มุกดาก็ตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว แทบจะไม่มีอาการแพ้ท้องแล้ว เธอยิ่งอยู่ยิ่งทานเยอะขึ้น ลูกอยู่ในท้องก็เชื่อฟังมาก
ณิชพนยังคงพักอาศัยอยู่ที่ในวิลล่า ชลธีบอกว่ากับข้าวที่ณิชพนทำค่อนข้างถูกปากมุกดา ก็เลยให้เขาอยู่ทำกับข้าวให้มุกดากิน
ข้ออ้างนี้สมเหตุสมผล มุกดาจะยืนกรานให้พ่อตัวเองย้ายออกไปอยู่ข้างนอกก็ไม่ดี มีพ่อคอยอยู่เป็นเพื่อนตัวเองที่บ้าน ก็รู้สึกไม่เลวเหมือนกัน
“มุก นี่ก็สามเดือนแล้ว เราควรจะไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกทีนะ ได้ยินว่าต้องไปฝากครรภ์นะ”ชลธีที่ยุ่งมากสละเวลาออกมาหนึ่งวัน เตรียมพา
มุกดาไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
“ฉันไปเองค่ะ คุณยุ่งของคุณเลย” มุกดารู้สึกว่าตัวเองไปโรงพยาบาลเองได้ ไม่จำเป็นต้องมีคนไปเป็นเพื่อนด้วย
“ผมว่าผมไปเป็นเพื่อนคุณดีกว่า ยังไงวันนี้ผมก็ทำธุระเสร็จหมดแล้ว พรุ่งนี้ก็ไม่มีธุระอะไร” ชลธีไม่ไว้วางใจ เขาจะไปโรงพยาบาลกับมุกดา
ทีนี้มุกดาก็ไม่แข็งข้อแล้ว เพราะยังไงชลธีจัดสรรเวลาที่เหมาะสมได้เองอยู่แล้ว เธอสนใจอะไรเยอะขนาดนั้นก็ไม่ไหว
พอตั้งครรภ์ เวลาที่ชลธีอยู่บ้านก็มากขึ้น แต่ตอนกลางคืนมักจะออกไปเป็นประจำ มุกดานึกว่าเขาคงจะไปหาธินิดาทีไร ก็จะรู้สึกไม่สบายใจ
“ประธานชลธีคะ เด็กคนนี้เอาไว้ไม่ได้ค่ะ เขาพิการตั้งแต่กำเนิดค่ะ”ผู้อำนวยการสูตินรีเวชเห็นผลอัลตร้าซาวด์แล้ว ได้พูดกับชลธี
“อะไรนะครับ?พิการตั้งแต่กำเนิด?จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”ชลธีรู้สึกบีบหัวใจขึ้นมาทันที
“เด็กอาจจะด้อยพัฒนา จนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นแขนขาของทารกเลยค่ะ”ผู้อำนวยการสูตินรีเวชเอาใบอัลตร้าซาวด์นั้นชี้ให้ชลธีดู
ชลธีดูไปครู่หนึ่ง เหมือนอย่างที่พูดจริงๆด้วย แต่นี่เป็นลูกคนแรกของมุกดา เธอเตรียมพร้อมกับการเป็นแม่คนแล้ว จู่ๆต้องบอกให้เธอทำแท้ง ชลธีกลัวเธอจะรับไม่ไหว
“รออีกหน่อยไม่ได้เหรอครับ?”ชลธีถามหมอ
“รอไม่ได้แล้วค่ะ ถ้าทารกโตกว่านี้อีก ร่างกายของผู้เป็นแม่ก็จะได้รับความเสียหายเพิ่มมากขึ้น มีผลกระทบกับมดลูกด้วย เพราะฉะนั้นจะต้องเอาเด็กออกตอนนี้ค่ะ พวกคุณยังหนุ่มสาวกันอยู่ ถ้าอยากมีลูกอีกล่ะก็ พักฟื้นร่างกายให้ดีก็ยังสามารถมีได้อีกค่ะ”หมอก็ไม่อยากเห็นผลลัพธ์แบบนี้เหมือนกัน
แต่จะต้องรับผิดชอบทั้งคนไข้และตัวเด็ก ถ้าคลอดเด็กที่พิการตั้งแต่กำเนิดออกมา ทั้งชีวิตนี้ไม่ใช่แค่เขาที่ทุกข์ทรมาน ยังจะทำให้ทุกคนทุกข์ทรมานด้วย
“งั้นผมขอคิดดูก่อน ผมกลับไปปรึกษากับเธอก่อน “อารมณ์ของชลธีหนักหน่วงมาก
“ได้ค่ะ ประธานชลธี ถ้าคิดพิจารณาเสร็จแล้ว ก็ติดต่อฉันโดยเร็วนะคะ ฉันจะได้เตรียมการผ่าตัดค่ะ”ผู้อำนวยการสูตินรีเวชก็ถอนหายใจทีหนึ่งเช่นกัน
ชลธีเดินออกมาจากออฟฟิศของผู้อำนวยการสูตินรีเวชด้วยอารมณ์หนักหน่วง
“เป็นไงบ้างคะ?”สีหน้ามุกดาเต็มไปด้วยความหวัง เธอรู้สึกลูกตัวเองโอเคอยู่ ไม่จำเป็นต้องตรวจอะไร
“มุก คุณคงหิวแล้วใช่มั้ย ผมส่งคุณกลับไปก่อน คืนนี้ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”เวลานี้ชลธียังคิดไม่ออกว่าควรจะบอกกับมุกดายังไง เขาจะไปคิดที่บริษัทดีๆ
“โอเคค่ะ งั้นฉันรอคุณค่ะ”เห็นสีหน้าของชลธีไม่ค่อยดี มุกดาก็ไม่ได้เซ้าซี้อีก
ทั้งสองเพิ่งไปจากแผนกสตินารีเวช ธินิดาก็ออกมาจากที่ลับ เธอเห็นชลธีพามุกดามาที่แผนกสูตินารีเวช ก็สะกดรอยตามมาโดยตลอด ทีนี้สองคนนี้ไปแล้ว เธอก็ได้เข้ามาที่ออฟฟิศของผู้อำนวยการสูตินรีเวช
“สวัสดีค่ะ น้าแก้ว” ธินิดาพูดทักทายกับผู้อำนวยการสูตินรีเวช
“น้ำผึ้ง?หืม เด็กคนนี้หนิไม่ได้เจอมาหลายปีสูงขึ้นเยอะเลย แถมยังสวยขึ้นเยอะเลย”อสมาเป็นเพื่อนร่วมห้องกับปรีณาพรรณ แม่ของธินิดา
“น้าแก้วก็ไม่เปลี่ยนเลยค่ะ ยังสวยเหมือนเดิมเลยค่ะ” ธินิดาพูดจาเกรงใจกับอสมา
ทั้งสองถามไถ่สารทุกข์สุกดิบไปครู่หนึ่ง ธินิดาก็ได้เข้าสู่ประเด็นเลย
“น้าแก้วคะ เมื่อกี๊ชลเป็นอะไรคะ หนูเห็นสีหน้าเขาไม่ค่อยดีเลยค่ะ”
“เฮ้อ ก็ผู้หญิงที่เขาพามาตั้งครรภ์ เดิมทีมันก็เป็นเรื่องดีอยู่หรอก แต่ทารกในครรภ์กลับพิการตั้งแต่กำเนิด จะต้องเอาเด็กออก”อสมาก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังธินิดา เลยพูดกับเธอตรงๆ
“อ๋อ แบบนี้เหรอคะ น่าสงสารจังเลยค่ะ” ธินิดารู้ว่าอสมาเป็นคนที่จิตใจดีงามมาก เธอก็ได้เสียใจตามด้วยครู่หนึ่ง พอได้คำตอบ เธอก็ได้อำลากับอสมา
ธินิดาไปที่บริษัท พบว่าชลธีได้ทำงานอยู่ที่บริษัทแล้ว เขาน่าจะยังไม่ได้บอกเรื่องนั้นกับมุกดามั้ง พอดีเลย ถ้าไม่ได้บอกเธอก็สามารถบอกกับมุกดาแล้ว
“ชล มุกมีลูกก็มีไปเถอะค่ะ ฉันไม่ถือสาค่ะ คุณอย่าให้เธอทำแท้งเลยนะคะ นั่นก็หนึ่งชีวิตนะคะ”จู่ๆมือถือของมุกดาได้รับข้อความแบบนี้
แต่ไม่นานก็มีข้อความเข้ามาอีกหนึ่งข้อความ
“อุ๊ย ส่งผิด มุก เธออย่าเข้าใจผิดนะ”
มุกดาลบข้อความทั้งสองข้อความทิ้ง หมายความว่ายังไง?ชลธีเนี่ยนะจะให้ตัวเองทำแท้ง?
งั้นก่อนหน้านี้ที่เขาดีกับตัวเองล้วนเป็นสิ่งจอมปลอม?ดูแล้วก็ไม่เหมือนหนิ
ตามมาด้วยมีสายเรียกเข้า มุกดาดูแล้วเป็นเบอร์ไม่รู้จักเลยไม่ได้รับสาย
แต่สายเรียกเข้านั้นดึงดันมาก ดังไม่ยอมหยุดเลย มุกดาได้แต่รับสาย
“ฮัลโหล มุก เมื่อกี๊ฉันส่งผิดอ่ะ ฉันไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นนะ เธออย่าโทษชลเลยนะ เขาเองก็หมดหนทางเหมือนกัน”คนที่โทรมาคือธินิดา เสียงของเธอร้อนรนใจจนจะร้องไห้อยู่แล้ว
“เธอหมายความว่ายังไง?” มุกดาถามเธอคำหนึ่ง
“มุก ฉันไม่ได้หมายความว่ายังไง แต่แค่ชลเขา……ฉันก็ไม่อยากเหมือนกัน เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ ฮือๆ” ธินิดาพูดจบก็ได้ร้องไห้พร้อมกับวางสายทิ้ง
มุกดาเอามือถือไว้พร้อมมองอย่างเซ่อๆ เพื่อไม่ให้ธินิดาเป็นแม่เลี้ยง ชลธีก็จะเอาลูกตัวเองออกเลยเหรอ?นี่อายุครรภ์ก็ปาเข้าไปสี่เดือนแล้วนะ เขาโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
มุกดาเหม่อลอยอยู่อย่างนั้นนานมาก จนกระทั่งณิชพนเรียกเธอไปทานข้าว เธอถึงดึงสติกลับมา
กับข้าวที่ณิชพนกับนักโภชนาการทำได้เอร็ดอร่อย แต่พอมาถึงปากของมุกดาล้วนไร้รสชาติ
ก็ไม่รู้ว่าตัวเองทานไปเท่าไหร่ มุกดาก็ทานไม่ลงแล้ว เธอไม่อยากอาหารเลยสักนิด
เวลานี้เธออยากเจอชลธีมาก อยากให้เขาพูดออกมาว่าทำไมต้องให้ตัวเองเอาลูกออก
แต่ก็ใจร้อนไม่ได้ เธอจะต้องค่อยๆคิดหาวิธี เธอจะเอาลูกออกไม่ได้ เด็กคนนั้นเป็นชีวิตของเธอ ถ้าเอาลูกออก งั้นระหว่างเธอกับชลธีก็ไม่มีอะไรสามารถเชื่อมสายใยผูกพันอีกแล้ว
“มุก ทำไมคุณไม่เปิดไฟล่ะ” ชลธีเดินเข้ามาที่ห้องนอน เห็นมุกดาที่นั่งอยู่ในความมืดมน
“ชล คุณกลับมาแล้วเหรอคะ?”นี่เป็นครั้งแรกที่มุกดาเรียกชลธีแบบนี้ เสียงนั้นมีความสั่นคลอน ทำให้คนฟังแล้วเศร้าใจมาก