กับเรื่องที่วรกัญญาไม่ไปทำงานล่วงเวลาแล้วมาทานข้าวเป็นเพื่อนตน ทำให้ชลธีตื่นเต้นทั้งคืน
“ชล แกยิ้มอะไรอยู่คนเดียว” นีรชาทนดูไม่ได้ คนตัวใหญ่นั่งยิ้มจนเห็นฟันอยู่บนโซฟาเหมือนคนโง่
“ครับ? ผมกำลังยิ้มเหรอ” เมื่อชลธีได้ยินคำพูดของแม่ เขาก็สะดุ้งตกใจ ตนแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ
“ไร้สาระ นั่งยิ้มมาเป็นชั่วโมง นี่สี่ทุ่มแล้ว แกไม่นอนเหรอ เตรียมจะยิ้มไปทั้งคืนหรือไง” ด้วยพฤติกรรมพิเศษของลูกชายตัวเองในห้าปีที่ผ่านมานีรชาก็ไม่ได้แปลกใจอะไรแล้ว
“สี่ทุ่มแล้วเหรอครับ งั้นผมไปอาบน้ำนอนก่อนนะครับ” เวลานี้ชลธีเพิ่งพบว่ามันดึกมากแล้วจริงๆ ทั้งพ่อแม่ดูทีวีเสร็จแล้วและพร้อมจะเข้านอน
“ชุติภาส คุณว่าเด็กคนนี้มีบางอย่างผิดปกติไหม เราควรช่วยทำอะไรให้เขาหรือเปล่า” นีรชาพูดกับสามี
“เราจะทำอะไรได้ล่ะ ตอนนี้มุกจำอะไรไม่ได้เลย คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองเถอะ” ใจของชุติภาสยังคิดถึงหลานชาย เด็กน้อยนุ่มนิ่มคนนี้คิดแล้วก็จิตใจอ่อนยวบ
“แต่ผมคิดถึงอักลี่ คุณมีวิธีพาอักลี่มาที่บ้านเราไหม หรือเราไปหาอักลี่ก็ได้” ชุติภาสไม่ได้สนใจเรื่องของลูกชายตัวเองมากนัก เขารักหลานชายสุดหัวใจ
“เรื่องนี้ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน ง่ายมาก หาสักวันหยุดสุดสัปดาห์เราไปเยี่ยมมุกก็ได้ดีไหม เธอคงจะไม่ไล่เราออกมาหรอกมั้ง ฉันอยากทำของอร่อยๆ ไปให้หลานชายคนโตด้วย” นีรชาชื่นชมความคิดนี้ของตัวเอง พาหลานชายมาที่บ้านไม่ได้ บ้านหลังนี้มีคนเยอะเกินไป ไปหาหลานชายถึงจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
ขณะที่วรกัญญาในชุดสีดำเดินเข้าประตูใหญ่ของโจนส์กรุ๊ป มีคนคนหนึ่งถือช่อดอกไม้มาตรงหน้าเธอ
“ประธานวรกัญญาสวัสดีครับ ไม่ได้พบกันนานเลย” บนใบหน้าของธีรเมทยังคงมีรอยยิ้มที่มีมารยาท
“คุณคือคุณธีรเมท?” วรกัญญารู้จักธีรเมทแล้ว ครั้งก่อนตอนที่ธีร์ธวัชอะไรนั่นเข้ามาวุ่นวายกับตน เป็นธีรเมทที่ช่วยตนไว้
“โอ้ว ดีใจจังครับ คิดไม่ถึงว่าประธานวรกัญญาจะจำผมได้ ดอกไม้นี้แสดงถึงความจริงใจที่ผมมีต่อประธานวรกัญญาครับ” ธีรเมทยื่นดอกไม้ไปตรงหน้าวรกัญญา
กุหลาบช่อใหญ่มีพุดซ้อนอยู่ด้วย แต่วรกัญญากลับไม่รับ
“คุณธีรเมท มีเรื่องอะไรจะคุยเชิญไปคุยที่ห้องทำงานฉัน ดอกไม้ไม่จำเป็น” วรกัญญาพูดกับธีรเมท
“ได้ครับๆ แต่ผมเป็นผู้ชายถือดอกไม้มันไม่เข้า ประธานวรกัญญามองว่าอย่างนั้นไหมครับ” ธีรเมททำท่าทำทางกับดอกไม้ในมือ
“ใบเตย มาเอาดอกไม้ไปหน่อย” วรกัญญาพูดกับหญิงสาวที่เคาน์เตอร์ต้อนรับส่วนหน้า
หญิงสาวรีบมารับดอกไม้ไป แถมยังสูดดมกลิ่นเต็มปอดอย่างหลงใหล
ธีรเมทมีสีหน้าเก้อเขินไปชั่วขณะหนึ่ง คิดว่าดอกไม้ที่ตนส่งให้ทุกวันคงจะมีจุดจบแบบนี้
“ไปเถอะ คุณธีรเมท” วรกัญญาหมุนตัวเดินไป ธีรเมทตามหลังเข้าไปในลิฟต์
“ประธานวรกัญญาครับ เกี่ยวกับความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างโจนส์กรุ๊ปกับว่องประเสริฐการกรุ๊ป ทำไมการดำเนินการถึงเป็นไปอย่างเชื่องช้าครับ” นั่งอยู่ตรงข้ามวรกัญญา ธีรเมทพบว่าบนโต๊ะทำงานของวรกัญญามีกระถางดอกพุดซ้อน มันเจริญงอกงาม กลิ่นดอกไม้อบอวลไปทั้งออฟฟิศ
ที่แท้ก็มีดอกไม้อยู่แล้ว ไม่น่าแปลกใจที่ไม่ค่อยสนดอกไม้ที่ตนส่งให้ แต่ไม่สำคัญ เขาจะค่อยเป็นค่อยไป วรกัญญาในตอนนี้เป็นประธานของโจนส์กรุ๊ป ตัวเขาธีรเมทมีคนใหญ่คนโตให้กอดแข้งกอดขาแล้ว
ธีรเมทคิดอย่างสวยงาม ราวกับว่าเขาได้เห็นตัวเองนั่งอยู่ในตำแหน่งประธานว่องประเสริฐการกรุ๊ป
“ฉันรู้สึกว่าแผนงานนี้ยังไม่สุกงอมเต็มที่ คุณธีรเมทมาพอดี จะได้เอากลับไปแก้ไขหน่อย” วรกัญญาค้นเอาแผนงานของว่องประเสริฐการกรุ๊ปออกมาวางบนโต๊ะทำงาน
ธีรเมทเดินเข้าไปหยิบแผนงาน แผนงานนี้เขาทำด้วยตัวเอง มีหลายที่ที่เขาฉลาดแกมโกง คิดไม่ถึงว่าดันถูกวรกัญญาพบเข้า
“ได้ครับ ผมจะเอากลับไปแก้ไข ไม่ทราบว่าคืนนี้ประธานวรกัญญาว่างไหม ผมอยากเชิญประธานวรกัญญาไปทานอาหารค่ำ เพื่อพูดคุยเรื่องการปรับเปลี่ยนแผนงาน ได้ไหมครับ” ธีรเมทวางแผนงานไว้ข้างๆ เขาก้มหน้าลงมองวรกัญญา
วรกัญญาเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อห้าปีก่อนมาก สายตาของเธอในตอนนี้ไม่มีความไร้เดียงสาและความคิดเหมือนเด็กอีก แต่มีทั้งความฉลาดเฉลียวและการคิดคำนวณ
“ขอโทษ ฉันไม่ว่าง ถ้าคุณธีรเมทมีอะไรที่อยากคุย ก็ไปหาผู้ช่วยของฉัน และสามารถพูดคุยในห้องประชุมได้” วรกัญญาเหลือบมองธีรเมท คนคนนี้ทาแป้งเสยผมเรียบเยิ้ม อึดอัดที่จะมอง
“อ้องั้นก็ได้ครับ เป็นผมที่ล้ำเส้นไป เดี๋ยวต่อไปมีโอกาสผมจะเชิญประธานวรกัญญาอีกครั้ง งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ธีรเมทไม่ได้เซ้าซี้วรกัญญา เขาในตอนนี้เป็นคนมีความยับยั้งชั่งใจอยู่มาก คิดถึงเมื่อก่อนที่เขาไล่ตามจีบเธอ เธอเป็นเด็กสาวที่รักนวลสงวนตัวมาก ตอนนั้นเขาสามารถไล่ตามจีบเธอได้ ตอนนี้ก็คงจะได้ เพราะเขารู้จุดอ่อนของวรกัญญา
หลังจากธีรเมทกลับไป มีคนคนหนึ่งมาที่ห้องทำงาน จันวิภาเดินเข้าประตูมา
“กานต์ ฉันเอง จันทร์” จันวิภากลัววรกัญญาลืมตัวเอง เมื่อเข้ามายังมีการแนะนำตัวเองก่อนด้วย
“จันทร์ ฉันจำเธอได้ มานี่เร็ว เธอดูหน่อยว่าตรงนี้ฉันเป็นยังไง” วรกัญญาเห็นจันวิภาแล้วเธอก็ยิ้มหวานเรียกหล่อนเข้ามา
จันวิภาเดินไปหาวรกัญญา และในมือของเธอยังมีสิ่งของบางอย่างด้วย
“เธอดูคิ้วของฉันสิ ทำไมสูงข้างต่ำข้าง ฉันรู้สึกไม่สบายใจตลอดเลย” วรกัญญาวุ่นวายอยู่กับรูปร่างคิ้วตัวเองมานานแล้ว รู้สึกอยู่ตลอดว่ามันไม่เท่ากัน
“อ๋อ ฉันดูซิ” จันวิภาเอาของในมือวางไว้ข้างๆ เธอมองคิ้วของวรกัญญาอย่างจริงจัง
“ไม่นะ สูงเท่ากัน” ดูอยู่เป็นนานสองนาน จันวิภาก็ยังไม่รู้ว่ามันไม่สมมาตรตรงไหน
“ฉันดูยังไงก็ไม่เหมือน เธอดูสิเธอดู มันไม่เหมือนกันใช่ไหม” วรกัญญาชี้ไปที่ตัวเองในกระจก คิ้วมันไม่เหมือนกันจริงๆ
“นี่ กานต์ ไม่ใช่สักหน่อย ตอนที่เธอส่องกระจก ตาข้างหนึ่งของเธอยกขึ้น ก็เลยจะดูสูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเธอให้ฉันดู มันเป็นระดับเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา” จันวิภาพบต้นเหตุแห่งปัญหาแล้ว
“อ้าว แบบนี้นี่เอง เมื่อเช้าตอนที่ฉันส่องกระจก วุ่นวายอยู่นานมาก ยังเตรียมว่าจะไปหาประธานจันทิมาเพื่อให้ซ่อมให้ด้วยล่ะ” หลังจากรู้สาเหตุที่คิ้วของตนไม่เหมือนกัน วรกัญญาก็วางใจ
เธอยังกังวลอยู่เลยว่าสภาพแบบนี้จะไปเจอคนอื่นได้อย่างไร ปรากฏว่าก็ต้องเจอคนที่ไม่ชอบแต่เช้าตรู่
“กานต์ นี่คือรังนกเสวี่ยฮ๋าที่ฉันตุ๋นเอง เธอลองชิมสิ ฉันได้ยินว่าเธอมีอาการเจ็บที่หัวใจ ทานอาหารเสริมพวกนี้จะได้ดีขึ้น” จันวิภาที่แต่งงานแล้วเรียนรู้ทักษะมากมายมาจากแม่แท้ๆ ของตัวเอง
เธอได้ยินประวีร์บอกว่าวรกัญญามีอาการเจ็บที่หัวใจ คงจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการสูญเสียความทรงจำในตอนนั้น เธอรู้สึกปวดใจมาก วรกัญญาไม่มีพ่อแม่แล้ว เธอจึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นญาติสนิทของวรกัญญา
ไม่รู้ว่าความคิดนี้ของจันวิภา คุณและคุณนายเจนนี่สองสามีภรรยาจะคิดอย่างไร