“รวินท์ท่านนี้คือท่านประธานธีรเมทที่ฉันเคยพูดกับเธอไว้ไง ธีรเมทคะ คนนี้คือรวินท์ พี่เลี้ยงเด็กที่บ้านฉันที่ฉันพูดกับคุณไว้ไงคะ” ในห้องรับรอง มุกดาจัดการเป็นแม่สื่อให้กับรวินท์และธีรเมท
ธีรเมทและรวินท์ คนหนึ่งนั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของมุกดา อีกคนก็นั่งอยู่ทางด้านขวามือของมุกดา ทั้งสองคนจับมือกันทำเหมือนไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนเช่นนั้น
“เสิร์ฟอาหารได้เลยค่ะ” มุกดาพยักหน้าให้พนักงาน พนักงานก็ออกไปและให้คนเตรียมเสิร์ฟอาหาร
“มุกครับ ผมขอบคุณจากใจจริงๆ เลย คุณไม่ได้เพียงร่วมมือทำธุรกิจกับผม แถมยังคำนึงเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของผมด้วย ตอนนี้ผู้หญิงที่แสนอ่อนโยนแสนดีเพียบพร้อมอย่างคุณมีไม่มากแล้ว”
แววตาของธีรเมทไม่ได้จับจ้องอยู่ที่ตัวของ รวินท์เลย แต่เขามักจะรู้สึกว่าผู้หญิงอย่างมุกดาเขามองยังไงก็ไม่เบื่อเลย
“ฮ่าๆ ๆ นี่ท่านประธานธีรเมทก็พูดติดตลกไปเรื่อยเลย รวินท์ของพวกเราทั้งอ่อนโยนสุภาพเรียบร้อยมากกว่าฉันเสียอีก ต้องทำให้ว่องประเสริฐการอย่างคุณพอใจอย่างแน่นอน ตั้งแต่เมธพรทิ้งคุณไปแล้ว ฉันก็เห็นว่าคุณเป็นคนซื่อสัตย์มาก และไม่ได้มีผู้หญิงคนอื่นอีกเลย ไม่คิดเลยว่าท่านประธานธีรเมทเป็นคนตาบอดเพราะความรัก แถมยังรักเมธพรจริงๆ ! น่าอิจฉาจังเลยค่ะ!” ถ้าคนทั่วไปได้ยินแล้วก็ต้องคิดว่ามุกดากำลังยกยอปอปั้นธีรเมทอยู่ แต่พอธีรเมทได้ยินแล้วกลับรู้สึกยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแทน
ตอนแรกเขาก็ทิ้งมุกดาไป แต่เวลานี้มุกดากลับพูดว่าตนเองเป็นคนตาบอดเพราะความรักมาก จนมันรู้สึกโดนกระแนะกระแหนอยู่เล็กน้อย
“จริงเหรอคะ? ที่ท่านประธานธีรเมทเป็นคนตาบอดเพราะความรัก งั้นเดี๋ยวฉันต้องดื่มให้กับท่านประธานธีรเมทสักแก้วแล้วค่ะ” รวินท์ได้ยินว่าธีรเมทเคยรักผู้หญิงคนหนึ่งมาก เธอไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด ในทางกลับกันยังรู้สึกว่าธีรเมทคนนี้ไม่เลวทีเดียว
“ครับ แม้ว่าจะมีเรื่องตามนั้นเกิดขึ้นก็ตาม แต่ก็ไม่มีอะไร ไม่ใช่ว่าผมไม่หาคนอื่นสาเหตุเพราะว่าเธอ แค่ช่วงนี้ผมยุ่งมากเหลือเกิน ทั้งในเรื่องการทำงาน และในการใช้ชีวิตมีเรื่องมากมายเกินพอแล้ว ผมรู้สึกว่าระหว่างคนสองคนต้องเริ่มต้นด้วยความรักถึงจะถือว่าบริสุทธิ์และไร้เดียงสา” ธีรเมทเองก็หาจังหวะที่จะพูดความจริงจากใจของตนเองที่มีต่อมุกดา
“พวกคุณสองคนคุยกันไปก่อนนะ ฉันขอไปห้องน้ำสักหน่อย” มุกดาไม่อยากให้ธีรเมทพูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมา เธอเลยรีบจงใจหลบเลี่ยงทันที
“ทำไมคุณถึงไปพูดกับมุกดาล่ะ ที่ให้เธอมาเป็นแม่สื่อให้ผม?” ธีรเมทเห็นมุกดาเดินออกไปจากห้องรับรองแล้ว จึงรีบกระซิบพูดกับรวินท์ทันที
“ไม่ใช่ฉันนะ เธอเป็นคนเสนอตัวจะเป็นแม่สื่อให้กับฉันเองต่างหาก ฉันยังรู้สึกว่านี่มันเป็นเรื่องเกินคาดมาก เธอพูดว่าฉันอายุก็เริ่มมากขึ้นแล้ว อาจจะสงสารฉันมั้ง” รวินท์แกล้งทำเหมือนตนเองเป็นสะใภ้คนเล็กที่ถูกใส่อารมณ์มา เพื่อต้องการให้ธีรเมทหวงแหนตนเองมากขึ้น
“ครับ ที่รัก คุณก็ไม่ได้อยู่กับผมมานานแล้ว ผมคิดถึงคุณใจจะขาด อีกเดี๋ยวก็พูดกับมุกดาไปนะ พวกเราจะไปดูหนังกัน แล้วไปบ้านผมก็แล้วกันนะ?” ธีรเมทดึงมือของรวินท์มาหา และจุมพิตลงทันที
“ค่ะ” รวินท์ได้แต่พยักหน้าอย่างเขินอาย
การที่รวินท์เป็นฝ่ายออกตัวก่อนมันทำให้ธีรเมทรู้สึกชื่นชอบมาก เขาก็ชอบผู้หญิงประเภทนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับมุกดา เมธพรคนนั้นเขาเบื่อเต็มทนจริงๆ แถมบนร่างกายก็มีแต่ของปลอมเต็มตัว ทั้งหน้าอกทั้งเยื่อพรหมจรรย์อีก มันทำให้เขารู้สึกขยะแขยง
“โอเคนะ เดี๋ยวเราแกล้งทำเป็นคนเพิ่งจะรู้จักกัน พอกินข้าวเสร็จพวกเราก็ไปทันที” ธีรเมทคิดว่าร่างกายของรวินท์ก็สะอาดปลอดภัยขนาดนั้น เขามักรู้สึกว่าตนเองได้รับความกระชุ่มกระชวยอยู่ในใจ เขาไปหาผู้หญิงที่บริสุทธิ์ผุดผ่องตัวจริงมาได้คนหนึ่ง รวินท์คนนี้มาจากบ้านนอก คงไม่ใช่ไปแต่งเติมเสริมแต่งทำอะไรมาใช่ไหม
“ขอโทษด้วยนะ ที่บริษัทของฉันมีธุระด่วนจริงๆ ฉันต้องขอตัวก่อนฉันไม่อยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนพวกคุณแล้วนะ พวกคุณก็ค่อยๆ คุยกันไปนะ มีเวลาก็ไปดูหนัง ไปเดินเที่ยวสวนสาธารณะอะไรพวกนี้” ตอนที่มุกดาเดินเข้าประตูมานั้น ก็เห็นว่ารวินท์กับธีรเมทนั่งนิ่งตามระเบียบมากอยู่ตรงนั้น เธอได้แต่ยิ้มให้กับคนสองคนเพื่อเป็นการบอกลา
“งั้นคุณก็ไปธุระของคุณเถอะครับ พวกเราขอคุยกันสักหน่อย” ธีรเมทบอกลากับมุกดาอย่างมีมารยาท แววตาของเขาจับจ้องมุกดาอย่างร้อนผ่าว จนทำให้รวินท์เกิดไม่พอใจขึ้นมา แต่สิ่งที่เธอไม่พอใจคือมุกดา แต่สำหรับธีรเมทแล้วมีแต่ความชื่นชมเท่านั้น
มุกดาไปแล้ว ธีรเมทก็ดึงรวินท์มานั่งลงบนหน้าตักของตนเอง เขายื่นมือออกไปเพื่อมุดเข้าไปในเสื้อผ้าของรวินท์อย่างรวดเร็ว
“ประธานธีรเมทคะ คุณอย่าทำแบบนี้ค่ะ คุณอย่าทำแบบนี้เลย” รวินท์พยายามขัดขืน แต่พละกำลังของเธอนั้นไม่ได้มีมากพอเท่ากับธีรเมท ฝ่ามือใหญ่ของธีรเมทกำลังออกแรงขยำหน้าอกของเธอ
ตอนที่พนักงานเข้ามาเสิร์ฟอาหารนั้น ธีรเมทก็ไม่ยอมปล่อยมือออก เขาไม่ได้สัมผัสผู้หญิงมานานแล้ว เวลานั้นเขาไม่ได้สนใจอาหารเลิศรสเหล่านั้นสักนิด ในดวงตานั้นมีแค่ใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับมุกดาเท่านั้นเอง
“ท่านประธานธีรเมทคะ อาหารมาเสิร์ฟแล้ว คุณปล่อยฉันเถอะ” รวินท์บิดธีรเมทเล็กน้อย จังหวะนั้นเองธีรเมทถึงได้สติกลับมา เมื่อครู่ร่างกายของเขามีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว แค่เห็นมุกดาเท่านั้นเอง เขาก็เกิดอารมณ์แล้ว
ธีรเมทอุ้มรวินท์ออกจากตักมาอยู่ด้านข้างของตนเอง “กินข้าวกันก่อน กินเสร็จแล้วค่อยว่ากัน” ธีรเมทคีบอาหารให้กับรวินท์
หลังจากมุกดาไปแล้ว ก็มุ่งหน้าไปโรงพยาบาลทันที เมื่อวานนี้ไม่ได้มาเยี่ยมชลธีเลย เธอมักรู้สึกไม่สงบจิตสงบใจเลย
นัทธ์กำลังเช็ดตัวให้กับชลธี แผลที่อยู่บนตัวของชลธีฟื้นตัวกลับมาได้ใกล้เคียงเหมือนเดิมแล้ว เฝือกกับเฝือกอ่อนก็เอาออกไปแล้ว รวมถึงผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบศีรษะก็เอาออกไปแล้วด้วย เหลือแต่คนยังไม่มีวี่แววจะฟื้นขึ้นมาสักที
“คุณนาย ทำไมคุณถึงไม่พักเยอะๆ สักหน่อยล่ะ?” นัทธ์พูดกับมุกดา ใบหน้าของชลธีซูบผอมลงอีก ส่วนใบหน้าของมุกดาก็ซูบผอมลงเช่นเดียวกัน
“ฉันพักผ่อนพอแล้วค่ะ ลุงนัทธ์ ลำบากคุณแล้วนะ ฉันไม่ไว้ใจคนอื่นเลย” ที่มุกดาพูดออกมาเช่นนี้ เพราะตอนนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ธีร์ธวัชกลับมาแล้ว ที่บ้านก็ไม่สงบสุข เธอเลยไม่ไว้ใจที่จะให้คนอื่นมาดูแลชลธีจริงๆ
“คุณนายครับ เมื่อครู่หมอพูดว่า อาการป่วยของคุณชายต้องอาศัยการดูแลแล้วแหละ และการที่อยู่ต่อในโรงพยาบาลก็ไม่มีความหมายมากอะไร บ้านของพวกเรามีทั้งหมอมีทั้งพยาบาลอยู่ ถ้าเป็นการให้อาหารทางสายยางเราสามารถกลับไปดูแลกันได้” นัทธ์ได้บอกเรื่องที่เมื่อเช้าคุณหมอฝากบอกมุกดา
มุกดายังไม่ทันตั้งตัว เธอก็จ้องมองนัทธ์อย่างมึนงง
“หมายความว่ายังไงคะ?”
“คุณนาย ความหมายของคุณหมอก็คือบาดแผลที่อยู่บนตัวคุณชายได้หายจนเกือบจะปกติดีแล้ว แถมตอนนี้ยังไม่ฟื้น เลยไม่จำเป็นที่ต้องอยู่โรงพยาบาลต่ออีกแล้ว สามารถกลับบ้านได้แล้ว คุณชายกลับบ้านได้แล้ว” นัทธ์สรุปความหมายง่ายๆ ของคุณหมอให้กับมุกดาฟัง
“ชลกลับบ้านได้แล้วเหรอ? ดีจังเลยค่ะ งั้นฉันก็สามารถดูแลเข้าได้ทุกวันเลย ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาอยู่สองแห่งแล้ว” เมื่อได้ยินว่าชลธีสามารถกลับบ้านได้แล้ว มุกดาดีใจมาก เพราะต่อไปเธอไม่ต้องวิ่งวนไปยังสองสถานที่อีกแล้ว และยังสามารถดูแลสามีกับลูกชายอยู่ที่บ้านได้แล้ว
“คุณนาย คุณอย่าเพิ่งตระหนกใจไป คุณหมอยังพูดอีกเรื่องหนึ่งไว้ด้วย!” นัทธ์เห็นท่าทางคุณนายดีใจมาก เลยนึกถึงอีกเรื่องที่คุณหมอได้พูดเอาไว้