ขณะที่ธินิดานั้นกำลังตอบคำถามของนักข่าวอย่างภาคภูมิใจแต่ทันใดนั้นก็มีนักข่าวที่คนหนึ่งถามคำถามม้ามืดออกมาอย่างไม่คาดคิด นี่ไม่ใช่คำถามที่ธินิดาเสนอแนะมา
ใบหน้าของธินิดายังคงมีรอยยิ้มอยู่ หล่อนมองไปที่นักข่าวที่ดูอายุน้อยคนนั้น ใบหน้าอันอ่อนเยาว์นั้นไร้ซึ่งริ้วรอยใดๆ ตามกาลเวลา
“แน่นอนว่าฉันต้องมีขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายกับคุณนิตย์รวีร์อยู่แล้วค่ะ ไม่ทราบนักข่าวหนุ่มคนนี้มาจากสำนักไหนเหรอคะ?”ธินิดาเดินไปหานักข่าวหนุ่มคนนั้น
“ผมมาจากTodayครับ” ชายหนุ่มยืดอกของเขาขึ้นTodayเป็นสื่อขนาดใหญ่และธินิดาเองก็จำไม่ได้ว่าตนได้เชิญนักข่าวจากสำนักข่าวนี้มาด้วย
“อ่อ มาจากTodayนี่เอง ไม่ง่ายเลยนะคะ อายุยังน้อยแต่สามารถเข้ามาทำสื่อมวลชนยักษ์ใหญ่แบบนี้ มาจากประตูหลังใช่ไหมคะ?ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันได้ยินมาว่าที่Todayจะรับคนที่อายุมากกว่าสามสิบทำงานเท่านั้น” ธินิดาหัวเราะนำออกมา จากนั้นคนอื่นๆ ก็พากันหัวเราะตามไปด้วย
รอยยิ้มของคนเหล่านั้นเป็นรอยยิ้มแห่งความริษยา Todayนั้นถือเป็นสื่อที่มีรายได้ดี เป็นสื่อมวลชนที่มีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง คนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปได้
“หากมีขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายจริง งั้นผมก็ต้องเรียกคุณว่าคุณนายธินิดา คุณนายธินิดาครับ ทำไมสามีของคุณตายจากไปแล้วแต่ทำไมคุณถึงไม่มีท่าทีที่เศร้าโศกเสียใจเลยครับ ทำไมในตอนนี้ถึงยังดูมีความสุขดีอยู่?”นักข่าวตัวน้อยถึงแม้อายุจะไม่มากแต่ฝีปากนั้นเฉียบคมสุดๆ
“ทำไมฉันจะไม่เสียใจล่ะคะ ฉันเสียใจมานานมากแล้วต่างหากแต่วันนี้ฉันก็มีความสุขจริงๆ ค่ะที่มีคนได้รับโทษไป คุณว่าฉันควรมีความสุขไหมล่ะคะ?”อารมณ์ที่ดีของธินิดาในตอนนี้นั้นถูกนักข่าวหนุ่มน้อยคนนี้ทำลายไปเสียแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นคุณนายธินิดาจะแต่งงานใหม่ไหมครับ?ได้ยินมาว่าคุณเคยแต่งงานกับคุณฟิลลิปมาก่อนด้วย ตอนนี้คุณนิตย์รวีร์ก็เพิ่งมาจากไป คุณต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าจะแต่งงานอีกครั้งเหรอครับ?”ถ้าหากว่านักข่าวหนุ่มน้อยคนนี้ไม่ได้ถูกคนซื้อตัวมา ธินิดาคงไม่เชื่อแน่ว่าจะมีการถามคำถามในโอกาสเช่นนี้และมันไม่มีใครอื่นเลยจริงๆ
แต่หลังจากที่นักข่าวหนุ่มน้อยผู้นี้ได้ถามออกไป นักข่าวคนอื่นๆ นั้นก็ต่างพากันจับจ้องรอฟังคำตอบของธินิดาอยู่ สื่อบันเทิงให้ความใส่ใจในความเป็นส่วนตัวของคนดังและด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่มันจะทำให้พวกเขาจะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ฉันไม่มีอะไรจะพูดต่อแล้วพอดียังมีธุระที่ต้องไปทำ ขอตัวก่อนนะคะ” เดิมทีธินิดานั้นเตรียมตัวที่จะให้นักข่าวสัมภาษณ์มานานมาก หล่อนต้องการที่จะจัดการมุกดาอย่างเหี้ยมโหดแต่มาถึงได้ครึ่งทางก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นได้เสียนี่และมันก็ได้ทำให้แผนการของหล่อนพังทลายลง
ธินิดาขึ้นรถไปพร้อมกับบอดี้การ์ด หล่อนสั่งให้ลูกน้องของตนนั้นไปตรวจสอบมาว่านักข่าวคนนั้นเป็นใครกันแน่
ขณะที่นั่งอยู่เบาะหลัง จิตใจของธินิดานั้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก สิ่งเล็กๆ นี้สามารถมาท้าทายความอดทนของหล่อนได้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!
ไม่นานนักก็ได้รู้มาว่าที่มาที่ไปของนักข่าวหนุ่มน้อยคนนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว เขาเป็นถึงลูกชายคนเล็กของประธานToday ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ได้มาโผล่ในโอกาสเช่นนี้ได้ บางทีเขาอาจจะได้รับการฝึกงานที่Todayก็เป็นได้ Todayไม่สนใจข่าวพวกนี้อยู่แล้ว
“งั้นก็ช่างมันเถอะ ปล่อยเขาไป ประธานบริษัทของTodayเองก็มีเบื้องหลังอยู่มาก ฉันจะไม่สนใจอะไรเขาก็แล้วกัน” หลังจากที่ธินิดาได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ทุกๆ อย่างในวันนี้นั้นยังคงสมบูรณ์แบบ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ธินิดาก็เรียกอุไรภัสร์มาหาและให้เขาไปเตรียมการอะไรบางอย่าง ส่วนตนก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องต่อ
มุกดาถูกนำตัวไปยังเรือนจำนักโทษหญิงและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลายทางฟ้าขาวจากนั้นถูกนำตัวเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง
“นี่คือห้องของเธอ เธอจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้ต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตามหากว่าเธอประพฤติดีเธอก็จะได้ลดโทษ เพราะฉะนั้นอย่ามองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป”ผู้คุมหญิงกล่าวกับมุกดา
ในห้องนั้นมีทั้งหมดสามคน ทุกคนหัวโล้นและต่างมองดูการมาของมุกดาด้วยความสงสัย
“นี่คือเพื่อนร่วมห้องของพวกหล่อน ดูแลซึ่งกันและกันไว้ล่ะ ปรับปรุงตัวให้ดีๆ “เมื่อผู้คุมหญิงพูดจบก็ออกไป
ในเวลานี้ทั้งสามลุกขึ้นยืนพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าของมุกดา หนึ่งในนั้นหัวเราะออกมา
“เธอนี่สวยอยู่นะ แต่พอวันนี้เข้ามาที่นี่มันก็เปล่าประโยชน์แล้วล่ะ จะมีผู้ชายกี่คนที่ต้องเจ็บปวดใจกัน เคยเป็นเมียน้อยมาก่อนใช่ไหม?พอโดนจับได้เธอก็เลยฆ่าปิดปากซะเลย?”นักโทษหญิงคนหนึ่งที่ดูพอมีอายุเดินมาที่ด้านหน้าของมุกดาและใช้มือของหล่อนเชิดคางของเธอขึ้น
“กฐิน อย่าพูดเพ้อเจ้อสิ”นักโทษหญิงอีกคนที่ดูแก่กว่าบอกให้ผู้หญิงคนนั้นหยุดพูด
“เหอะ เกิดมาสวยก็มีผลลัพธ์แบบนี้กันทั้งนั้นแหละ ฉันรู้สึกว่าการที่เธอมาที่นี่เธออย่าคิดว่าตัวเองดียอดเยี่ยมหรืออะไรเลย อย่างน้อยเลยคือเธอควรจะเข้ากับพวกเราได้ดี พวกเราจะได้พอคุ้มกะลาเธอได้!เธอว่าไงล่ะ?”ผู้หญิงที่ชื่อว่ากฐินนั้นไม่ฟังคำเตือนของนักโทษหญิงที่อายุแก่กว่า
ผู้หญิงอีกคนไม่ได้พูดอะไรออกมา หล่อนมองมาที่มุกดาจากนั้นกลับไปนอนที่เตียงนอนของหล่อน
“ฉันนอนที่ไหนเหรอคะ?”มุกดาเองก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนี้ เธอถามอย่างตรงไปตรงมาว่าเธอนอนที่ไหนได้เนื่องจากมีเตียงอยู่สามเตียงและเธอไม่รู้เตียงไหนกันที่เป็นของเธอ
“เธอไปนอนตรงนั้นก็แล้วกัน!”กฐินชี้ไปที่เตียงที่อยู่ตรงมุมกำแพง จุดนั้นเป็นที่ที่อับชื้นที่สุดแถมผ้าห่มที่อยู่บนนั้นก็ดูมีราขึ้นอีก
มุกดาเดินไปที่มุมกำแพง “เดี๋ยวก่อน ฉันยังพูดไม่จบ!”เมื่อเห็นว่ามุกดาไม่พูดกับตน หล่อนจึงรู้สึกว่าความน่าเกรงขามของตนนั้นได้โดนดูถูกเสียแล้ว ดังนั้นหล่อนจึงต้องการให้มุกดาเคารพตน
“พวกเราไม่คุ้นเคยกัน จากนี้ก็ล้วนแต่เป็นนักโทษ กินข้าวเหมือนกัน ทำงานเหมือนกันและยังต้องอยู่กันไปอีกนาน ถ้ามีอะไรจะพูดก็ค่อยๆ พูดเถอะ วันนี้ฉันค่อนข้างเหนื่อยอยากจะพักก่อนสักหน่อย” หลังจากที่มุกดาพูดจบ เธอเดินไปที่เตียงและล้มลงนอน
คำพูดของเธอนั้นทำให้คนในห้องทั้งสามคนประหลาดใจ อย่างแรกเลยกฐินไม่คิดว่านักโทษมาใหม่คนนี้จะดูทรงพลังและทำให้หล่อนรู้สึกสั่นสะเทือนได้
นักโทษคนที่ไม่พูดอะไรได้ลืมตาขึ้นจากนั้นก็หลับตาลงไปอีกครั้ง
ส่วนอีกคนที่มีอายุมากกว่าก็ได้ห้ามปราบกฐินไว้ “พักสักหน่อยเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องให้ต้องทำอีกเยอะ มีอะไรก็ค่อยคุยกันวันพรุ่งนี้”
แต่กฐินนั้นไม่ให้อภัย หล่อนเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงด้านหน้าของมุกดา หล่อนนั่งลงที่ข้างเตียงของมุกดาพร้อมกับยื่นมือออกไปหวังจะจับมือของมุกดา
“ฉันให้เกียรติหล่อนแล้วนะ แม้ว่าฉันจะมาใหม่แต่ฉันก็จะไม่ยอมถูกรังแกแน่ๆ คนเราควรจะรู้จักพอประมาณ” มุกดาจับไปที่มือของกฐินเพราะว่ากฐินนั้นจับคอของเธออยู่
“ฉันก็ยังจะรังแกอยู่ดี ทำไมล่ะ เธอจะสู้ฉันได้เหรอ?”กฐินยื่นมืออีกข้างหนึ่งออกไป ในเวลานี้มันได้ทำให้มุกดาโกรธขึ้นแล้ว เดิมทีเธอพยายามอดกลั้นและอ่อนข้อให้แต่ผู้หญิงคนนี้นั้นกลับยกตนข่มคนอื่น
มุกดาจึงพลิกมือจับไปที่กฐิน จากนั้นได้ยินเสียงดัง’ครึก’ออกมา