อนุชิตพูดถึงเรื่องความอับอายของธีรนัยน์ธีรนัยน์ก็ไม่รอช้า เธอพูดท้าทายกลับอนุชิตทันที “พี่ใหญ่ พี่ก็พูดมั่วๆ สิ แม่ทั้งรักทั้งหลงพี่ที่สุดแล้ว ตั้งแต่เด็กจนโตทำอะไรได้หมดแต่พอเป็นฉันนะกลับเข้มงวดขึ้นมาเฉยเลย ฉันอิจฉาพี่จะตาย”
คู่สองพี่น้องต่างคนต่างรู้สึกว่าแม่รักอีกฝ่ายมากกว่า ต่างรู้สึกว่ามารดาปฏิบัติกับตัวเองไม่ดีเลย
“มุก ที่ผมพูดมันจริงนะ แม่ผมเธอเป็นพวกรักลูกผู้หญิงมาสนใจลูกผู้ชาย เธอขี้เกียจมาสนใจผม มัวแต่เอาจิตใจคอยสนใจธีรนัยน์แต่เธอเป็นเด็กที่ฉลาดเฉลียวมากคนหนึ่งมาตลอด แค่แม่ผมขอร้องให้เธอสอบได้ที่1 เธอไม่มันวันไปเอาที่2มาให้แม่แน่นอน ดังนั้นเม่ก่อนนี้ของอร่อยในบ้านก็เตรียมไว้ให้ธีรนัยน์ทั้งนั้น” อนุชิตจงใจพูดเรื่องที่ธีรนัยน์เป็นผู้หญิงออกมา
ธีรนัยน์ได้ยินแล้วถึงขั้นร้อนตัวทันที เธอยังคิดว่าณฐวรไม่รู้ว่าตนเองเป็นผู้หญิง เธอพยายามใช้สายตาส่งสัญญาณให้อนุชิตทันที
“เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่งเลย!” ณฐวรเองใช้นิ้วมือเรียวยาวของเขาลูบหัวธีรนัยน์พลางใช้สายตาอ่อนโยนดั่งสายน้ำมองเธอ ในแววตามีหลงรักหัวปักหัวปำ
อนุชิตรู้เรื่องแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนโง่เลยนี่ ที่โง่ก็คือน้องสาวของเขาเองนี่แหละ คนเขารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงมาตั้งนานแล้ว
“แต่ฉันคุยกับคุณป้าแล้ว เธอรักธีรนัยน์หัวปักหัวปำเหลือเกินตามจริง รู้ทั้งรู้คำว่ารักหัวปักหัวปำและไม่รู้ว่าควรจะแสดงความรักออกยังไงดี แต่กลับทำให้สร้างความกดดันมาแก่ธีรนัยน์แทนธีรนัยน์คุณป้าไม่ได้บังคับให้แกต้องทำถึงขั้นไหนเลย บางทีเธอก็หลุดปากพูดออกมาเท่านั้นเอง แต่แกกลับต้องทำให้สำเร็จให้ได้ แกเป็นความภาคภูมิใจของเธอ ส่วนคุณป้าเองก็กลัวว่าต่อไปแกโตขึ้นจะเสียเปรียบ เลยให้แกเรียนเยอะๆ กลัวว่าแกจะถูกรังแก เลยให้ไปเรียนศิลปะป้องกันตัว คุณป้าเธอทุ่มเทแรงใจให้แกหมด คุณป้าเคยพูดกับฉันว่า เธอไม่ต้องการกีดกันสิ่งที่แกชื่นชอบ แต่ในใจของตัวแกเองกลับมีอคติกับแม่ของตัวเองแทน ที่ยึดติดกับสิ่งที่แม่ตั้งกฎเอาไว้กับตนเองจนทำออกมาให้ดีที่สุด และยอมปล่อยวางความชื่นชอบของตนเองไปแทน” มุกดาใช้จังหวะนี้ พูดความทุกข์ใจของบุณยอรออกมา
สองแม่ลูกขาดการสื่อสารระหว่างกัน จนทำให้ธีรนัยน์คิดว่าแม่ไม่รักตนเอง แต่วันนี้สิ่งที่มุกดาพูดออกมานั้น จึงรู้ว่าจริงๆ แล้วมารดาก็เหมือนที่มุกดาพูดไม่มีผิดเพี้ยน แถมยังปฏิบัติตัวกับตนเองดีมากเหลือเกินจริงๆ
เรื่องในปีนั้น บุณยอรพูดออกมาหนึ่งประโยค “นี่ธีรนัยน์ลูกดูคนที่ได้ที่หนึ่งในสายชั้นของพวกลูกคะแนนมากกว่าลูกแค่สิบคะแนนเอง แม่รู้สึกว่าครั้งหน้าลูกจะต้องได้คะแนนมากกว่าเธอแน่”
แค่ประโยคพูดไปเรื่อยเปื่อยเพียงประโยคเดียว แต่การสอบในครั้งที่สองของธีรนัยน์ยิ่งทำให้มีความคิดมากมายกว่าเดิม นั่นคือต้องเอาชนะคนที่สอบได้ที่หนึ่งคนนั้นให้ได้
และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับธีรนัยน์อีก จนต่อมากลายเป็นอาการป่วยทางใจอย่างหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ตามต้องได้ที่หนึ่งเสมอ ถ้าได้ที่สองแล้วละก็ เธอกลัวว่ามารดาจะดูถูกตนเอง
ธีรนัยน์สร้างความกดดันให้ตนเองอย่างมาก พอทำไม่ได้ก็จะระบายออกมาว่า ต่างเหมารวมชี้โทษมายังมารดาของตนเอง เพราะเธอรู้สึกว่ามารดาบีบบังคับตนเอง ตอนนี้เมื่อคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว มารดาของตนเองนอกจากการชมเชยตนเองแล้ว ก็ไม่เคยบีบบังคับให้ตนเองต้องได้ที่หนึ่งเลย
ธีรนัยน์คิดได้แล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองใส่ความมารดาของตนเอง สิ่งที่มารดาให้ตนเองทำนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องทั้งหมด ตอนนี้ไม่ว่าตนเองจะทำอะไรก็ตามต่างทำได้อย่างคล่องแคล่ว จนรู้สึกราบรื่นมาก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่สามารถแยกออกจากมุมานะอุตสาหะในปีนั้นๆ ได้เลย
ธีรนัยน์ก้มหน้าก้มตากินเนื้อปลาที่ณฐวรดึงก้างออกให้เธอแล้ว และยิ่งคิดถึงมารดาของตนเองมากขึ้น
“พี่ใหญ่ เมื่อไหร่พี่กลับไป?” จู่ๆ ธีรนัยน์ก็เงยหน้าถามอนุชิตทันที ปลายจมูกของเธอเริ่มแดงเล็กน้อย
“พี่นะเหรอ อีกสองวันก็จะกลับแล้ว พี่มาดูแกกับมุกนะสิ ใช่สิ มุก อีกนิดผมจะลืมเรื่องสำคัญแล้วสิ ผมหาตัวยามาได้หนึ่งอย่าง เอาให้ชลกินนะ มันจะช่วยให้อาการของเขาฟื้นตัวได้ดีมาก” อนุชิตพูดจบก็หยิบขวดยาหลายขวดออกมาจากกระเป๋าของตนเอง ยาในขวดนั้นเป็นภาษาฝรั่งเศสทั้งหมด
“คุณชายอนุชิต ที่คุณตรากตรำเดินทางมาไกลจากเมืองสระมังกรมายังพระนครก็เพื่อเอายามาส่งให้ฉันเหรอ?” ความรู้สึกเช่นนี้มันทำให้มุกดาหนักใจเหลือเกิน
“ใช่สิ เพื่อนผมคนหนึ่งได้ของมาจากต่างประเทศ เลยมาบอกกับผม ผมก็เลยให้เขาซื้อเพิ่มอีกหลายขวด แต่ยาชนิดนี้มีความต้องการสูงขึ้น ซื้อได้ทีละขวด แต่ใช้เวลาหนึ่งเดือนคอยซื้อให้ผม ผมเลยรีบเอามาให้ชลกินก่อน” อนุชิตใช้ความพยายามไปไม่น้อย
“ขอบคุณคุณชายอนุชิตจริงๆ เลยค่ะ แต่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีผลสักเท่าไหร่แล้ว….” มุกดายังไม่ทันพูดจบ อนุชิตก็พูดแทรกทันที
“ผมรู้ว่าชลตื่นแล้ว ตอนนี้ใช้ตัวยานี้ก็พอดีเลย ประเด็นหลักคือการระบายเลือดคั่งในสมองออก จะได้ไม่ต้องผ่าตัดอีกครั้งไง” สมองของชลธียังมีเลือดคั่งในสมองอยู่ ความหมายของคุณหมอคือรอให้ผ่านไปสักระยะ จึงจะทำการผ่าตัดเปิดกะโหลกชลธีอีกครั้ง เพื่อไล่เลือดที่คั่งอยู่ในสมองของเขาออก
“ดีจังเลย ดีจริงเลย ฉันก็กลัวการผ่าตัดอีกครั้งของชลธี แม้ว่าฝีมือการผ่าตัดของพี่ประวีร์จะดีมากก็ตาม แต่ฉันก็กังวลมากอยู่ดี ถ้ามียาชนิดนี้ งั้นก็ไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังแล้วสิ” มุกดากอดยาเหล่านี้เอาไว้ในอ้อมอก อนุชิตช่างแสนดีกับตนเองมากเหลือเกิน ความรู้สึกเรื่องนี้มุกดาจะจำฝังใจ
“อ้อ ไม่เป็นไรเลย กินหมดแล้วผมยังมีอยู่นะ เพื่อนของผมจะซื้อให้ผมครั้งละขวด พอมีเยอะแล้วผมจะส่งมาให้คุณ ยาหลายขวดพวกนี้กินได้สองเดือน” อนุชิตเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของมุกดา เขายิ่งดีใจมากกว่าเดิมเสียอีก
ตั้งแต่เด็กจนโตนอกจากธีรนัยน์แล้ว นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขาหลงรักผู้หญิงคนหนึ่ง
“พี่ พี่เขยตื่นแล้วเหรอ? ผมยังไม่ได้ไปเยี่ยมเขาเลยนะ!” ณฐวรที่เพิ่งมาที่บริษัทฮอนดากรุ๊ป นอกจากการกินข้าวนอนหลับแล้วเวลาที่เหลือคือการตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เขาไม่อยากให้คนอื่นคอยดูถูกเขา
“เพิ่งจะสองวันเอง ฉันก็ยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลย รอให้ชลธีฟื้นตัวอีกสักหลายวันหน่อยค่อยบอกพวกเขา” เพราะว่าตอนนี้ชลธีจำใครไม่ได้ทั้งนั้น มุกดากลัวว่าพ่อกับแม่ไปเยี่ยมแล้วจะเสียใจมาก
“ได้ งั้นผมกลับไปบอกพ่อกับแม่เอง อีกสักสองสามวันพวกเราจะไปเยี่ยมพี่เขยนะ” ณฐวรได้ยินว่าพี่เขยฟื้นแล้ว เขาก็วางใจไปเปลาะหนึ่ง และถือว่าโล่งใจด้วย
“ได้สิ รออีกสักเดี๋ยวผมจะโทรศัพท์ไปบอกพ่อกับแม่นะ” หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว อนุชิตก็มาส่งมุกดาที่ลานจอดรถในซูเปอร์มาเก็ต มุกดาต้องการขับรถกลับบ้านเอง ธีรนัยน์กับณฐวรทั้งสองคนก็กลับไปแล้ว
พอมุกดากลับมาถึงบ้านก็โทรศัพท์หาธาราวดีกับยศัสวินทันที เพื่อแจ้งข่าวชลธีฟื้นแล้วให้พวกเขารู้
พอธาราวดีได้ยินว่าลูกเขยฟื้นแล้ว เธอก็ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออกเลย พอวันรุ่งขึ้น เธอก็อดใจไม่ไหว จนลากยศัสวินกับณฐวรมาเยี่ยมชลธีทันที
“พวกคุณเป็นใครเหรอ? ทำไมถึงมาบ้านผม?” ชลธีที่กำลังเล่นบล็อกไม้อยู่กับอักลี่ ตอนนี้คนที่เขาชอบที่สุดก็คืออักลี่แล้ว พวกเขาทั้งสองคนมีมิตรภาพที่แนบแน่นมาก
“พวกเขาคือคุณตา คุณยาย คุณน้าของผม!” อักลี่เรียกคุณตา คุณยาย และน้าชายของตนเอง พร้อมทั้งแนะนำให้ชลธีด้วย
“อ้อ คุณตา คุณยาย คุณน้า!” ชลธีเรียกตามอักลี่
“มุก เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตาชลเนี่ย? ทำไมเขาไม่รู้จักพวกเรา?” ธาราวดีมองชลธีที่ร่างกายสูงใหญ่แต่ใบหน้าแสดงท่วงท่าไร้เดียงสาออกมา จึงออกปากถามมุกดาทันที