คนที่อยู่ข้างนอกวิ่งมาถึงด้านหน้าบอดี้การ์ดที่อยู่หน้าประตู ถามพวกเขาว่าต้องบอกเรื่องที่ตำรวจมากับเจตนิพัทธ์ไหม บอดี้การ์ดมอง็คนคนนั้นด้วยสายตาเหยียดหยามอยู่ครู่หนึ่ง
“ลนลานอะไรกัน มีเรื่องอะไรที่คุณชายของพวกเราจัดการไม่ได้กัน ตำรวจคนนี้เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งใหม่ใช่ไหม กระทั่งคฤหาสน์แห่งนี้ของพวกเราก็กล้ามาเยือน” บอดี้การ์ดคนนั้นไม่อยากให้เจตนิพัทธ์รู้ว่าตำรวจมา เขาจึงรายงานต่อหัวหน้าของตัวเอง หัวหน้าบอดี้การ์ดจึงไปเจรจาอย่างสันติกับตำรวจ
ตอนนี้เองที่มีเสียงถูกฟาดจนร้องห่มร้องไห้เหมือนผีสางดังออกมาจากห้องของเจตนิพัทธ์ แม้ว่าการถูกฟาดจะเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของเขา แต่ว่านี่เป็นการถูกฟาดอย่างไร้ซึ่งศักดิ์ศรี ก่อนหน้านี้คือหลังจากที่ผู้หญิงพวกนี้ฟาดเขาแล้ว เขาก็จะใช้วิธีการที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคืนกลับไปให้
แต่ว่าวันนี้กลับทำได้เพียงแค่ถูกฟาด ถูกฟาดเสียจนอับอายขายขี้หน้า รวมไปถึงน้องชายขนาดเล็กของตัวเองที่ถูกฟาดจนบวมด้วย
เดิมได้ยินว่าตำรวจมาแล้ว ก็คิดจะให้บอดี้การ์ดของตัวเองเข้ามาเอ่ยกับตัวเองสักหน่อย จะได้ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้ได้พอดี แต่ว่าบอดี้การ์ดคนนั้นกลับตัดสินใจไม่ให้คนเข้ามาโดยพลการ ทำให้เจตนิพัทธ์โมโหจนอยากจะกระอักเลือดออกมา
เขาก็กระอักเลือดออกมาคำหนึ่งจริงๆ ฟันถูกเตะจนร่วงไปหลายซี่
ธีรนัยน์จัดการเขาด้วยความเบิกบานใจ คนสารเลวแบบนี้ ไม่ชกสักหน่อยก็เป็นการทำผิดต่อเหล่าหญิงสาวที่ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
“ต่อยเหนื่อยหรือยัง ฉันจะต่อยบ้าง” มุกดาเห็นธีรนัยน์ต่อยด้วยความเบิกบานใจ เธอก็เข้าร่วมการต่อยเจตนิพัทธ์ด้วยเช่นกัน
สุดท้ายกระทั่งร้อง เจตนิพัทธ์ก็ขี้เกียจจะร้องแล้ว ความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างทำให้เขาเกือบจะหมดสติไป
ต่อยจนเจ็บมือไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็มีคนมาเคาะประตู ธีรนัยน์กับมุกดาสบตากันครู่หนึ่ง และลากเจตนิพัทธ์ขึ้นไปบนเตียง ทั้งสองคนนำเลือดที่อยู่บนพื้นมาถูไปตามร่างตัวเอง ธีรนัยน์มองชุดเดรสสีขาวของตัวเองแล้วก็กัดฟัน รอจนตอนที่ประตูถูกถีบให้เปิดออกอย่างแรงแล้ว ธีรนัยน์กับมุกดาที่เลือดเปรอะไปทั่วร่างก็กอดคอกันร้องไห้
ตำรวจบุกเขามาในห้องภายใต้การนำของณฐวร เมื่อเห็นเจตนิพัทธ์นอนอยู่บนเตียงโดยไม่สนใจเหล่าตำรวจ ส่วนผู้หญิงสองคนกลับนั่งอยู่บนพื้นทั้งที่เลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วร่าง คนที่มีประสบการณ์แค่มองก็รู้แล้วว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ผู้ชายคนนี้จะต้องเป็นคนรังแกผู้หญิงทั้งสองคนอย่างแน่นอน!
“นำตัวเขาไป พวกคุณสองคนก็ไปทำบันทึกปากคำที่สถานะตำรวจกับผมด้วย ไม่มีทางอื่น ต้องลำบากพวกคุณแล้ว” วันนี้อธิบดีกรมตำรวจเป็นผู้นำคนมาจับเจตนิพัทธ์ด้วยตนเอง
นัยน์ตาของเจตนิพัทธ์เบิกกว้าง ตัวเองถูกผู้หญิงสองคนนี้ฟาดจนกลายเป็นสภาพแบบนี้ อธิบดีกรมตำรวจคนนี้ตาบอดหรือไง?
“ได้ เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้สวมเสื้อผ้า” มุกดาเอ่ยด้วยท่าทางขลาดเขลา
“ใครก็ได้ ยกไปทั้งผ้าห่มเลย นี่มันเกินไปแล้วจริงๆ ทำไมถึงปฏิบัติกับผู้หญิงแบบนี้กัน ช่างโหดร้ายป่าเถื่อนเสียจริง!” อธิบดีกรมตำรวจที่เพิ่งจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา เป็นศัตรูคู่อาฆาตของลูกน้องพ่อเจตนิพัทธ์พอดี
“รายงานอธิบดีตำรวจครับ พบศพหญิงสาวด้านหลังคฤหาสน์หลายศพครับ ล้วนเปื่อยเน่าหมดแล้ว” ตำรวจที่มาด้วยมีมาก และตรวจค้นคฤหาสน์ของเจตนิพัทธ์ไปรอบหนึ่ง บอดี้การ์ดพวกนั้นจะขวางก็ขวางไม่อยู่ และถูกคุมตัวเอาไว้อีกด้าน
“พี่สาว พี่เป็นอย่างไรบ้าง” ณฐวรเห็นสภาพของมุกดาแล้วก็สะดุ้งตกใจ แต่เขากลับจำธีรนัยน์ไม่ได้ วันนี้ธีรนัยน์สวมชุดเดรส บวกกับคราบเลือดบนใบหน้า ณฐวรจึงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นธีรนัยน์
“ธีรนัยน์ล่ะครับ” เมื่อได้ยินมุกดาบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไรแล้ว ณฐวรก็เอ่ยถามถึงธีรนัยน์ เขามองไปทั่วทั้งห้องแล้ว ก็ไม่เห็นเงาของธีรนัยน์เลย
“เธอ? เธอไม่ได้อยู่ตรงหน้านายหรือ?” มุกดามองณฐวรด้วยความตะลึง
ณฐวรมองธีรนัยน์ที่สวมชุดเดรสสีขาวอีกครั้ง “คุณคือธีรนัยน์?” ณฐวรเอ่ยถามด้วยความลังเล
“ใช่แล้ว!” ธีรนัยน์พยักหน้า ตัวเองเปลี่ยนไปจนทำให้ณฐวรจำไม่ได้แล้วหรือ
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม ทำไมคุณถึงได้มีเลือดมากขนาดนี้กัน” ณฐวรรีบร้อนดูว่าบนร่างของธีรนัยน์ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ธีรนัยน์สวมชุดเดรสสีขาว เมื่อครู่ตอนที่ป้ายเลือดก็ป้ายไปค่อนข้างเยอะ สภาพของเธอทำให้คนที่เห็นตกใจมาก
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ล้วนไม่ใช่เลือดของฉัน เป็นของคนคนนั้น!” ธีรนัยน์เขยิบเข้าไปกระซิบข้างหูณฐวร กลิ่นหอมหรูหราทำให้ในใจณฐวรเกิดแรงกระเพื่อม
เจตนิพัทธ์ถูกจับ โทษฐานก็ถูกทำให้เป็นจริง เขาทำร้ายผู้หญิงเยอะมาก วิธีการก็โหดร้ายทารุณ ดังนั้นจึงถูกตัดสินให้ต้องโทษประหารชีวิต!
ธีรนัยน์ก็กลับคืนสู่สไตล์เดิมของตัวเอง สวมชุดสูทที่ใส่ได้ทั้งชายและหญิงโงนเงนไปมาอยู่หน้าณฐวร
ตอนที่ข้อมูลถูกนำมาวางหน้าณฐวรอีกครั้ง ก็เป็นตอนที่ธีรนัยน์กำลังจะกลับพอดี ณฐวรคว้ามือเธอเอาไว้
“ธีรนัยน์ ผมคิดว่าคุณแต่งตัวเป็นผู้หญิงก็สวยมากเช่นกัน” ณฐวรเอ่ยจบแล้วใบหน้าก็แดงระเรื่อ ปล่อยมือออก
ธีรนัยน์ลนลานจากไป ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ ในใจทั้งสองคนเกิดคำถามขึ้นมาคำถามหนึ่งพร้อมกันโดยไม่ต้องเอ่ยออกมา ความสัมพันธ์ของพวกเขามันคืออะไรกันแน่นะ?
“เมื่อคืนวานคุณไปที่ไหนมา” หนวดเคราของชลธีขึ้นเป็นตอแล้ว เขานั่งรอมุกดาอยู่ในห้องรับแขก
“ทำไมคุณถึงยังไม่นอนอีกคะ” ฟ้าสว่างแล้ว มุกดารู้สึกว่าตัวเองอ่อนเพลียมาก
“ผมรอคุณอยู่! พวกเราไม่ใช่สามีภรรยากันหรือ” ชลธีจำประโยคที่มุกดาเอ่ยพูดเอาไว้ได้
“อ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ พวกเราไปนอนกัน ฉันเหนื่อยมากเลย เมื่อคืนวานเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย แต่ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว” มุกดารีบเดินไปในห้อง เธออยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้า คราบเลือดบนร่างกายจะทำให้ชลธีเป็นห่วง
“บนร่างของคุณคืออะไร? เลือด!” แต่ว่ามุกดาจะระวังอย่างไรก็ถูกชลธีพบเข้าแล้ว เขาเห็นคราบเลือดมากมายบนกระโปรงของมุกดา
“ชู่ว อย่าพูดจาเสียงดัง เดี๋ยวคุณแม่จะได้ยิน พวกเราเข้าไปก่อนค่อยว่ากัน!” มุกดาลากชลธีเข้ามาในห้องนอน เมื่อปิดประตูห้องแล้วก็หาเสื้อผ้า เตรียมตัวไปอาบน้ำ
“ฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว อีกครู่หนึ่งจะมาคุยกับคุณ ตอนนี้ฉันอยากอาบน้ำแล้ว” มุกดาเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มของชลธีไปครั้งหนึ่ง จากนั้นเธอก็กอดเสื้อผ้าเดินไปยังห้องน้ำ
น้ำอุ่นร้อนที่ราดลงบนร่างกายนั้นให้ความรู้สึกสบายมากเป็นพิเศษ มือและเท้าของมุกดายังเจ็บอยู่ วันนี้ตอนที่จัดการคนสารเลวนั่น ไม่ได้ออมแรงเลยแม้แต่น้อย แต่ละหมัดที่ต่อยลงไปก็สะใจมาก
มุกดาหรี่ตาลงสระผมจนสะอาด แต่เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นว่าเบื้องหน้าตัวเองมีคนคนหนึ่งยืนอยู่ และถอดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
“คุณเข้ามาได้อย่างไรกัน” มุกดามองชลธีที่มีท่าทางน่ารัก
“ผมเข้ามาดูว่าคุณได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ผมยังสามารถช่วยอาบน้ำให้คุณได้ ผมสามารถช่วยอาบน้ำให้อักลี่ด้วย” พูดแล้วชลธีก็ดึงมุกดาเข้ามาในอ่างอาบน้ำ ในอ่างอาบน้ำนั้นใส่น้ำร้อนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“เฮ้ๆ คุณช่วยฉันอาบอะไรกัน คุณดูแลตัวเองได้ดีก็พอแล้ว” มุกดาพบว่ามือของชลธีวางอยู่บนส่วนอ่อนนุ่มของตัวเอง