอร์แมน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหัวขโมยถือปืน เขากลับไม่ได้เลือกยืนดูแต่กลับหยุดยั้งอีกฝ่ายอย่างกล้าหาญ ถึงแม้ราคาที่ต้องจ่ายคือความวายชนม์ นี่ไม่ใช่ ‘ความรับผิดชอบ’ ที่คนธรรมดามอบให้ตนเองหรอกหรือ?
จะว่าไปแล้ว…
เพื่อบรรเทาความรู้สึกโหดร้ายนี้ หลินเยวียนจึงขยายด้านที่มีความสุขของสไปเดอร์แมน ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับเวอร์ชันทอม ฮอลแลนด์ ส่วนสไปเดอร์แมนเวอร์ชันโทบีย์ แม็กไกวร์ออกจะมืดมนไปสักหน่อย อรรถรสของการเปลี่ยนผ่านจากคนตัวเล็กๆ กลายเป็นฮีโร่นั้นสำคัญกว่า ถึงขั้นที่มีความเป็นศิลปะบ้างเล็กน้อย ทว่าฮีโร่มักมาพร้อมกับความรู้สึกขมขื่นและเคียดแค้นบ้างไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้นหลินเยวียนจึงพยายามสร้างความแตกต่าง
ความจริงเป็นประจักษ์
ว่าผลลัพธ์ไม่เลวเลย
หลายวันต่อจากนั้น สไปเดอร์แมนได้รับเสียงตอบรับจากผู้ชม ผู้คนเข้าไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงมากขึ้นเรื่อยๆ คนมากขึ้นเรื่อยๆ และผู้ที่ชื่นชอบสไปเดอร์แมนซึ่งช่างพูดและซุกซนก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ …