แต่งรักมัดใจบอส – บทที่ 367 ชีวิตคนเรายอดเยี่ยมอยู่เสมอ

แต่งรักมัดใจบอส

หลังจากทอฝันพูดจบ มุกดาก็เงียบไป เธอกำลังครุ่นคิดเรื่องราวอย่างเงียบๆ ทอฝันก็มองเธออย่างเงียบๆ

“เฮ้ ฉันควรเรียกเธอยังไงล่ะ? เป็นพี่หรือเป็นน้อง?” ทอฝันถามอย่างระมัดระวัง ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยชัดเจนกับเรื่องอะไรเลย

“เรียกฉันว่าพี่แล้วกัน ทอฝัน ครอบครัวของเธอยังมีใครอีกบ้าง?” มุกดาถามทอฝันอีก

“ฉันยังมีน้องสาวหนึ่งคน น้องชายหนึ่งคน เป็นลูกของแม่เลี้ยงฉันทั้งคู่ พวกเขาดีมากนะ มีของกินอะไรก็เอาให้ฉันกิน” ตอนที่ทอฝันพูดถึงครอบครัวของตนเอง ยังดูมีความสุขมากๆ

“งั้นศาลถามอะไรเธอล่ะ? เธอยอมรับทั้งหมดเลยเหรอ?” มุกดาถามทอฝันอีก เธอรู้สึกว่าทอฝันน่าสงสารมาก โดนหักหลังแล้ว แต่กลับยังรู้สึกขอบคุณอยู่เลย

“ศาลถามว่าฉันฆ่าคนคนนั้นใช่ไหม เหมือนว่าจะมีคนตายน่ะ ฉันจึงตอบไปว่าใช่ เขาก็ถามอีกว่าฆ่ายังไง ฉันจึงตอบตามที่แม่บอกให้พูด ฉันใช้ผ้าห่มคลุมให้เขาตาย” ถึงดวงตาของทอฝันจะไม่โตมาก แต่ยังเปล่งประกาย และดวงตาคู่นั้นก็บริสุทธิ์เกินไป บริสุทธิ์จนไม่มีสารเจือปนเลย

“หึ่ม เหมือนกับคนโง่ๆที่พูดได้ทั้งวัน ตนเองก็ไม่ห่างจากความโง่แล้วเนี่ย” ตอนที่มีคนเดินผ่านข้างกายมุกดา ก็พูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม

“ฉันไม่ใช่คนโง่ ฉันไม่ใช่คนโง่สักหน่อย!”

ตอนนี้ทอฝันตอบสนองอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าคนที่เดินผ่านพูดถึงเธอ เธอจึงเบ้ปากปฏิเสธ

“เธอไม่ใช่คนโง่ งั้นใครโง่ล่ะ? ก็แค่แพะรับบาปคนหนึ่ง! ทำไมถึงไม่รับผิดแทนฉันบ้างล่ะ?”

ผู้หญิงคนนั้นพูดแล้วก็เดินผ่านไป แต่ทอฝันกลับตามไปด้วย เธอดึงผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “ฉันไม่ใช่แพะรับบาป ฉันไม่ใช่คนโง่!”

“ปล่อย เธอมันโง่ เธอก็คือคนโง่ เธอก็คือคนโง่!” ผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้ทอฝันหงุดหงิดใจแล้ว เธอออกแรงผลักทอฝันอย่างเต็มที่ ผลักทอฝันจนล้มลงไปบนพื้น

ทอฝันนั่งอยู่บนพื้นแล้วเริ่มร้องไห้ขึ้นมา เธอร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจ ตั้งแต่หลังจากตนเองเข้ามา แม่กับคนในครอบครัวไม่เคยมาหาเธอเลย พวกเธอไม่รักตนเองแล้วใช่ไหม?

“ลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องร้องไห้ อีกเดี๋ยวต้องเตรียมตัวเข้านอนแล้วนะ” มุกดาดึงทอฝันขึ้นมา ตอนนี้ก็เป่านกหวีดแล้ว

เมื่อกี้ยังมีนักโทษหญิงมากมายรวมตัวกันอยู่ตรงนี้ แต่แค่ได้ยินเสียงนกหวีดก็กลับห้องของตนเองอย่างรวดเร็ว

ทอฝันก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นกลับห้องของตนเองไปแล้ว มุกดาโดนพี่อุ่นดึงกลับมา หลังจากเข้าไปในห้อง พี่อุ่นถึงได้บอกเธอว่า คนในนี้รู้เรื่องของทอฝันกันหมด เธอก็จำคุกตลอดชีวิตเหมือนกัน ต้องอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต ทำให้มุกดาไม่ต้องถามมากแล้ว เพราะทุกคนรู้ว่าทอฝันเป็นแพะรับบาป

“เฮ้อ บนโลกนี้มีเรื่องไม่ยุติธรรมมากเกินไป ก็ไม่แคร์หรอกที่จะเพิ่มเธอมาอีกสักคน” พี่อุ่นถอนหายใจ

มุกดาพยักหน้า ทุกคนพากันเงียบให้กับโลกใบนี้ เรื่องใดๆก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น บางครั้งถ้าลองเปรียบเทียบดูแล้ว ตนเองก็ไม่ใช่คนคนนั้นที่โชคร้ายที่สุดหรอก

วันที่สองเป็นวันสุดสัปดาห์ มุกดาโดนผู้คุมเรียกให้ลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ บอกว่ามีคนมาหาเธอ

ตอนที่มุกดาเดินไปถึงกระจกด้านใน ก็เห็นธาราวดีกำลังเช็ดน้ำตาอยู่ ตอนที่เธอเห็นมุกดาเดินออกมา ก็รีบยกโทรศัพท์ขึ้น

“มุก มุก ลูกลำบากแล้ว เป็นพ่อกับแม่เองที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ปกป้องลูกให้ดี!” ธาราวดียิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหลมากขึ้นเรื่อยๆ เธอพูดอยู่เสมอว่าอยากมาเยี่ยมมุกดา แต่สามีกับชลธีห้ามเอาไว้ กลัวว่าเธอจะยิ่งเสียใจ

“แม่คะ นี่จะโทษแม่ได้ยังไงกัน? เป็นเพราะมุกไม่ระวังตัวเอง มุกไม่ฟังคำพูดของชล ไม่คิดว่า ธินิดาจะโหดร้ายเช่นนี้” ตอนนี้มุกดาก็เสียใจที่ตนเองทำผิดไป ต้องโทษที่ตนเองอวดดีเกินไป ตนเองอวดดีสองครั้งจึงทำร้ายตนเองถึงสองครั้ง

“แม่ชลธีลูกบอกว่าอยากจะมา แต่แม่ไม่ให้มา เธอเป็นโรคหัวใจ กลัวว่าถ้าเธอเครียดเกินไปแล้วหัวใจจะทนไม่ไหว เมื่อกี้เพิ่งตรวจพบ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ได้รับเรื่องสะเทือนใจมากเกินไป สุขภาพของเธอจึงแย่ลงเรื่อยๆเลย เฮ้อ!”

ธาราวดีถอนหายใจ คนบนโลกนี้ ทั้งๆที่คุณไม่ไปทำร้ายคนอื่น แต่กลับมีคนอื่นมาทำร้ายคุณ มันยากที่จะป้องกันตัวจริงๆ

“แม่คะ ไม่ต้องให้แม่ชลธีมาหามุกนะ ยายต้องเสียใจมากแน่ๆ มุกทำให้แม่และคนในครอบครัวเป็นกังวลแล้ว” มุกดาแค่ได้ยินว่าแม่สามีของตนเองตรวจเจอว่าเป็นโรคหัวใจ ในใจของเธอก็เจ็บปวด

ธาราวดีมองลูกสาวของตนเองไม่หยุดเลย ราวกับมองเท่าไหร่ก็ไม่พอ ทำไมชีวิตของลูกสาวถึงลำบากขนาดนี้ เธออยากจะเข้าคุกแทนลูกสาวจริงๆ

แม่ลูกคุยกันอีกสักพัก เมื่อครบเวลาธาราวดีจึงกลับไป มุกดาก็กลับไปในห้องของตนเอง สุดสัปดาห์ไม่ต้องไปทำงาน ตอนเช้าปล่อยให้เดินเล่นตามอัธยาศัย แต่มุกดากลับไม่อยากออกไปเดินเล่น

“เป็นอะไรไป? เจอคนในครอบครัวแล้วในใจทนไม่ไหวเหรอ?” ไม่รู้ว่าพี่กิ๊กกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอเห็นมุกดานอนอยู่บนเตียง จึงนั่งลงไปข้างเตียงของเธอแล้วถามขึ้น

“อื้ม นิดหน่อยค่ะ พี่กิ๊ก ครอบครัวของพี่อยู่ในพระนครหรือเปล่า?” มุกดาถามไปเรื่อยเปื่อย

“ฉันไม่มีครอบครัวหรอก ครอบครัวของฉันโดนแฟนของฉันฆ่าตายหมดแล้ว ฉันก็เลยฆ่าเขา” ตอนที่พี่กิ๊กพูดออกมา ก็สงบนิ่งมาก เธอเข้ามาอยู่ในนี้หลายปีแล้ว เห็นเรื่องพวกนี้จนด้านชาไปหมดแล้ว

“ขอโทษนะพี่” มุกดาคิดไม่ถึงว่าแค่ตนเองถามก็จะถามถึงจุดที่เสียใจของพี่กิ๊กเข้าได้

“ไม่เป็นไร ตอนที่ฉันเพิ่งเข้ามาน่ะ ไม่ยินยอมสุดๆ เขาฆ่าคนในครอบครัวฉันตั้งหลายคน ฉันแค่ฆ่าเขาคนเดียว มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องเข้าคุกด้วย ภายหลังพอมองให้มันง่ายขึ้น อยู่ที่ไหนก็จะผ่านไปได้ทั้งนั้น ชีวิตของคนเรามันสั้นนัก” พี่กิ๊กนอนอยู่ข้างๆมุกดา อายุของเธอไม่ได้เยอะมาก น่าจะประมาณสี่สิบ แต่ดูแล้วกลับผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

“พี่กิ๊ก พี่ไม่อยากออกไปเหรอ?” น้อยมากที่มุกดาจะพูดคุยกับพี่กิ๊ก

“คิดสิ ทำไมจะไม่คิดล่ะ ฉันรู้สึกว่าอยู่ข้างนอกต้องอิสระมากแน่ๆ แต่ตอนที่รอให้ฉันได้ลดโทษออกไป ฉันก็แก่แล้ว ถึงออกไปก็จนปัญญาจะหาเลี้ยงตนเอง อยู่ที่นี่คงดีกว่า! ฮ่าๆๆ!” ไม่นึกว่าพี่กิ๊กจะยังหัวเราะได้ แต่พอเธอหัวเราะเสร็จ ก็ร้องไห้ออกมา

มุกดาช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอ ผู้หญิงที่นี่แต่ละคนล้วนแต่เป็นนิทานเรื่องหนึ่ง แล้วก็ไม่มีใครที่ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขด้วย ถ้ามีความสุข ก็คงไม่มีใครมาถึงที่นี่หรอก

“มุก เราออกไปเดินเล่นกันเถอะ เอาแต่อยู่ในนี้ คนเราก็จะรู้สึกเป็นทุกข์ วันที่ปล่อยให้เดินเล่นตามอัธยาศัยนี่หาได้ยากมาก พวกเราสามารถไปดูดวงอาทิตย์ได้แล้วนะ” พี่กิ๊กพลิกตัวลุกขึ้น เธอดึงๆมุกดา ให้เธอออกไปเดินเล่นกับตนเอง

“อื้ม ไปดูดวงอาทิตย์อาจจะอารมณ์ดีขึ้นก็ได้ ไปกันเถอะพี่กิ๊ก เราไปหาพี่อุ่นกัน”

มุกดายอมให้พี่กิ๊กจูงมือของตนเอง ทั้งสองคนออกจากประตูคุก ไปที่สถานที่เดินเล่นแล้ว

แต่งรักมัดใจบอส

แต่งรักมัดใจบอส

Status: Ongoing
ภายในหนึ่งเดือน แต่งงาน หย่า แต่งงาน มุกดาไม่รู้ว่าตนสุขหรือทุกข์กันแน่แต่งงานอีกรอบกลับไม่รู้ว่าสามีเธอเป็นใครแค่กลางคืนกับมานอนกับเธอตรงเวลา”ประธานชลธี ฉันจะลาออก” “ได้ เธอดูสัญญาให้ดี “จ่ายเงินละเมิดสัญญาสิบล้านมาซะ แล้วเธอจะไปไหนฉันก็ไม่ห้ามในการทำงานยังเจอประธานโรคจิต มุกดารู้สึกว่าชีวิตเธอช่างมืดมนไร้แสงสว่างยิ่งนักแต่ทว่าเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ มุกดาคิด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท