“อุ๊ยตายแล้ว คนทำงานมีสิทธิพิเศษมากกว่าสินะ พวกเราต้องรอกันทั้งบ้านถึงจะได้กิน?” เมื่อก่อนวรรณวิมลเป็นสะใภ้เพียงคนเดียวของตระกูลสุวรรณเลิศ ดังนั้น ปู่ปรัณจึงดีกับเธอมาตลอด และนิสัยเธอก็ร้ายขึ้นทุกวัน
“รออีกหน่อย” ปู่ปรัณสั่ง วรรณวิมลก็ทำอะไรไม่ได้ เลยต้องรอไปก่อน เธอรู้สึกว่าตำแหน่งในบ้านนี้ของเธอกำลังจะถูกแทนที่
มุกดาก็ไม่อยากสาย แต่วันนี้ตอนเช้าเธอสวมชุดกระโปรงสีแดง แต่ตอนก่อนจะออกไป เห็นว่าประจำเดือนตัวเองมา เธอจึงรีบย้อนกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมกับซักด้วย ที่จริงให้ชลธีลงไปก่อนเลย แต่ชลธีดึงดันจะรอตัวเองก่อน
ตอนที่ทั้งสองลงมา มุกดากวาดตามองคนทั้งบ้าน ขณะนั้นเองใบหน้าเธอก็แดงระเรื่อขึ้นมา
“ขอโทษด้วยค่ะ พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะค่ะ” มุกดาอธิบาย
ชลธีจับมือเธอนั่งลง ปู่ปรัณเห็นสองคนลงมาแล้ว ก็ไม่พูดอะไรอีก และให้ทุกคนกินข้าวได้
พอกินข้าวเสร็จแล้ว ชลธีกับมุกดาและโธรณีเตรียมตัวไปทำงานที่บริษัท ธีร์ธวัชกับนิตย์รวีร์ก็เตรียมตัวขับรถไปทำงานที่บริษัทเหมือนกัน พวกเขาต่างเป็นผู้จัดการของบริษัทย่อย ดังนั้นต่างก็ไม่อยู่บริษัทหลัก
“พี่ใหญ่ ตอนนี้ขนาดเจ้าชลมันยังแต่งงานแล้วเลย ทำไมพี่ถึงยังไม่แต่งสักทีล่ะ?” ตอนที่ธีร์ธวัชไปเอารถก็ถามนิตย์รวีร์
“ไม่เจอที่เหมาะสมน่ะ” นิตย์รวีร์พูดด้วยสีหน้าเย็นชา เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว แต่คนนั้นกลับไม่ชอบเขา
ทั้งสองขึ้นรถและขับออกไปทันที นิตย์รวีร์รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ตัวเองเป็นพี่ใหญ่ในบ้าน แต่ชลธีกลับได้ดีในทุกด้าน ขนาดเรื่องผู้หญิง เขายังอยากทำให้เสียใจก็ทำเลย เห้อ ธินิดานะธินิดา ฉันรักเธอมานานหลายปี เธอกลับไปรักชลธีเจ้าบ้านั่นทำไมกัน?
แต่ในตอนที่นิตย์รวีร์กำลังคิดถึงธินิดาอยู่นั้น ก็มีสายเรียกเข้า และคนที่โทรมาก็คือธินิดาพอดี
“เมื่อกี้คุณปู่ไม่พอใจหรือเปล่า?” นั่งอยู่บนรถของชลธี มุกดายังคงกำลังไม่เลิก
“ไม่หรอก ปู่ฉันน่ะชอบเธอมาก ไม่โกรธเธอแน่นอน แต่พี่สะใภ้รองคงไม่พอใจมากเลยนะ” โธรณีอธิบายกับมุกดา
ที่จริงก็ไม่ได้รอนานเท่าไหร่ ก็แค่ห้านาทีเอง
“อ้อ คุณปู่ไม่โกรธก็พอแล้ว” มุกดากลัวว่าจะทำให้คุณปู่โกรธจริงๆ
ทั้งสามคนมาถึงบริษัท ก็เดินไปที่นั่งทำงานของตัวเองทันที วันนี้ยังมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งมาเช้ามาก นั่นก็คือคุณชายพร
“ฮัลโหล สวัสดีตอนเช้าทุกคน” ทศพรทักทายทุกคน
มุกดาอยากพูดอะไรสักหน่อย แต่กลับถูกชลธีดึงตัวออกไป ทศพรก็เลยไปกับโธรณี
“พี่พร ทำไมถึงมาเช้าแบบนี้ล่ะ?” โธรณีเดินเข้าไปถามทศพร
“ฉันมาเช้าก็เพื่อรอใครคนหนึ่ง” ทศพรพูดกับโธรณี
เมื่อคืนเขามองสร้อยคอเส้นนั้นของจันวิภาอยู่นานมาก รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แต่กลับจำไม่ได้ว่าเคยเห็นมันที่ไหน
เขาไปห้องน้ำแล้วล้างหน้า จากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ทันที ว่าเคยเห็นสร้อยเส้นนั้นที่ไหน ดังนั้นเขาถึงมารอจันวิภาแต่เช้าแบบนี้ ความรู้สึกตื่นเต้นทำให้เขานอนไม่หลับทั้งคืน
“รอใครคนหนึ่ง ฉันว่าคนคนนั้นต้องไม่ใช่ฉันแน่ พี่พรมาผิดที่แล้วล่ะ ฝ่ายการตลาดอยู่ทางนั้น” โธรณีชี้ไปที่ด้านหลังของทศพรและพูด
“นั่นสิ ฉันจะไปกับเธอทำไม ฉันมารอจันวิภาต่างหาก งั้นก็บายๆละกัน ฉันไปก่อนล่ะ” ทศพรตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นจนแทบเป็นลม
โธรณีเห็นทศพรไปแล้ว เธอก็แกล้งทำท่าปวดใจ: “ทิ้งเพื่อนไปหาแฟนเหรอ!” พูดจบ เธอก็กลับไปที่แผนกเลขา
วันนี้จันวิภาไม่ได้มาตรงเวลานัก แปดโมงห้าสิบเดินเข้าประตูบริษัทฮอนดากรุ๊ป มาถึงฝ่ายการตลาด ก็แปดโมงห้าสิบห้าพอดี โดยทั่วไปแล้วเธอมาเวลานี้ทุกวัน
ตอนที่เธอจะเดินมานั่งกับที่ กลับเห็นทศพรนั่งรอตัวเองอยู่บนเก้าอี้ของตัวเองอยู่
เธอยกมือขึ้นดูนาฬิกาข้อมือ วันนี้ก็มาตรงเวลานี้ ไม่ได้สายสักหน่อย
“เธอไม่ได้สายหรอก” ทศพรพูดกับจันวิภาอย่างจริงจัง
“นายนั่งที่ของฉันทำไม ฉันคิดว่านายมาทำงานแทนฉันเสียอีก” จันวิภาเอาของวางไว้บนโต๊ะ สองมือเท้าเอวและมองทศพร
“คุณนั่งสิ นั่งก่อนเร็ว ผมแค่รอคุณจนเหนื่อยน่ะ เลยนั่งพักก็เท่านั้นเอง” ทศพรรีบลุกขึ้นและให้จันวิภานั่งลงก่อน
“รอฉัน? รอฉันทำไม?” จันวิภาจัดวางของตัวเองเสร็จแล้ว ก็เตรียมไปกดน้ำ แต่แก้วของตัวเองมีน้ำอุ่นรอไว้แล้ว
“ฉันอยากถามเธอเรื่องหนึ่งน่ะ” ในตอนนี้เองทศพรก็ไม่อ้อมค้อมอีก และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา
“ว่ามา” จันวิภาให้ทศพรพูด
“ยังเป็นเรื่องเดิม สร้อยเส้นนี้ เธอเก็บมาเหรอ?” ทศพรหยิบสร้อยเส้นนั้นออกมาและพูดกับจันวิภา
“เกี่ยวอะไรกับนาย? เอาสร้อยคืนฉันมานะ!” จันวิภาดูเสียอาการมาก ตาหมอนี่คิดจะทำอะไรกันนะ เอาสร้อยตัวเองไปแล้วไม่คืนอีก
“ฉันอยากรู้ เพราะตอนฉันอายุสิบห้า เคยทำสร้อยเส้นนี้หายไป” ทศพรเก็บสร้อยเอาไว้
“บ้าหรือเปล่า ฉันว่านายอยากรู้ความลับของสร้อยเส้นนี้มากกว่า ฉันไม่บอกนายหรอกนะ” จันวิภามองค้อนทศพร
“ไม่ใช่นะ ฉันพูดความจริง ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับสร้อยเส้นนี้มาโดยตลอด ก็แค่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนก็เท่านั้นเอง ฉันก็เพิ่งนึกได้เมื่อคืนเอง มันเป็นของที่ฉันทำหายไปตอนอายุสิบห้า” ทศพรพูดกับจันวิภาอย่างจริงจัง
คำพูดของเขาทำให้จันวิภารู้สึกแปลกในใจ
ตอนที่เธอเก็บสร้อยเส้นนี้ได้ เป็นเด็กผู้ชายอายุสิบกว่าขวบจริง และเด็กผู้ชายคนนั้นยังหล่อมากด้วย น้อยครั้งที่จะเห็นมีเด็กผู้ชายหน้าคล้ายลูกพี่ลูกน้องตัวเองได้ขนาดนี้
เธออยากคืนสร้อยให้เด็กผู้ชายคนนั้น แต่กลับถูกบอดี้การ์ดของเด็กผู้ชายคนนั้นดันตัวออกไปเสียก่อน แต่ตอนที่เด็กผู้ชายคนนั้นขึ้นรถ ยังยิ้มให้กับเธออีก รอยยิ้มนั้นยังคงประทับอยู่ในสมองเบื้องลึกของเธออยู่เลย
“นายทำหายตอนอายุสิบห้างั้นเหรอ? งั้นนายทำหายที่ไหน?” จันวิภาเริ่มหวั่นใจ เด็กผู้ชายคนนั้นคงไม่ใช่ทศพรหรอกนะ?
ตอนนั้นเขาดูหล่อมากนี่ แต่ทำไมตอนนี้ ถึงมีท่าทางกุ๊ยแบบนี้ล่ะ แตกต่างกับที่เห็นเมื่อก่อนมาก
“มีปีหนึ่งที่ฉันไปเรียนที่โรงเรียนสาธิตพระนคร น่าจะทำหายตอนนั้น ต่อมาฉันก็ออกไปเรียนต่อต่างประเทศน่ะ” ทศพรย้อนความหลัง
แต่จันวิภาก็มั่นใจว่าเก็บมันได้ที่โรงเรียนสาธิตพระนคร ตอนนั้นเธออายุแปดปี เรียนประถมอยู่ข้างๆ
คงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกนะ คนในตอนนั้นเป็นนายทศพรนี่จริงเหรอ? ดราม่าไปไหนเนี่ย ดราม่ากว่าละครในโทรทัศน์เสียอีก!
“นายให้เวลาฉันคิดหน่อย ฉันอยากอยู่คนเดียว ทศพร นายออกห่างจากฉันหน่อย ฉันกลัวฉันจะคลั่งเอาได้ ฉันคลั่งขึ้นมาขนาดตัวเองยังต้องกลัวเลย”