วันต่อมาธีรนัยน์ก็ได้ไปรายงานตัวที่ฝ่ายวางแผนอย่างซื่อตรง ตอนที่เธอเดินเข้าฝ่ายวางแผนไป ก็เห็นเพื่อนร่วมงานหญิงหลายคนคอยชี้แนะอยู่ที่นั่นอยู่ก่อนแล้ว
ฝ่ายวางแผนนี้ไม่เลวเลยนะเนี่ย พนักงานมาทำงานกันตั้งแต่เช้า ในใจของธีรนัยน์เข้าใจไปอย่างนี้
ตอนที่เธอผลักประตูเข้าห้องทำงานของฝ่ายวางแผนไป เธอก็ได้ยืนอึ้งอยู่ที่หน้าประตู ผู้จัดการฝ่ายวางแผน เธอรู้จัก
“ธีรนัยน์ เธอมาแล้ว เชิญนั่ง!” ณฐวรเห็นธีรนัยน์ รอยยิ้มของเขาก็ได้ปรากฏออกมาโดยธรรมชาติ
“ณฐวร นายเป็นผู้จัดการฝ่ายวางแผน? เมื่อก่อนไม่ใช่นายนี่นา” ธีรนัยน์นั่งลงฝั่งตรงกันข้ามกับณฐวร มองดูณฐวรที่ดูหล่อเหลา แล้วไปมองพวกพนักงานสาวเหล่านั้นที่หน้าประตูไปอีกที เธอรู้แล้วว่าทำไมวันนี้ถึงได้มากันเช้าขนาดนี้ ที่แท้ก็รู้กันอยู่ก่อนแล้วว่าวันนี้จะมีคนหล่อมาคนหนึ่ง
“เมื่อก่อนไม่ใช่ แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปก็เป็นฉันแล้ว ยินดีต้อนรับเธอสู่ฝ่ายวางแผน” ณฐวรได้ยื่นมือใหญ่ที่เรียวบางและขาวเนียนของเขาออกไป
ธีรนัยน์เองก็ได้ยื่นมือออกไปจับด้วยเช่นกัน ตอนที่เธออยากจะชักมือของตัวเองกลับไปนั้น กลับพบว่าณฐวรได้จับมือของตัวเองแน่น
“มือของเธอสวยมากเลย เหมาะกับเอามาทำเป็นนางแบบมือมากเลย” ณฐวรค้นพบว่าตัวเองเสียกิริยาไป เขาจึงรีบอธิบายออกไปทันที
ดังนั้นแล้วทั้งสองคนจึงพากันเขินอายหน้าแดงกันออกมา ธีรนัยน์ยังไม่เคยเจอผู้ชายที่ไร้เดียงสาอย่างนี้มาก่อนเลย พี่ชายคนนั้นของเธอ นั้นวันๆหนึ่งเอาแต่อยู่ในพุ่มดอกไม้ ถึงแม้ว่าจะยอมเชื่อฟังตนทุกอย่าง แต่เขาก็ขยันเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียอีก ธีรนัยน์คนที่ครั้งหนึ่งไม่มีความสนใจอะไรต่อผู้ชายเลยสักนิด ยังนึกอยู่เลยว่าผู้ชายทั้งหมดจะเป็นอย่างนี้ไปเสียหมด
ทั้งสองคนคลายมือออกจากกัน ธีรนัยน์ถือน้ำชาขึ้นมาดื่ม เธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อยแล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าเธอผู้ที่ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ตอนที่เห็นณฐวร จะมีความรู้สึกใจเต้นแรงจำพวกนี้ขึ้นมา แต่ว่าตอนที่ไม่ได้เจอก็จะมีความรู้สึกคิดถึงจำพวกนั้นขึ้นมา
“อันนั้นเป็นถ้วยน้ำชาของฉัน” ณฐวรเห็นธีรนัยน์ดื่มน้ำที่อยู่ในแก้วของตัวเองไปจนหมดแล้ว จึงได้เอ่ยเตือนเธอไปด้วยความหวังดี
“อ๊ะ!” ธีรนัยน์รีบเอาถ้วยน้ำชาวางลงไปบนโต๊ะทำงานของณฐวรทันที ถ้วยน้ำชาของเธอยังวางอยู่บนโต๊ะน้ำชาอยู่เลย! คนคนนี้ทำเรื่องน่าขายหน้าครั้งใหญ่เสียแล้ว
“ฉัน ฉันจะออกไปแล้ว” ธีรนัยน์คิดว่าตัวเองอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
เธอรีบหนีออกไปทันที ออกไปก็เห็นคนหลายคนที่ได้ล้อมรอบกันอยู่ที่ข้างนอกกำลังมองพวกเขากันอยู่ พอเธอออกไปคนพวกนั้นก็ได้แยกย้ายกันไปทันที
“เฮ้ สุดหล่อ นายเองก็มาใหม่เหมือนกันใช่มั้ย ฝ่ายวางแผนของพวกเราสั่งสมบุญมาจากชาติที่แล้วใช่มั้ยเนี่ย วันนี้ถึงได้มีสุดหล่อมาถึงสองคนในรวดเดียวเลย ช่างทำให้รู้สึกปั่นป่วนหัวใจมากเลย เที่ยงวันนี้ฉันกินข้าวได้สามชามเลย!” ผู้หญิงที่ค่อนข้างอ้วนคนหนึ่งเดินเข้าไปที่ข้างๆธีรนัยน์แล้วถามเขาออกไป
“อืม ฉันก็มาใหม่วันนี้ด้วยเหมือนกัน” ธีรนัยน์พยักหน้าตอบรับออกมาเล็กน้อย เธอหันหน้าไปมองห้องทำงานของณฐวร ประตูได้ปิดลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าเธอกลับสามารถรู้สึกได้ถึงสายตาที่ร้อนแรงของณฐวรได้อยู่
“นายชื่อว่าอะไรกันน่ะ? นายหน้าตาหล่อมากเลยจริงๆ!” มีคนบางคนเห็นธีรนัยน์กำลังคุยอยู่กับสาวอวบคนนั้นอยู่ จึงเดินเข้ามาหา
“ฉันเป็นเพื่อนร่วมงานที่มาใหม่ ฉันชื่อว่าธีรนัยน์” ถึงแม้ว่าภายในใจของธีรนัยน์จะไม่ยินยอมเลย แต่ว่าเพื่อไม่ให้ณฐวรทำอะไรๆได้ยาก เธอจึงตัดสินใจที่จะทำตัวให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับคนพวกนี้
“ธีรนัยน์ คนนี้หน้าตาหล่อเหลา ชื่อก็เพราะเสียขนาดนี้ สวรรค์ไม่ยุติธรรมเลย ฉันหน้าตาดี แต่ว่าชื่อของฉันมันแปลกมากเลย แม่ของฉันตั้งชื่อให้ฉันว่าดอกไม้!” พอสาวอวบคนนั้นเอ่ยปากพูดออกมา คนที่อยู่รอบๆต่างพากันหัวเราะกันขึ้นมา เธอหน้าตาดีแต่กลับไม่มีใครเห็นด้วยเลยสักคน แต่ชื่อแปลกนั้นมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ดอกไม้ พ่อแม่บ้านนี้เขาคิดตั้งชื่อกันเอาง่ายๆกันขนาดไหนน่ะ อย่างนั้นถ้าผิวขาวก็ตั้งชื่อลูกว่าผักกาดขาวเลยหรือไง! ธีรนัยน์ได้ถูกดอกไม้ทำเอารู้สึกตลกไปหมด เธอเผยฟันขาวที่เรียงสวยออกมา ดอกไม้ที่มองอยู่ก็เอ๋อไปหมด
หลากหลายคนที่กำลังล้อมรอบธีรนัยน์อยู่นั้นก็ได้เข้าไปที่ในห้องทำงาน คนอื่นๆก็ได้เริ่มทำงานกัน คนหล่อก็ได้ดูกันไปเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาทำงานกันแล้ว
แต่ธีรนัยน์กลับไม่มีงานอะไรให้ทำ เธอเปิดคอม แล้วเริ่มทำการศึกษาในด้านการวางแผนสื่อโฆษณานี้ขึ้นมา
สำหรับซอฟต์แวร์พวกนั้นและไอเดียการออกแบบภาพ ธีรนัยน์ได้ทำความเข้าใจกับความรู้ผิวเผินพวกนั้นไปเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าเวลามันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ได้มาถึงเวลากินข้าวแล้ว ดอกไม้ได้เดินเข้ามาที่หน้าโต๊ะทำงานของธีรนัยน์ไปอย่างเขินอาย อยากจะชวนเธอไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน
ธีรนัยน์เห็นรูปลักษณ์อวบอ้วนของเธอแล้ว อยากจะปฏิเสธแต่ว่าแข็งใจทำไม่ลงขึ้นมาอีก
ในตอนนี้โทรศัพท์สายภายในได้โทรเข้ามา โทรมาหาธีรนัยน์ ผู้จัดการให้เธอเข้าไป เพื่อหารือเรื่องอะไรบางอย่างสักหน่อย
“ขอโทษนะ ฉันต้องไปหาผู้จัดการแล้ว” ธีรนัยน์ขอโทษดอกไม้ไปเล็กน้อย แล้วก็หนีไปที่ห้องทำงานของณฐวร
…………
“พี่ชาย พี่ชาย พี่กลายเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง?” ตอนที่มุกดาไปโรงพยาบาล ก็ได้ยินเสียงคนในห้องผู้ป่วยของชลธีจากที่หน้าประตู
พอเธอได้ยินก็รู้ว่าเป็นโธรณี ภายในใจเกิดความต่อต้านขึ้นมาเล็กน้อย
ในตอนที่เธอผันร่างเตรียมจะหลบเลี่ยงออกไปจากโธรณีนั้นเอง ก็ได้ถูกโธรณีพบเข้าเสียก่อน
“มุกดา เธอเข้ามา” ในน้ำเสียงของโธรณีไม่ได้มีความรู้สึกอะไรอยู่ในนั้นเลย
มุกดาคิดไปเล็กน้อย แล้วเธอก็ได้เดินเข้าไปอีกที เห็นโธรณีอยู่ในชุดที่ค่อนข้างจะปกติทั่วไป บนใบหน้าของเธอก็ไม่ได้แต่งหน้าเลย มองไปก็ยังมีความสวยจิ้มลิ้มเลยทีเดียว
“มุกดา เธอดูแลพี่ชายฉันยังไง เธอดูสิ เธอดูสิ เธอดูแลเขาจนมาอยู่บนเตียงผู้ป่วยไปแล้ว เธอยังคู่ควรที่จะมาพูดว่าเธอเป็นภรรยาของเขาอยู่อีกเหรอ?” โธรณีเจอมุกดา เธอก็เริ่มทะเลาะขึ้นมา
มุกดาไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้โธรณีเขย่าตัวเองไป ภายในใจของเธอก็เจ็บปวดพออยู่แล้ว
โธรณีด่าว่ามุกดาไปยกหนึ่งได้ตกอยู่ในสายตาของสิริกรที่มาเยี่ยมชลธีไปทั้งหมด
“เอาล่ะ เอาล่ะ แสนดี เธออย่าโมโหไปเลย พี่สะใภ้สามของเธอเขาไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย เพียงแต่ความสามารถของเธอมันมีขีดจำกัด อาการป่วยของพี่ชายเธอก็คงจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอหรอก” สิริกรได้เดินเข้าไป ปลอบโธรณี
“การป่วยของพี่ชายฉันจะไม่เกี่ยวกับหล่อนได้ยังไง มันเป็นเพราะว่าหล่อนดูแลเขาไม่ดี ป้าสิริกร คุณป้าอย่ามาช่วยพูดให้หล่อนเลย ฉันเกลียดหล่อนจะตายอยู่แล้ว นังจิ้งจอกนี่มันต้องการจะทำร้ายคนที่บ้านของพวกเราให้ตายกันเท่าไหร่กัน!” โธรณีผลักมุกดาออกไปสุดแรง ผลักมุกดาลงไปกับพื้น
“เธอพูดออกมาสิ ไม่ใช่ว่าเธอมันพูดเก่งมากเลยหรือไง? ตอนนี้มาแสร้งทำเป็นใบ้เสียแล้ว? ฉันขอบอกเธอเอาไว้เลยมุกดา เธอนึกว่าอย่างนี้มันจะสามารถหนีรอดไปจากการตรวจสอบได้เหรอ? ฝันไปเถอะ ฉันจะกำจัดเธอให้ออกไปจากบ้านฉันเสีย!” โธรณีกรีดร้องออกมา
“เอาล่ะๆ พวกเราก็เยี่ยมพี่ชายเธอกันไปเรียบร้อยแล้ว เธอก็อย่าหุนหันเกินไปหน่อยเลย พวกเรากลับกันเถอะ” สิริกรทำเป็นคนดี เธอดึงโธรณีไปเหมือนกับจะลากเธอออกไป
“ฉันจะไม่หุนหันไปได้ยังไง คนที่นอนอยู่บนเตียงเป็นพี่ชายของฉัน มุกดา เธอต้องการจะให้คนทั้งครอบครัวของฉันตายไปให้หมดเธอถึงจะพอใจใช่มั้ย? เธออยากให้บริษัทฮอนดากรุ๊ปของพวกเราล้มละลายไปใช่มั้ย? เธอผู้หญิงคนนี้มันช่างมีความคิดที่ชั่วร้ายยากที่จะหยั่งถึงได้เลยจริงๆ เลวเกินไปแล้ว!” โธรณีพูดไปพลางชี้ไปที่มุกดาไปพลาง มือของเธอแทบจะชี้ไปที่บนจมูกของมุกดาอยู่แล้ว