ตอนที่ 1335 – ตำนานจักรพรรดิเงือก
เขาคือหัวหน้าผู้คุ้มกันแม่ทัพมัจฉาทมิฬที่ใกล้ชิดและเชื่อใจ
ด้านหลังมีเหล่าทัพเงือกมากมายซ่อมโจมตีอยู่ซือหยูกับหลูจูและจักรพรรดิเงือกจึงหนีไปได้
ครึ่งชั่วยามต่อมายานหยุดที่เหนือความมืดมิด
เขาเป็นเทือกเขาทอดยาวที่จมอยู่ในวารีเทือกเขานี้ไม่ต่างกับมังกรทมิฬที่กำลังรอคอยเหยื่อในความเงียบ
นี่คือเขาแก้วฟ้าชายแดนระหว่างเผ่าเงือกกับยักษ์
หลูจูกล่าวด้วยความรู้สึกหลาดหลาย
ซือหยูจับผ้าคลุมเก้าจักรพรรดิเอาไว้แน่นเขาพยักหน้าเบา ๆ
ไปกันต่อ
เดี๋ยวก่อนท่านจะเข้าอาณาเขตของเผ่ายักษ์รึ?
นักรบเงือกที่มีรอยแผลเป็นที่คุ้มกันพวกเขาถามด้วยความตกใจ
หลูจูมองซือหยูด้วยความไว้ใจ
ต่อให้มีแม่ทัพมัจฉาทมิฬช่วยเราก็รับมือมันได้ไม่นาน เราต้องไปยังน่านน้ำของพวกยักษ์
พวกนั้นอาจจะไม่ตามเรามาเพราะความกลัวถิ่นศัตรู
เงือกที่มีรอบแผลเป็นครุ่นคิด
ที่ท่านพูดก็มีเหตุผลองค์หญิง แม่ทัพหูกับแม่ทัพหลี่ทำการยึดอำนาจโดยไม่บอกกล่าว ถ้าหากแม่ทัพมัจฉาทมิฬมาหยุดไม่ทันกาล พวกเราคงจะเสียหายอย่างหนัก
เราได้แต่ซ่อนในเรือนภาเทพกับทหารที่ยังภักดีเมื่อได้รู้ว่าท่านกลับมา แม่ทัพมัจฉาทมิฬจึงได้ลงมือ
โชคดีที่เรามาทันองค์หญิงเลยไม่บาดเจ็บ หลูจูน้ำตาเอ่อด้วยความประทับใจ
หลูจูผู้นี้จะจดจำความภักดีของแม่ทัพมัจฉาทมิฬต่อราชวงศ์เอาไว้หากท่านพ่อตื่นขึ้นมาเมื่อใด ข้าจะให้ท่านพ่อตบรางวัลอย่างงาม แต่ตอนนี้ข้าไม่รู้ว่าแม่ทัพมัจฉาทมิฬอยู่ที่ใด
องค์หญิงไม่ต้องเป็นห่วงแม้แม่ทัพจะเอาชนะสองทรราชย์ไม่ได้ เขาก็หนีได้ไม่ยาก
ขณะที่พูดเงือกที่มีรอยแผลเป็นหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
นี่คือสิ่งที่แม่ทัพเตรียมไว้ให้องค์หญิงท่านใช้มันได้ไปเกือบร้อยปี
หลูจูละอายใจมีครั้งหนึ่งที่นางเกือบจะเชื่อซือหยู ในเรื่องที่ว่าแม่ทัพมัจฉาทมิฬไม่ได้ภักดีต่อนาง
ขอบคุณมากสมกับเป็นแม่ทัพมัจฉาทมิฬ
หลูจูรับของและเงียบไป เงือกที่มีรอยแผลเป็นยิ้มอย่างอ่อนโยน
มิได้องค์หญิง แม่ทัพมัจฉาทมิฬรับใช้ราชวงศ์ทั้งหัวใจ ต่อให้ต้องสละชีวิตก็ไม่ท้อถอย
องค์หญิงยังขาดเหลือสิ่งใดอยู่หรือไม่หากข้ามี ข้าจะหามาให้ท่าน
ไม่ต้องหรอก
องค์หญิงรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิมนางเพียงเปิดกระเป๋าเหลือบดูเท่านั้น
แต่ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่นางไม่รู้ตัว
ในวินาทีที่กระเป๋าเปิดฝุ่นสีชมพูก็ได้พุ่งออกมา
หลูจูไม่ทันรู้ตัวและถูกฝุ่นชมพูเข้าจู่โจมนางรู้สึกว่าทั้งกายอ่อนแอลงในทันที พลังเซียนมิอาจไหลเวียนได้
แม้นางจะตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยการโยนกระเป๋าทิ้งไปแต่ผลของพลังก็ยังกระทบนางอยู่
หลูจูพยายามเงยหน้ามองเงือกที่มีรอยแผลเป็นนางพยายามจะพูด
แต่เงือกที่มีรอยแผลเป็นผู้ซึ่งภักดีเมื่อครู่ได้ถอนหายใจแรงประกอบกับรอยแผลที่เกิดจากของมีคมบนใบหน้า มันยิ่งทำให้เขาดูอัปลักษณ์ขึ้นไปอีก
ไร้เดียงสาเหลือเกินองค์หญิงผู้น่ารัก! ไม่แปลกเลยที่แม่ทัพมัจฉาทมิฬพูดว่าใช้แค่อุบายเล็กน้อยก็จัดการเจ้าได้แล้ว องค์หญิงอย่างพวกเจ้ามันก็เหมือนของเล่น แม้แต่คนอย่างข้ายังได้รับความเชื่อใจในคำพูดเพียงไม่กี่คำ แล้วท่านแม่ทัพมัจฉาทมิฬล่ะ?
หลูจูตัวแข็งทื่อนางมิอาจเชื่อหู
แม่ทัพมัจฉาทมิฬสั่งเจ้ามางั้นเรอะ?
แน่นอน
เงือกที่มีรอยแผลเป็นยิ้มเยอะ
หลูจูกำลังทุกข์ทรมานกับความจริงอันโหดร้ายที่ได้ถูกหลอกลวง
คำพูดของซือหยูถูกต้องทุกประการเมื่อครู่ นางยังรู้สึกผิดที่สงสัยแม่ทัพมัจฉาทมิฬอยู่เลย
ความจริงได้ตบหน้านางอย่างจัง
การช่วยข้าก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนสินะ?
หลูจูพยายามสงบใจนางเห็นแสงสีเงินจาง ๆ
เงือกที่มีรอยแผลเป็นพยักหน้า
ใช่แล้วมีเพียงการช่วยเจ้ากับจักรพรรดิเงือกเท่านั้นที่แม่ทัพมัจฉาทมิฬจะได้รับความเชื่อใจจากเผ่าเงือก!
เวลานี้ทุกคนรู้แล้วว่าแม่ทัพหูกับแม่ทัพหลี่กำลังตามล่าราชวงศ์ ขณะที่แม่ทัพมัจฉาทมิฬเป็นคนเข้าช่วย เจ้าคิดว่าเผ่าเงือกจะสนับสนุนหรือไม่ล่ะ?
หลูจูถามอย่างเย็นชา
แม่ทัพมัจฉาทมิฬใช้ข้ากับพ่อเป็นเครื่องมือรึ?
เพื่อที่จะได้ครองอำนาจในเผ่าเงือกยังไงล่ะ! เงือกที่มีรอยแผลเป็นเดินเข้าหาหลูจู
หลูจูทำสีหน้าสุขุม
ข้าขอยอมเป็นหุ่นเชิดให้แม่ทัพมัจฉาทมิฬแต่อย่าทำอะไรท่านพ่…
ไม่มีทาง!จักรพรรดิเงือกต้องตาย!
หลูจูกัดฟัน
ถ้าท่านพ่อไม่ได้สติท่านพ่อจะยังรอดชีวิตได้ไห…
ไม่มีทาง!
สีหน้าของเงือกที่มีรอยแผลเป็นป่าเถื่อน
จักรพรรดิเงือกเป็นภัยเกินไปไม่มีทางที่จะปล่อยให้มีชีวิตรอด
อย่าได้คิดมาถ่วงเวลาข้า!!
จากนั้นมีดคมกริบก็ได้หล่นมาจากชายเสื้อของหลูจู
เจ้าคิดจะสู้กับข้าเรอะ?น่าขัน! เดี๋ยว ทำอะไรของเจ้า?
ใบมีดในมือหลูจูมิได้เล็งไปที่เขาแต่นางถือมีดจ่อลำตัวของตัวเอง
ใบหน้านางมีแต่เพียงความเสียใจ
เจ้าต้องการหุ่นเชิดไม่ใช่รึ?ถ้าข้าตาย เจ้าจะไปหาหุ่นเชิดมาจากไหน?
รอยยิ้มบนใบหน้าเงือกที่มีรอยแผลเป็นหายไปเขาจ้องหลูจูอย่างเย็นชา
ปล่อยสองคนนั้นไปซะถ้าไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังว่าจะได้อะไรจากข้า!
แต่ในตอนนั้นเองร่างของหลูจูได้อ่อนแอลงอีกครั้ง ผลของผงสีชมพูเป็นภาระต่อร่างกายนางอย่างหนักหน่วง มือนางหมดแรงจับ ใบมีดหล่นลงไป
เงือกที่มีรอยแผลเป็นตาลุกวาวเขาฟาดหางอย่างรุนแรงด้วยพลังเทพ หลูจูกระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือด
จากนั้นเขาก็ได้พุ่งไปซัดหมัดใส่ท้องของนางอย่างรุนแรงอวัยวะภายในของนางเสียหายอย่างหนัก นางล้มลงไปกองกับพื้น ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงต่อต้าน จากนั้นเขาจึงหันไปมองซือหยูกับจักรพรรดิเงือกที่ยังไม่ได้สติด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น่ากลัว
เขาไม่สนใจซือหยูแม้แต่น้อยเขามองตรงไปที่จักรพรรดิเงือก
ฮ่าๆๆๆไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ข้าจะได้สังหารจักรพรรดิเงือกด้วยมือตัวเอง
น่าเวทนาเหลือเกินคนอย่างจักรพรรดิเงือกต้องมาตายด้วยมือของคนอย่างข้า
ฟึ่บ!
เงือกพุ่งเข้ามาด้วยพลังเทพเขาเล็งตรงไปที่จิตวิญญาณเทพในท้องของจักรพรรดิเงือก
แต่ทันทีที่กำลังจะได้ปล่อยท่าสังหารมือข้างหนึ่งก็ยื่นมาจับมือเขาเอาไว้
เงือกเหลือบมองซือหยูด้วยหางตาเขาไม่คิดถอยแต่คิดที่จะทำลายมือของซือหยูแทน
เมื่อมือทั้งสองข้างปะทะกันซือหยูชักมือกลับทันที เงือกตัวแข็งทื่อหมอกดำสนิทติดมือเขา มันมีกลิ่นอายของความตาย
พลังมรณะแพร่กระจายไปถึงแขนและในเสี้ยววินาทีมันก็แพร่กระจายไปทั้งกาย
หิวหยาบกร้านสีดำหลุดออกจากผิวกายจากนั้นเขาจึงกลายเป็นเถ้าถ่าน
นี่เจ้า…
เงือกที่มีรอยแผลเป็นไม่อยากจะเชื่อว่ามือของซือหยูมีพลังมรณะอันน่าสะพรึงกลัวอยู่
มือทะลวงท้องจิตวิญญาณแทงถูกคว้าออกมา
ของดีทีเดียวข้าไม่ปล่อยไปหรอก
แววตาของเงือกว่างเปล่าเขากลายเป็นเศษฝุ่นสีดำ
หลูจูที่นอนนิ่งอยู่กับพื้นตกตะลึง
ซือหยูสังหารว่าที่เทพขั้นสูงด้วยกระบวนท่าเดียว! พลังเขามีขีดจำกัดอยู่ที่เท่าใดกัน?
ซือหยูเดินมาหานางด้วยพลังแห่งชีวิตที่เอ่อล้นผ่านปลายดัชนีเขาจรดดัชนีที่ระหว่างคิ้วของนาง บาดแผลนางกลับมาหายดีในเวลาอันสั้น
และเขายังขับพิษออกจากร่างนางด้วยมือขวา
เจ้ามันโง่อย่างสิ้นหวังทีเดียวแต่ก็มีบางอย่างในตัวเจ้าที่คู่ควรแก่การช่วยชีวิต
ซือหยูพูดอย่างไร้อารมณ์
นางสละตัวเองสองครั้งสองคราเพื่อผู้เป็นพ่อนี่ไม่ใช่สิ่งที่บุตรทั่วไปจะเต็มใจทำได้
หลูจูหน้าแดงคำชมของซือหยูไม่ต่างจากคำเยาะเย้ย
ซือหยูเตือนนางเรื่องแม่ทัพมัจฉาทมิฬมาแล้วแต่นางก็ยังโดนหลอกได้
เทียบกับคนทั่วไปนางมิใช่คนที่โง่เขลาเลย แต่จากมุมที่ซือหยูมอง นางมิอาจปฏิเสธได้ว่านางเป็นฝ่ายปล่อยให้ตัวเองเป็นเช่นนี้ หลังจากผ่านเรื่องวันนี้ไปเจ้าคงจะดีขึ้น
ซือหยูดึงมือกลับ
เขาบอกนางไม่ให้เปิดกระเป๋าที่มีพิษอยู่ได้แต่เขาไม่บอกก็เพื่อให้นางได้ผ่านประสบการณ์ครั้งนี้
หลูจูสภาพไม่สู้ดีนักต่อหน้าซือหยูนางก้มหน้าข่มเสียง
ข้ารู้แล้วจากนี้ไปข้าจะฟังท่าน
ไม่มีจากนี้ไปอีกแล้วหากข้ารักษาจักรพรรดิเงือกเสร็จและได้สิ่งที่ข้าต้องการเมื่อใด เราจะแยกทางกัน
ซือหยูพูดอย่างใจเย็น
เขากระโจนขึ้นยานและมุ่งหน้าไปยังเขาแก้วฟ้า
หลูจูหัวเราะอย่างขมขื่นเขายังคงเย็นชาอย่างเคย แต่นางก็เชิดคางคิดกับตัวเอง
‘แค่เพราะท่านพูดก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องแยกทางกัน’ ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสองได้มาถึงเขาแก้วฟ้า ซือหยูดึงมือออกจากตัวจักรพรรดิเงือก
พิษทั้งหมดในตัวจักรพรรดิเงือกถูกขับออกมาแล้วอีกไม่นานจะกลับมาได้สติ
หลูจูถอนหายใจยาวพ่อนางจะตื่นขึ้นอย่างแน่นอนแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในเผ่าเงือกจะได้จบลงเสียที
ซือหยูเพียงแค่รอให้จักรพรรดิเงือกตื่นขึ้นมาเมื่อเขาได้พิมพ์เขียวที่ต้องการ เขาจะออกเดินทางต่อ
จากนั้นเขาจึงหยิบไข่มุกเม็ดสีแดงที่หลูจูให้กับเขาออกมา
นี่คือมุกโลหิตจักรพรรดิเงือกของเจ้าสินะ?
หลูจูพยักหน้า
การมีสิ่งนี้เทียบเท่ากับการยอมสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิเงือกหากท่านพ่อตื่นขึ้นมาเห็น ต่อให้ไม่เต็มใจ ท่านพ่อจะรับฐานะท่านว่าเป็นผู้สืบทอด อย่างนั้นหรือ?
ซือหยูครุ่นคิด
ซือหยูมีฐานพลังในระดับเซียนขั้นสี่ถึงเวลาแล้วที่เขาจะได้เลื่อนเป็นว่าที่เทพ
ไม่เหมือนกับขั้นก่อนๆ ที่จะเกิดขึ้นตามพลังที่เพิ่มขึ้นมา
ในการเป็นว่าที่เทพนั้นผู้ที่จะขึ้นเป็นว่าที่เทพจำเป็นต้องมีวิถีเทพ
ว่าที่เทพจะกลายเป็นเทพหลังจากได้วิถีเทพในขั้นสูงสุดมาแล้ว
วิถีเทพของซือหยูคือการต่อต้านแต่ก่อนที่ซือหยูจะได้วิถีเทพมา เขาก็ได้มีจิตวิญญาณเทพสองดวงแล้ว
ดังนั้นจึงไม่มีใครบอกได้ว่าเขาจะเป็นว่าที่เทพได้เมื่อใด
ดังนั้นซือหยูจึงได้แต่ทำตามตัวอย่างก็คือการสืบทอดวิถีเทพเขาจะกลายเป็นเทพโดยการใช้วิถีเทพของจักรพรรดิเงือก
ซือหยูเพ่งสมาธิเขาพยายามจะศึกษาวิถีเทพที่มีอยู่ในมุกโลหิตจักรพรรดิเงือก
ซือหยูขนลุกเมื่อเขาเข้าใจเขาเบิกตาโพลง
หลูจูวิถีเทพของจักรพรรดิเงือกทุกคนคือวิถีอัสนีทั้งหมดเลยหรือ?
หลูจูกระพริบตา
เงือกใช้วิถีเทพตามธาตุวารีอยู่เสมอจักรพรรดิเงือกในอดีตล้วนมีวิถีเทพอัสนี…อัสนีใต้วารี
เป็นไปได้ยังไง?
ซือหยูหันไปมองจักรพรรดิเงือกที่อยู่ด้านหลังเขาเบิกตากว้าง
ร่างของจักรพรรดิเงือกหายไปแล้ว!
ไม่นะ!ข้าว่าพวกเราเข้าใจผิดแล้ว!
ซือหยูลุกขึ้นทันทีใบหน้าเขาหม่นหมอง
หลูจูมองจุดที่เคยมีร่างจักรพรรดิเงือกด้วยสีหน้างุนงง
จากนั้นก็มีเสียงถอนหายใจบางเบาดังขึ้นราวกับเสียงสายฟ้าคำราม
เจ้าเข้าใจแล้วสินะในทีแรก ข้าก็คิดจะปล่อยเจ้าไป