ชลธีอยู่หน้าประตูมองดูวรกัญญาพี่สาวน้องชายสองคนกำลังพูดคุยสนุกสนานกันอยู่ ในเวลานี้ก็มีคนมาตบไหล่เขาเบาๆ
“ทำไมคุณไม่เข้าไปล่ะ?” คนที่มาถามชลธี ชลธีหันหน้าไปมองแวบหนึ่ง เขาก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย
“คุณนายเจนนี่ คุณกลับมาแล้ว?” ไม่ผิดหรอก คนที่มาพอดีก็คือคุณนายเจนนี่
“อืม ฉันต้องกลับมาแน่นอน ที่นี่เกิดเรื่องขึ้นมากมาย หากฉันไม่กลับมา ไม่ใช่จะวุ่นวายไปใหญ่หรอ?”คุณนายเจนนี่ถอนหายใจ
ยังดีที่การผ่าตัดของสามีตัวเองค่อนข้างประสบความสำเร็จ เธอถือว่าพักเรื่องทางนั้นไว้ชั่วคราว คุณโจนส์ก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องของวรกัญญา เลยเร่งให้คุณนายเจนนี่รีบร้อนกลับมาดูลูกสาว
ชลธีรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เรื่องวุ่นวายนี้ก็เพราะมาจากตระกูลสุวรรณเลิศ
“คุณนายเจนนี่ขอโทษด้วยจริงๆ ครับ” ชลธีพูดกับคุณนายเจนนี่
“ในเมื่อมาแล้ว ก็เข้าไปเยี่ยมเถอะ กานต์รู้แล้วว่าคุณคือสามีของเธอ คุณหลบอยู่แบบนี้ไม่ใช่เรื่องเลย” เดิมทีคิดว่าคุณโจนส์ทำการผ่าตัดแล้วค่อยกลับมา เอาวรกัญญาแลกกลับไป
แต่ไม่คิดเลยว่าอาการป่วยของคุณโจนส์กลับไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เห็น ทำการผ่าตัดไปแล้วหลายรอบ แต่ดีที่ตอนนี้ฟื้นฟูกลับมาค่อนข้างดี การผ่าตัดถือว่าประสบความสำเร็จ
“คุณนายเจนนี่ ผมไม่เข้าไปละครับ บางทีกานต์ในเวลานี้คงจะไม่อยากเห็นหน้าผม ดังนั้นผมอยู่ข้างนอกมองดูเธอก็พอครับ ในเมื่อคุณมาแล้ว ผมก็ไปละกันครับ” ชลธีกล่าวลาคุณนายเจนนี่ แล้วเขาก็ไป
คุณนายเจนนี่มองแผ่นหลังของเขา ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเป็นสามีของกานต์นี่เป็นเรื่องจริงที่เถียงไม่ได้ แต่ว่าตอนที่กานต์ต้องการเขามากที่สุด เขากลับไม่อยู่ข้างกายกานต์
จำได้ว่าปีนั้นตอนที่กานต์สลบไป ยังร้องไห้อยู่พักหนึ่ง ตะโกนว่าชลธีฉันเกลียดคุณ
คุณนายเจนนี่ไม่รู้ว่าตอนนั้นพวกเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ว่าคุณนายเจนนี่รักลูกสาวหมดหัวใจ เลยมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อชลธีเท่าไหร่ ในเมื่อเป็นคนที่ลูกสาวเกลียด ก็เป็นคนที่เธอเกลียดเช่นกัน
ดังนั้นช่วงไม่กี่ปีที่วรกัญญาอยู่ที่ฝรั่งเศส คุณนายเจนนี่ดูแลเธออย่างดี ไม่ให้ชลธีหาข้อมูลเจอแม้แต่น้อย เธอเองก็ไม่ร่วมมือใดๆ กับบริษัทฮอนดากรุ๊ป
แต่ว่าพวกเขาสามีภรรยายังไงก็เป็นสามีภรรยา ลูกก็โตขนาดนี้แล้ว ระหว่างพวกเขาก็ควรเข้าใจสักหน่อย คุณนายเจนนี่และคุณโจนส์ก็คิดแบบนี้ จะช้าหรือเร็วเรื่องที่ต้องจัดการ หลีกเลี่ยงไปก็ไม่มีประโยชน์
“เด็กๆ สวัสดีจ้า” คุณนายเจนนี่ปรากฏตัวหน้าประตู วรกัญญาและณฐวรต่างก็ดีใจมาก วรกัญญาปฏิบัติต่อคุณนายเจนนี่ไม่ได้สนิทสนมเท่าไหร่ แต่เธอรู้ว่าคุณนายเจนนี่ดีกับตัวเองมาก เธอก็ชินกับการเรียกคุณนายเจนนี่ว่าแม่แล้ว ในความทรงจำของห้าปีมานี้ คุณนายเจนนี่ก็คือแม่ของเธอ
“แม่ แม่มาได้ยังไง? ร่างกายของพ่อโอเคมั้ย? แยกห่างจากแม่ได้แล้วหรอ?” ณฐวรและวรกัญญาต่างก็เป็นห่วงสุขภาพของคุณโจนส์
“พ่อของพวกเธอฟื้นฟูดีมาก พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วง ฉันกลับมาเพราะต้องจัดการเรื่องบางอย่าง” คุณนายเจนนี่พูดกับลูกทั้งสองของตัวเอง
เห็นพวกลูกๆ รักใคร่กันดี เธอก็ได้รับการปลอบโยน หลายๆ บ้านลูกต่างก็ทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ว่าลูกของตัวเองกลับอ่อนน้อมถ่อมตัว
“อ้อ แม่ แม่มาพอดี ร่างกายของพี่สาวไม่ค่อยแข็งแรง ผมอยากมาแทนเธอสักช่วงหนึ่ง ให้เธอได้พักผ่อนสักพัก” ณัฐวรพูดกับคุณแม่ เขาห่วงแหนพี่สาวของตัวเองมาก อยากให้พี่สาวผ่อนคลายใจ
“แม่ ไม่ต้องหรอก ฉันยังไหว ณัฐไม่ชอบธุรกิจมาตลอด ก็ให้เขาทำสิ่งที่เขาชอบเถอะ” วรกัญญารีบอธิบาย
เธอกับน้องชายไม่เหมือนกันสักนิด น้องชายไม่ชอบธุรกิจ แต่ว่าเธอกลับชอบธุรกิจมาก ในบ้านนี้จะต้องมีคนใดคนหนึ่งเสียสละ แต่ว่าคนคนนั้นเธอยินดีที่จะให้เป็นตัวเอง
“ครั้งนี้ที่ฉันกลับมา ก็มาจัดการเรื่องนี้ชั่วคราวนั่นแหละ ณัฐคิดถึงพี่สาวเป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่นายไม่ใช่คนที่เหมาะจะทำธุรกิจ นายไปฝรั่งเศสเพื่อดูแลพ่อนาย กานต์ขอโทษทีนะ ฉันรู้ว่าเธอกลับมาจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ฉันก็ช่วยไม่ได้ ช่วงนี้เธออารมณ์ไม่ดี ก็ไปท่องเที่ยวผ่อนคลายใจสักหน่อยเถอะ พาอักลี่ไปด้วย โจนส์กรุ๊ปก็ให้แม่มาดูแลแทนชั่วคราวสักระยะเถอะ”
คุณนายเจนนี่วางแผนสำหรับเรื่องช่วงนี้ไว้แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ทุกคนก็มีความสุข ห้าปีมานี้กานต์ไม่ได้หยุดพักเลย เธอมักจะทำงานอย่างลืมตัว ดังนั้นอักลี่จึงไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยว
“แม่คะ หนูไม่ต้องการพักผ่อน หนูหยุดไม่ได้ หนูหยุดไปแล้ว ก็ยังคงป่วยอยู่ดี” วรกัญญากลัวจะไม่ได้ทำงาน ถ้าเธอไม่ได้ทำงานซักช่วงหนึ่ง เธอจะไม่สบายใจ
“ไม่เป็นไร เธอไปก็ไม่ต้องนานมาก หนึ่งเดือนก็พอ ฉันจะช่วยเธอจัดการงาน เธอพาอักลี่ไปเที่ยวต่างประเทศดีๆ แล้วกัน ถ้าไม่อยากไปต่างประเทศ ก็ไปบางที่ในประเทศก็ได้” คุณนายเจนนี่รู้สึกว่าลูกสาวของตัวเองจำเป็นต้องพักผ่อนอย่างมาก
“แม่” วรกัญญายังอยากจะพูดอะไร แต่คุณนายเจนนี่กลับหยุดเธอ ลูกสาวคือแก้วตาดวงใจของตัวเอง ไม่ใช่เครื่องจักรเอาไว้หาเงิน ลูกมีเรื่องในใจ เธอรู้ดี วรกัญญาก็เสียใจมาก ดังนั้นเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้ความจำเสื่อม
บางทีเธออาจมีวิธีฟื้นความทรงจำกลับคืนมา แต่เธอกลับกลัวที่จะนึกถึงเรื่องในอดีต เธอจึงทำงานเพื่อให้ตัวเองลืมความรู้สึก หลีกเลี่ยงอดีต ผ่านไปนานเข้า เธอก็ลืมอดีตไป และความจำเสื่อมจริงๆ
เห็นแม่บังคับตัวเองให้ไปพักร้อน วรกัญญาคิดอยู่สักพัก รู้สึกว่าพอรับได้ อักลี่อยู่กับเธอก็ได้รับความลำบากมามาก แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยไปพวกสวนสนุกหรือสถานที่อะไรทำนองนั้นมาก่อน
“งั้นก็ได้ค่ะ หนูไปเที่ยวละกัน ขอบคุณนะคะแม่ ลำบากแม่แล้ว” วรกัญญาตกปากรับคำ
“แม่ เราจะไปเที่ยวที่ไหนหรอ?” อักลี่กำลังเก็บเสื้อผ้าของตัวเอง ภายในกล่องเล็กๆ ของเขาใส่จนใกล้จะเต็มแล้ว
“คุณยายลูกจองตั๋วเครื่องบินไว้ แม่ก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหนเหมือนกัน อีกสักพักจะมีคนส่งตั๋วเครื่องบินมาให้เราจ่ะ” วรกัญญาก็กำลังเก็บกระเป๋าเดินทางของตัวเอง
“ไม่ว่าจะไปไหน ผมก็ชอบทั้งนั้น แม่ครับ ผมอยากไปเที่ยวด้วยกันกับแม่ อักลี่จะอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ไปตลอดชีวิตเลยครับ” อักลี่เดินเข้าไป กอดวรกัญญาที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นจัดกระเป๋าเดินทางและจุ๊บเธอทีหนึ่ง
“ได้จ้ะ ลูกจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ไปตลอดชีวิต งั้นอนาคตลูกจะไม่แต่งงานหรอจ๊ะ?” วรกัญญาหยอกล้อลูกชาย
“ถ้างั้นอนาคตให้ภรรยากับผมอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ด้วยกันครับ” การตอบสนองของอักลี่นั้นรวดเร็วมาก เขาตอบคำถามในทันที วรกัญญาหลังจากได้ยินก็ดีใจมาก
“ประธานวรกัญญา นี่คือตั๋วเครื่องบินที่คุณนายให้ผมมาส่งให้ครับ เป็นเครื่องบินวันนี้ตอนบ่าย2โมงครับ ปลายทางคือซูริกประเทศสวิตเซอร์แลนด์ครับ หลังจากที่คุณไปถึงจะมีคนมารับคุณอยู่ที่นั่น” ชายสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่ง ในมือถือซองเอกสารซองหนึ่ง มอบให้แก่วรกัญญา
วรกัญญารับซองเอกสารมา เธอเปิดออกดู นั่นคือตั๋วเครื่องบินไปซูริก
เธอก็แค่พูดออกมาลอยๆ ประโยคหนึ่งว่า อยากไปเที่ยวดูซูริกจังเลย ศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่คึกคักแห่งนั้น