The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1302 – ความทรงจำยุคโบราณ

ตอนที่ 1302 - ความทรงจำยุคโบราณ

ตอนที่ 1302 – ความทรงจำยุคโบราณ

  “แล้วข้าล่ะ?”

  เจ้าหมากระโดดขึ้นลงเจ้าหมายังคงอยู่ในสภาพปุกปุยดังเดิมและมีพลังต่อสู้เพียงน้อยนิด

  ซือหยูมองนาง

  “นี่ก็ดีกับเจ้าแล้วไม่ใช่รึ?พอเจ้าฟื้นคืนร่างเมื่อไหร่ พลังเจ้าก็มีอยู่แค่นั้นแหละ”

  เจ้าหมากรีดกรงเล็บคัดค้านมันไม่พอใจ

  “เรื่องของเจ้าซ้อนมากตามประวัติศาสตร์ตระกูลราชวงศ์ หากเจ้ากลับคืนร่างเดิม มันจะเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะฟื้นพลังกลับคืนมา”

  ซือหยูขมวดคิ้วเล็กน้อย

  เขาเคยคุยเรื่องนี้กับองค์หญิงหกและองค์หญิงสองมาแล้ว

  เคยมีเรื่องทำนองเดียวกันเกิดขึ้นมาก่อนรัชทายาทอสูรได้กลับคืนร่างเดิมและมิอาจฟื้นพลังได้เต็มที่ มันเกิดขึ้นทั้งในอดีตและปัจจุบัน

  เจ้าหมาถอดใจมันนอนอยู่กับพื้นเงียบ ๆ นางไม่ยินดีนัก

  “นายท่านหากมีโอกาส ช่วยหาทางคืนร่างให้น้องข้าด้วย”

  องค์หญิงหกกล่าว

  ซือหยูพยักหน้า

  องค์หญิงหกพูดต่อ

  “น้องสาวข้าน่ะพิเศษนางอาจจะมีประโยชน์กับนายท่าน”

  “เล่าให้ข้าฟังสิ”

  “นานมาแล้วมีเรื่องเล่าในตระกูลเรา ว่าหนึ่งตระกูลราชวงศ์จะมีรัชทายาทไม่เกินแปดคน แต่มีแค่พ่อของเราที่มีลูกเก้าคน…”

  “ข้าถามเทพอสูรเนตรม่วงเขาพูดว่า…แดนเทพโบราณ”

  แดนเทพโบราณรึ?ชื่ออันไม่คุ้นเคยลอยล่องในใจซือหยู

  “ที่ไหนกัน?”

  “ข้าไม่รู้เทพอสูรเนตรม่วงสัมผัสมันได้เท่านั้น แต่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ตามที่เขาบอก เขามองลึกลงไปไม่ได้ มีตัวตนลี้ลับกั้นขวางเอาไว้”

  มีที่แบบนั้นอยู่ด้วยรึ?มันอยู่ในธารดาราไหม?

  ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาเวลาไปถามเทพอสูรเนตรม่วง

  แต่ตอนนี้เทพอยู่เนตรม่วงอยู่ในลูกปัดมิอาจออกมาได้

  ชีวิตของเทพอสูรเนตรม่วงใกล้จะจบลงก่อนหน้านี้เขาใช้พลังจากโอสถเพื่อยื้อชีวิต แต่ตอนนี้โอสถเหลือน้อยเต็มที

  ในวาระสุดท้ายเขาหวังว่าปี้หวังชิงจะมีโอกาสได้เป็นเทพก่อนเขาจะแตกดับในที่สุด

  ถ้าหากไม่จำเป็นซือหยูไม่คิดจะรบกวนทั้งสองในช่วงนี้  “ข้าจะหาทางฟื้นพลังให้นาง”

  ซือหยูตอบ

  เจ้าหมากระดิกห่างด้วยความตื่นเต้นนางเกาะน่องซืหยูราวกับสัตว์วิญญาณ

  “พวกเจ้าไปพักผ่อนได้”

  เมื่อห้องลับไร้ผู้คนซือหยูจึงมีเวลาบ่มเพาะพลัง

  เรื่องแรกที่เขากังวลคือสิ่งที่อยู่ใต้ระหว่างคิ้วของเขา…เนตรอสูร

  หลังจากใช้มันหลายครั้งมันก็หลับใหลไปอีกรอบ

  ตามบันทึกหลังจากมันตื่นครั้งแรก มันจะอยู่ในสภาพเกือบโตเต็มที่

  หากตื่นขึ้นครั้งที่สองมันจะเติบโตเต็มที่

  เนตรอสูรในขั้นโตเต็มวัยมีความหิวโหยรุนแรงถึงตอนนั้นมันจะต้องกลืนกินเทพเท่านั้น

  สถานการณ์เริ่มยุ่งยากอย่างที่หยุนหยาซือกลัว

  “อะไรจะเข้ามาก็ต้องรับมือ”

  ซือหยูแอบพูดกับตัวเองด้วยพลังของเขาในตอนนี้ การจับเทพไม่กี่คนมาเป็นอาหารเนตรไม่ใช่ปัญหา ช่วงเวลานี้จะยังปลอดภัยสำหรับเขา

  จากนั้นคือหนอนมรณะที่อยู่ในน้ำแข็ง

  จากที่เทพปีศาจบอกหนอนตัวนี้ล้มเหลวในการเป็นมัธยเทพ แม้จะตายไปแล้ว มันก็มีพลังทำลายล้างต่อดวงวิญญาณ

  นอกจากจะเป็นเวลาสำคัญเขาจะไม่ใช้มัน

  ซือหยูเข้าสู่มุกวิญญาณเก้าหยก

  “นายท่าน…”

  จางตี๋เก้อยิ้มเข้ามาหาซือหยูด้วยสิ่งที่ซือหยูให้ นางบ่มเพาะพลังได้อย่างก้าวกระโดด

  ซือหยูมองนางหัวจรดเท้า  “โชคร้ายที่ไม่มีแหล่งพลังเทพของเผ่าผีถ้ามีเจ้าคงได้เป็นเทพไปแล้ว”

  ในทั้งธารดาราเผ่าผีนั้นหายาก มีเพียงพันธมิตรบูรพาที่มีเผ่าผีอยู่

  “นายท่านข้าจะพิสูจน์ตัวเองว่าข้าทำมันได้”

  เมื่อจางตี๋เก้อกล่าวมีสองจิตวิญญาณที่แตกต่างกันมากในร่างกายนางปรากฏขึ้นมา หนึ่งคือจิตวิญญาณเผ่าผี และอีกหนึ่งคือจิตวิญญาณอรหันต์

  “โอ้?เจ้ามั่นใจแล้วรึว่าจะเป็นเทพได้?”

  ในโลกใบนี้เทพแทบจะทุกคนได้ตำแหน่งเทพสืบทอดมาจากบรรพบุรุษของตน

  ยากที่คนทั่วไปจะกลายเป็นเทพได้เอง

  จางตี๋เก้อมั่นใจว่านางจะกลายเป็นเทพได้ด้วยตัวเองมันเหนือกว่าความคาดหมายของซือหยู

  “ใช่ใช่ เสี่ยวเตี้ยช่วยข้าน่ะ”

  จางตี๋เก้อประสานมือกลิ่นอายความเก่าแก่โชยออกมา

  เกิดสองพลังเทพอันย่ิงใหญ่อยู้ด้านหลังนาง

  หนึ่งคือพลังของเทพผีส่วนอีกหนึ่งคือเทพอรหันต์

  “นี่มัน…”

  “พลังเทพโบราณมาจากความทรงจำของเสี่ยวเตี้ย”

  ซือหยูตัวสั่นพลังเทพโบราณรึ? ผีเสื้อโกลาหลมีความทรงจำเก่าแก่อยู่ด้วยรึ?

  “มันอยู่ที่ไหน?”

  ซือหยูถาม

  จางตี๋เก้อชี้ไปยังไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่ถูกเส้นไหมหลากสีกินไปเกือบครึ่งห้อยอยู่

  “มันเป็นดักแด้อีกแล้วรึ?”

  ก่อนที่หนอนจะเป็นผีเสื้อมันจะต้องเป็นดักแด้หนึ่งครั้ง

  แต่ในวันนี้ผีเสื้อกลับกลายเป็นดักแด้ครั้งที่สองและพัฒนาตัวเองต่อไป

  “มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

  “พอกินไผ่เงินหมดมันก็เริ่มสร้างดักแด้แล้วนายท่าน”

  ในครั้งที่แล้วที่ซือหยูมายังมุกวิญญาณเก้าหยกเขาให้ผีเสื้อโกลาหลกินไผ่เงินทั้งหมด ยกเว้นหน่อแรก

  เขาไม่คิดว่าหลังจากมันกินไผ่เงินหมดแล้วมันจะพัฒนาได้อีก

  “มันมีความทรงจำแล้วยังจะกลายร่างอีกครั้งอีก! ข้าประเมินมันต่ำไปสินะ”

  ซือหยูยิ้มบางๆ เขากำลังคาดหวังความประหลาดใจในอนาคต

  ซือหยูหันไปมองจางตี๋เก้อเขาแสดงความอิจฉานาง

  “พลังเทพโบราณไม่ใช่พลังที่คนนอกจะหาได้ง่ายๆ แต่เจ้าได้มันมาจากความทรงจำของเสี่ยวเตี้ย นี่เป็นโชคดีของเจ้า หากวันหนึ่งเจ้ากลายเป็นเทพ ข้าจะปล่อยเจ้าเป็นอิสระ   เขาเคยพูดว่าถ้าหากนางรับใช้เขาได้ดีนางจะเป็นอิสระ

  ตอนนี้นางมีโอกาสจะได้กลายเป็นเทพแล้วซือหยูจะรั้งนางต่อไปทำไม?

  “นายท่านข้ายินดีติดตามนายท่านจนสุดทาง หากไม่มีนายท่านก็คงไม่มีข้าในวันนี้”

  นางมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะซือหยูไม่ตระหนี่ในการบ่มเพาะนางมิเช่นนั้นภูติสวรรค์อย่างนางจะมีโอกาสได้แหงนหน้าสูงขึ้นหรือ?

  ซือหยูยิ้มบาง

  “ยามอินทรีน้อยเติบโตที่สุดจะทะยานสู่นภาไกลโพ้น หากเจ้ายังอยู่กับข้า สุดท้ายเจ้าจะเจ็บปวด”

  “บ่มเพาะพลังที่เจ้าได้มาให้สบายใจเถอะข้ารู้สึกได้ว่าเจ้าจะกลายเป็นเทพได้รวดเร็วกว่าข้า”

  หลังพูดจบซือหยูมองสวนสมุนไพรของเขาฃ

  ด้านในสวนเหลือเพียงต้นไม้เก่าแก่สองต้นที่สภาพไม่สู้ดีนัก

  หนึ่งคือไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่สูงพันศอกเทียบกับไผ่เงินในบันทึกอดีตแล้ว ไผ่เงินของเขาสูงถึงขีดสุด

  จากพลังของดินเพาะบ่มไผ่เงินต้นนี้อายุเกินกว่าเก้าพันปี อีกพันปีมันจะมีอายุถึงหมื่นปี

  ซือหยูกำลังรอที่จะได้เห็นพลังวิเศษที่เพิ่มขึ้นมาจากไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยนอกจากขนาดอันใหญ่โต

  “ปลูกมันต่อไปอีกหน่อยหากหมื่นปีแล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ข้าค่อยใช้มัน”

  ซือหยูพูดกับตัวเอง

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท