The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1340 – กฎวิถีอันยิ่งใหญ่

ตอนที่ 1340 - กฎวิถีอันยิ่งใหญ่

ตอนที่ 1340 – กฎวิถีอันยิ่งใหญ่

  แต่ในเวลานี้ไม่มีเวลาให้ลังเลกฎวิถีอันยิ่งใหญ่กำลังไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ

  เขาสัมผัสได้มามีบางอย่างใกล้เข้ามา

  ในขณะเดียวกันที่เผ่าเงือก จักรพรรดิเงือกเหลือบมองไปยังทิศทางของสุสานเก่า เขาเบิกตากว้าง

   เสี้ยวกฎวิถีอันยิ่งใหญ่รึ?มังกรล้างโลกาได้ครอบครองมันงั้นหรือ? มันต้องการฆ่าใครกันถึงต้องใช้พลังนั้น? ซือหยูรึ? เป็นไปไม่ได้ ต่อหน้ามังกรล้างโลกา ซือหยูก็แค่มดปลวก มังกรล้างโลกาฆ่ามันได้เป็นพันครั้ง 

  แม่ทัพมัจฉาทมิฬกับแม่ทัพตะเพียนรีบมารายงานว่าเกิดพิรุณเลือดเทพ

  แม่ทัพเสือตายแล้ว!

  ทั้งสองตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม่ทัพเสือถูกส่งไปคุ้มกันที่ปากหลุมที่นั่น ใยจู่ ๆ ถึงมาตายได้เล่า?   จักรพรรดิเงือกสีหน้าหม่นหมอง

   เราทำได้แค่ทำตามแผนถ้าต้องรอให้ผนึกถูกทำลายจะไม่มีใครหนีจากเคราะห์ร้ายได้! ส่งทัพไปที่เผ่ายักษ์กับเผ่ามนุษย์กบเดี๋ยวนี้! 

   ขอรับ! 

  สองแม่ทัพไม่ถามต่อความตายของแม่ทัพเสือทำให้ทั้งคู่ไม่ลำบากใจอยู่แล้ว

  ในเวลาเดียวกันเผ่ามนุษย์กบและเผ่ายักษ์เองก็กำลังจับตาดูเหมืองวิญญาณ

  การปะทุของกฎวิถีอันยิ่งใหญ่ทำให้พวกเขาตัวสั่นอย่างรุนแรง

  ตั้งแต่ครั้งโบราณมีเพียงนักรบเทพเท่านั้นที่สามารถควบคุมกฎวิถีอันยิ่งใหญ่ได้ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ควบคุมได้เพียงเล็กน้อย

  และด้วยความตายของนักรบเทพทั้งเก้ากฎวิถีอันยิ่งใหญ่จึงสูญหายไปจากแดนเทพโบราณ

  การปรากฏขึ้นอีกครั้งของกฎวิถีอันยิ่งใหญ่ทำให้เกิดความแตกตื่นครั้งใหญ่

  ข่าวแพร่กระจายไปทั่วทั้งเก้าสิบเก้าเผ่าในแดนใต้

  กฎวิถีอันยิ่งใหญ่กลับมาอีกครั้งพลังของนักรบเทพได้กลับมาสู่โลกอีกครา

  ขณะที่ทุกเผ่ากำลังเพ่งความสนใจไปที่กฎวิถีซือหยูที่เป็นเป้าหมายนั้นกำลังเผชิญหน้ากับความตาย

   ซือหยูหากกฎวิถีเล็งเป้าหมายแล้วมันจะไม่หายไปไหนจนกว่าเป้าหมายจะหายไปจากโลก 

  เทพปีศาจพูดด้วยสีหน้าหม่นหมอง

   และโดยเฉพาะมังกรล้างโลกาที่เป็นเทพมังกรหากมันต้องการจะสังหาร กฎวิถีจะไม่มีวันหยุดจนกว่าเจ้าจะตาย 

  ซือหยูแววตาตรึงเครียดสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่เขาคิดเอาไว้

  ซือหยูพลิกฝ่ามือเขาเรียกภูเขาห้าธาตุมาวางไว้บนอก  จากนั้นจึงเรียกเอาคุกเทวะห้าธาตุออกมาด้วย

  เขาสัญญามังกรวารีเอาไว้ว่าหลังจากต่อสู้กับเทพอสูรหกวิถีเขาจะปล่อยมันไป แต่มันก็เอาแต่เงียบและไม่จากซือหยูไปไหน

  เมื่อตกอยู่ในอันตรายซือหยูไม่มีทางเลือกนอกจากเรียกมันออกา

  แต่มันก็ยังไม่พอ

  ฟึ่บ!

  ซือหยูสั่นลูกปัดที่ข้อมือหญิงสาวสวมผ้าคลุมหน้าปรากฏตัว นางนั่งสมาธิอยู่กับพื้น

  เมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบข้างนางลืมตาขึ้นช้า ๆ แสงอันตระการตาของพลอยม่วงเผยออกมาอย่างสดใส

   ท่านซือเรียกข้ามาด้วยเหตุอันใดหรือ? 

  ปี้หวังชิงเรียกซือหยูด้วยความนับถือนางไร้ซึ่งความอวดดี ไม่เหมือนดังอดีต

  ซือหยูถาม   เจ้าสืบทอดวิถีเทพจากเทพอสูรเนตรม่วงมามากเพียงใด? 

   เก้าสิบเก้าส่วน… 

  ปี้หวังชิงตอบด้วยความใจเย็น

  หากพูดตามตรงเป็นเรื่องยากมากที่จะสืบทอดวิถีเทพทั้งหมดมา การที่นางสืบทอดมาได้เก้าสิบเก้าส่วนนั้นน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

   ถ้าต้องการให้เจ้าช่วยหาบางอย่าง 

   ท่านซือโปรดสั่งข้าเถิด 

  ปี้หวังชิงตตาเป็นประกายนางยิ้มเล็กน้อย นางรอเวลานี้มานานแล้ว

  นางอยากจะพิสูจน์กับซือหยูว่านางไม่ได้อ่อนแอกว่าใครอื่น

   เรื่องกฎวิถีอันยิ่งใหญ่! 

  ปี้หวังชิงใบหน้านิ่งโดยพลันรอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปช้า ๆ

  ปี้หวังชิงมองรอบๆ นางจ้องไปยังทิศของสุสานเก่า ใบหน้างดงามภายใต้ผ้าคลุมแสดงอาการตกใจ

   มันคือกฎวิถีของจริง! 

  ปี้หวังชิงกระซิบ

  กฎวิถีอันยิ่งใหญ่ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างดีที่สุดได้ปรากฏออกมาแล้ว

  สำหรับผู้ที่ได้รับวิถีเทพที่ได้รู้ทุกความลับของฟ้าดินนางและอดีตเทพอสูรเนตรม่วงรู้จักเรื่องของกฎวิถี

  ยิ่งไปกว่านั้นเนตรของนางยังมองเห็นโซ่วิถีที่คนทั่วไปมองไม่เห็นอีกด้วย

  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็น…ไม่สิครั้งแรกที่นางได้ยินว่ากฎวิถีถูกควบคุมตามความคิดผู้อื่น

  และเป้าหมายของการสังหารก็คือซือหยู!

   เจ้าตามหาจุดอ่อนของมันได้หรือไม่? 

  ซือหยูถาม

  ปี้หวังชิงหวาดกลัวมากนางถอดใจไปแล้ว การทำเรื่องเช่นนี้ถือเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับผู้ที่มีวิถีเทพแบบนาง!

  อาจารย์นางบอกหลายต่อหลายครั้งว่ามีสิ่งต้องห้ามมากมายบนโลกความลับที่มิอาจสืบหาได้ มิเช่นนั้นสวรรค์จะลงโทษ

  แต่เทพอสูรเนตรม่วงตายไปแล้วชีวิตนางไร้ที่พึ่งพิง

  สิ่งที่นางอยากจะทำคือสืบทอดวิถีเทพเนตรม่วงไปชั่วนิรันดร์มันคือทางเดียวที่จะทำให้นางเหนือกว่าอาจารย์

  ดังนั้นนางจึงคิดที่จะทำสิ่งที่อาจารย์ไม่เคยทำมาก่อนและทำลายสิ่งต้องห้ามลงไป

   ก็ได้!ข้าจะลองดู! 

  ปี้หวังชิงหายใจเข้าลึกเนตรสีม่วงของนางเปล่งประกายขึ้น มันปล่อยลำแสงสีม่วงสองสายทะลุทะลวงทุกสิ่งและสาดไปยังกฎวิถี

  ปี้หวังชิงตัวสั่นตั้งแต่ที่ยังไม่ได้มองมันโลหิตสด ๆ ไหลออกมาจากปาก ทั้งร่างของนางถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงจากภายในสู่ภายนอก นางกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางกองเพลิง

   ข้าเห็นแล้ว!มันเป็นสะเก็ดสีทอง มันคือสะเก็ดของโซ่วิถี! 

  ปี้หวังชิงที่กำลังลุกไหม้นั้นมีแววตามุ่งมั่น

  ซือหยูตกใจ

   เอาล่ะพอได้แล้ว หยุด! 

   ไม่ได้มันยังไม่พอ ข้ายังทำได้อีก ต่อให้มันเป็นกฎวิถี มันก็มีจุดอ่อน 

  ปี้หวังชิงผู้ที่คิดจะเหนือกว่าอาจารย์กำลังเติมเต็มความปรารถนาของเทพอสูรเนตรม่วง

  ณตอนนี้ นางผู้อยู่ในกองเพลิงอันตระการตางดงามราวกับนางสวรรค์

  แสงสีม่วงจากเนตรสว่างไสวขึ้นถึงขีดสุดไม่ต่างกับดาราม่วงที่เปล่งแสงส่องสว่างทั่วทุกพื้นที่

  ในฟ้าดินแห่งนี้ไม่มีความลับใดที่ซ่อนจากนางได้   ข้าเห็นแล้ว!มันคือสะเก็ดโซ่วิถีที่มังกรล้างโลกาทำให้มันแตก มันมีเลือดมังกรอยู่ด้วย ถ้าหากเราสลายเลือดมังกรได้… 

  ขณะที่พูดเสียงของปี้หวังชิงหยุดลง

  นางกำลังพูดแต่เสียงของนางเหมือนจะถูกกฎวิถีปิดกั้นเอาไว้ นางได้ยินเพียงเสียงของตัวเองเท่านั้น

  และเพลิงรอบกายยังลุกท่วมแผดเผานางท่ามกลางทะเลเพลิง

  เมื่อเพลิงสลายก็เหลือเพียงลำแสงสีม่วงสองสายที่อ่อนแอลง

  เทพปีศาจถอนหายใจ

   ว่ากันมาแต่โบราณแล้วว่าความตายจะมาถึงเมื่อวิถีได้กลิ่นจุดจบนางสละตัวเองเพื่อเส้นทางนั้น ช่างน่านับถือและน่าเศร้า 

  ซือหยูนิ่งเงียบเขายื่นมือคว้าลำแสงสีม่วงสองสายเอาไว้แน่นในกำมือ

   ไฟของวิหคเพลิงนำพาชีวิตกลับมาได้ความทุกข์ทรมานของเจ้าคือการเริ่มต้นของเส้นทาง 

  ซือหยูกระซิบเบา

   คืนชีพกลับมา! 

  เกิดพลังผันผวนที่ฝ่ามือของซือหยู

  ลำแสงสีม่วงที่กำลังดับมอดส่องงประกายอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่

  เมื่อแสงสีม่วงกระจัดกระจายหายไปสตรีอันสง่างามก็ปรากฏตัวอีกครั้ง

  เมื่อเห็นการคืนชีพกับตาเทพปีศาจเบิกตากว้าง

   นี่มันพลังของกฎวิถีรึ? 

  เทพปีศาจตกตะลึง

  คนตายมิอาจหวนคืนชีพหยินหยางมิอาจไหลย้อนกลับ

  หากเกิดขึ้นย่อมต้องมีกฎวิถีมาเกี่ยวข้อง

  เทพปีศาจอยู่กับซือหยูมานานแต่ก็ไม่เคยพยายามหาความลับของซือหยูอย่างตั้งใจ  แต่สิ่งที่ซือหยูทำในวันนี้ทำให้เขาตกใจมากจนลืมสนใจเรื่องมังกรล้างโลกาไปชั่วขณะ

  แม้ปี้หวังชิงจะคืนชีพกลับมานางก็จมสู่การหลับใหล ลำแสงเล็ก ๆ มากมายส่องผ่านเปลือกตาของนาง

  ซือหยูยิ้มเบาๆ

   ยินดีด้วยเจ้าได้เข้าสู่จุดที่เหนือกว่าเทพอสูรเนตรม่วงแล้ว วิถีเทพของเจ้าได้เข้าสู่ดินแดนใหม่ 

  ปี้หวังชิงถูกพาตัวกลับไปพักฟื้น

  ครั้งต่อไปที่นางออกมานางจะต้องมีพลังเหนือขึ้นไปอีกระดับ

  ซือหยูมองไปยังทิศทางของกฎวิถีอีกครั้งเขาพึมพำเสียงเบา

   สะเก็ดโซ่ที่มีเลือดมังกร… 

  เสี้ยวความหวังหนึ่งเกิดขึ้นในใจซือหยู

  ถ้าหากเขาทำสำเร็จเขาจะยังพอมีหวังรอดชีวิต   ทรายดารา! 

  ซือหยูตะโกนแสงจากธารดาราในฝ่ามือของเขาส่องประกายเป็นทางช้างเผือกล้อมรอบกาย

  การดึงโลหิตมังกรล้างโลกาออกมาคือทางเดียวในการอยู่รอด

  ถ้าหากภูเขาห้าธาตุกับคุกเทวะห้าธาตุป้องกันกฎวิถีได้ชั่วขณะทรายดาราจะมีโอกาสแสดงพลัง

  แต่แค่นี้ยังคงไม่พอ

  ความคิดหนึ่งแล่นผ่านสมองร่างอันยิ่งใหญ่ปรากฏที่ด้านหลังของซือหยู ร่างนี้มีเส้นผมสีดำ ดวงตาสีดำ เป็นผู้ที่เหยียดหยามทุกสิ่งตรงหน้า

  จากนั้นก็มีอีกร่างปรากฏขึ้นมาครึ่งร่างท่อนขวามีหลากสีสัน ศีรษะเป็นสีแดง มือสีม่วง อกสีมรกต และขาขวาเป็นสี เท้าเป็นสีดำ

  แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้นด้านหลังยังมีอีกร่างที่เปี่ยมไปด้วยพลังห้าธาตุ  หลูจูตกตะลึง

   สามวิถีเทพเรอะ?โอ้ สวรรค์…ท่านมีวิถีเทพถึงสามวิถีในกายเดียวได้ยังไง? 

  นางไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ครอบครองสามวิถีเทพในเวลาเดียวกัน

  วิถีเทพที่สองนั้นแปลกประหลาดที่สุด

  มันมีเพียงครึ่งร่างแต่ทุกส่วนนั้นมีวิถีเทพที่แข็งแกร่งสุดขั้ว ราวกับว่าแต่ละส่วนของร่างกายเป็นตัวแทนพลังของวิถีเทพ

  หลังจากเตรียมการเสร็จสิ้นซือหยูเรียกกรงเทพอสูรออกมา

  ดวงวิญญาณที่ถูกลบสติปัญญาแหกกรงออกมา

  เขาสัมผัสได้ว่ากฎวิถีเข้าใกล้ยิ่งขึ้น

  ซือหยูหลับตาช้าๆ เขาสัมผัสได้ว่าแม้โลกจะกว้างใหญ่ เขาก็อยู่ในความโดดเดี่ยวท่ามกลางทุกสิ่งทุกอย่าง

  เศษโซ่มีบางอย่างที่ผูกมัดกับโลกไว้ด้วยกัน  ไม่มีใครช่วยชีวิตเขาได้

  ไม่ใช่หยุนหยาซือไม่ใช่เทพปีศาจ ไม่มีใครเลย

  เขาทำได้เพียงช่วยชีวิตตัวเอง

  สายลมกระหน่ำหยุดนิ่ง

  เมฆาหยุดเคลื่อน

  กระแสแม่น้ำหยุดเหลื่อนไหว

  เทพปีศาจและหลูจูเองก็หยุดนิ่งเช่นกัน

  ทั้งโลกหยุดนิ่ง

  เวลาตรึงอยู่กับที่

  นี่คือกฎวิถีสิ่งที่มีความลี้ลับของฟ้าดิน

  ภายใต้กฎนี้เจตจำนงค์ของทุกดวงวิญญาณล้วนไร้ความหมาย

  แต่ซือหยูกลับขยับได้

  เนตรอันล้ำลึกทะลุทะลวงได้เบิกช้าๆ ท่ามกลางธารดารา

  ทันทีที่เนตรเปิดแสงสีขาว ชาด อำพัน คราม ดำ และม่วง…หลายต่อหลายสีได้พุ่งลงมาสู่ซือหยูจากระยะหลายร้อยล้านลี้

  ในจุดที่เนตรปรากฏโลกหยุดนิ่งราวกับเนตรเป็นเพียงหนึ่งเดียวในทั้งจักรวาล

  ไม่มีใครบอกได้ว่ามันคือสิ่งใดมันคือสิ่งที่คล้ายเศษโซ่ แต่เมื่อมองดูอีกครั้ง มันดูเหมือนกับโลกทั้งใบ หากมองลึกลงไปอีก มันจะดูคล้ายกับทั้งจักรวาล

  สิ่งที่อธิบายไม่ได้นี้กำลังส่งตรงมาสู่ซือหยู

  ดวงตาของซือหยูเป็นสีม่วงด้วยพลังเวลาที่บอกให้เขาก้าวเดินในมิติเวลาที่หยุดนิ่ง

   ข้าก็มีกฎของเวลาเหมือนกัน! 

  ซือหยูชี้ดัชนีไปที่เขาห้าธาตุที่อยู่ตรงหน้า

  ภูเขาห้าธาตุตั้งลงกับพื้นต่อหน้าซือหยู

  เสี้ยวกฎวิถีไม่สนใจและตรงเข้ามาต่อไป

  ภูเขาห้าธาตุถูกเจาะทะลวงราวกับเป็นเพียงควัน  ตู้ม!

  เสียงดังลั่นภูเขาห้าธาตุกลายเป็นเศษฝุ่นผง!

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท