เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – บทที่ 149 ไม่มาปรนนิบัติอยู่ข้างๆ

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

หนานกงเฉินลงมาจากรถ ไป๋มู่ชิงรีบไปอธิบายว่า“ฉันเป็นห่วงซูซี่ เพราะคุณไม่ให้ฉันออกไปข้างนอก ดังนั้นเลยให้เธอมาที่นี่ดีกว่า”

หนานกงเฉินมองเธอแวบหนึ่งและพูดเหน็บแนมว่า“สามีตัวเองยังดูแลไม่ค่อยดีเลยยังจะไปยุ่งเรื่องคนอื่นเขาอีกเหรอ?นี่เธอว่างนักหรือไงกัน”

“ปกติฉันว่างอยู่แล้ว”ไป๋มู่ชิงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

“เธออยากจะพูดอะไร?”

“ฉันอยากมีอิสระ ฉันอยากไปทำงาน”

หนานกงเฉินจ้องเธอ ผ่านไปครู่หนึ่งก็พูดออกมาว่า“อิสระ งาน……ถ้าอย่างนั้นรอเธอดูแลฉันดีจนฉันพอใจค่อยมาว่ากัน”

พูดจบ เขาเอากระเป๋าเอกสารและเสื้อสูทโยนทิ้งไปที่หน้าอกของเธอ และเดินเข้าไปในห้อง

ไป๋มู่ชิงกอดกระเป๋าและเสื้อสูทเดินตามเข้าไป แอบมองไปที่เขา เธอรู้สึกว่าเขายังไม่ได้อารมณ์เสียเหมือนเมื่อเช้าที่เขาออกไป ถือว่ายังดี!

เธอยังกังวลว่าเขาจะใช้ท่าทีพวกนี้มาเผชิญหน้ากับเธอเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า

หนานกงเฉินเป็นคนที่รับมือยาก ยังไงเข้าก็คุณชายใหญ่ที่ถูกเลี้ยงมาด้วยการตามใจสนเสียคน คนไม่มีเหตุผล!

ขึ้นอยู่กับว่า หลังจากไป๋มู่ชิงขึ้นไปชั้นบนแล้วยังเอาใจชงชาไปให้เขา

เห็นแก้วชาในมือของเธอ หนานกงเฉินเงยหน้าขึ้นมามองเธอแวบหนึ่ง หลังจากนั้นเขาดึงถ้วยชามาจิบ ทำสีหน้าเฉยชาพูดว่า“ถ้าหากอยากถามเรื่องเสี่ยวอี้ ฉันจะบอกให้เธอว่าอย่ามาถามเลย อยากจะมีอิสระ อยากไปทำงานเธออย่าพูดเพราะความอดทนของฉันมีขีดจำกัดนะ”

โลกนี้ไม่ได้อะไรมาฟรีๆหรอกนะ!

ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก“แค่ชงชามาให้คุณเอง คิดไปไกลถึงขนาดนี้เลยเหรอ?”

“นี่หมายถึงอะไร?”

“ยืนยันว่าเธอไม่ได้ดีกับฉันขนาดนั้น”

“เข้าใจก็ดีแล้ว”หนานกงเฉินวางถ้วยชาไว้บนโต๊ะ ก้มหน้าลงไปทำงานต่อ

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หนานกงเฉินรู้สึกว่าไป๋มู่ชิงยังยืนอยู่ที่ข้างๆเขาอยู่ เลยเงยหน้าขึ้นมาถามเธอว่า“ไม่มีอะไรแล้วยังจะอยู่ตรงนี้อีกเหรอ?”

“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อยากจะบอกว่าเดี๋ยวก็ถึงเวลาทานข้าวแล้ว”

“โอเค เข้าใจแล้ว”

ไป๋มู่ชิงถอนหายใจออกมากเบาๆและเดินออกไป

เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่ได้ต่อว่าเธอเรื่องที่พาซูซี่มาที่ตระกูลหนานกง เธออุตส่าห์เตียมตัวที่จะถูกต่อว่ามาเรียบร้อยแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่แปลกจริงๆ

ไม่เพียงแต่หนานกงเฉินไม่ต่อว่า ในใจที่กังวลของไป๋มู่ชิงในที่สุดก็วางใจได้แล้ว และในที่สุดก็สบายใจได้แล้ว

เวลาช่วงนี้ใช้ชีวิตลอยไปลอยมา ยิ่งกว่านั้นไป๋มู่ชิงไม่ได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าประจำเดือนของตัวเองเลยมาแล้วสิบวัน

คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากนั้นหนานกงเฉินช่วยเธอคิด

เมื่อครู่หนานกงเฉินกลับมาในห้องหลังจากออกไปจากห้องหนังสือ เห็นเธอออกมาจากห้องน้ำพอดี โดนยั่วด้วยร่างกายที่สมบูรณ์แบบของเธอ เลยรู้สึกต้องการเธอขึ้นมาทันที

เขาเลยรีบสั่งเธอว่า“มานี่หน่อย”

ตั้งแต่หลังจากเทศกาลไหว้พระจันทร์ ท่าทางของเขาถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยดี แต่ว่าจำนวนครั้งที่เขาต้องการเธอนั้นกลับบ่อยมาก ไป๋มู่ชิงชินแล้ว ดังนั้นในเวลาที่เขาออกคำสั่งเธอก็จะรีบเดินไปหาเขาทันที

มือหนึ่งของหนานกงเฉินจับที่เอวของเธอ อีกมือจับคางของเธอขึ้นมาต่อมาก็เริ่มด้วยจูบที่เราร้อน

ไป๋มู่ชิงขันขืนเขาและพูดเสียงเบาๆว่า“ฉันยังไม่ได้เป่าผมเลย……”

หนานกงเฉินไม่สนว่าเธอจะเป่าผมแล้วหรือยัง ไม่เพียงแต่ไม่ได้ปล่อยเธอไปยิ่งกว่านั้นยังจูบไปลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมอีก ปากก็เข้าไปอยู่ในปากของเธอ

ไป๋มู่ชิงถูกเขาจูบจนเธอมึนไปเลย ไม่นานก็ลืมเรื่องผมไปเลย เธอใช้มือทั้งสองกอดเขาอย่างแนบแน่น ค่อยๆจูบกลับเขาไป

จูบกลับไปสักพักหนึ่ง หนานกงเฉินพลิกตัวและผลักเธอไปอยู่บนเตียง

ทันใดนั้นหนานกงเฉินหยุดเคลื่อนไหว ปากเขาที่จูบเธออย่างลุ่มหลงนั้นก็ออกไปจากปากเธอในชั่วพริบตา

เธอเงยหน้าขึ้นไปมองเขาย่างมึนงง สายตาของเธอขณะนั้นเลือนลางมาก

เธอไม่รู้ว่าทำไมหนานกงเฉินถึงหยุดทุกการกระทำนั้นลง เธอได้แต่มองหน้าเขา

หนานกงเฉินจับมือเธอแล้วพูดว่า“ประจำเดือนเธอไม่มาสักพักแล้วใช่ไหม?”

“หือ?”ไป๋มู่ชิงตอบไปแบบงงๆ

ครู่ใหญ่ๆถึงจะตอบออกมา ถึงจะรู้ตัวว่าประจำเดือนของตัวเองก็ไม่ได้มีมาสักพักหนึ่งแล้ว

ประจำเดือนครั้งที่แล้วเธอมาวันที่ยี่สิบ แต่ว่าตอนนี้มันวันที่หนึ่งแล้วนะ!

หลังจากรู้สึกตัวแล้ว รู้สึกว่าหัวเธอเหมือนมีอะไรระเบิดอยู่ข้างในนั้น สับสนมึนงงไปหมด

หนานกงเฉินเห็นสีหน้าของเธอ เลิกคิ้วพูดว่า“ไม่ใช่ว่าขนาดตัวเธอเองยังไม่รู้ว่าประจำเดือนมาเมื่อไหร่หรอกใช่ไหม?”

หนานกงเฉินเห็นสีหน้าของเธอ เลิกคิ้วพูดว่า“ไม่ใช่ว่าขนาดตัวเธอเองยังไม่รู้ว่าประจำเดือนมาเมื่อไหร่หรอกใช่ไหม?”

หนานกงเฉินจำได้ว่าหลังจากที่ขังเธอไว้ที่บ้างพักตากอากาศก็ต้องการเธอมาโดยตลอด ไม่เคยเกินสี่วันเลยที่จะไปแตะต้องเธอ แต่ตั้งแต่ที่เขาขังเธอไว้จนถึงวันนี้ก็เกือบจะหนึ่งเดือนแล้ว

ไป๋มู่ชิงพยายามพูดออกไปแต่ก็ไม่กล้ายอมรับว่าจริงๆแล้วเธอลืมเรื่องพวกนั้นแล้ว และไม่กล้าพูดว่าตัวเองอาจจะตั้งท้องแล้วก็ได้ แต่แล้วก้ได้แต่พูดว่า“ตั้งแต่หลังคลอดลูกมา……ประจำเดือนฉันก็มาไม่ค่อยตรงเท่าไหร่นัก คงยังประปรับไม่ได้……”

“ใช่แบบนี้จริงๆเหรอ?”

“อืม……”ไป๋มู่ชิงยิ้มแห้งและพูดว่า“ฉันจะหลอกคุณทำไม?”

หนานกงเฉินมองไปที่เธออย่างสงสัยหลังจากนั้นทันทีเขาก็ก้มหัวลงไปจูบที่ริมฝีปากของเธอ……

หนานกงเฉินเตือนเธอแบบนี้ วันต่อมาไป๋มู่ชิงก็กระวนกระวายใจขึ้นมาเลย

ยากไม่น้อยเลยที่กว่าจะรอให้หนานกงเฉินออกไปทำงาน เธอกลับไม่อยู่ที่บ้าน แต่ก็หมดหนทางที่จะออกไปซื้อที่ตรวจครรภ์ ว่าตัวเองท้องหรือเปล่า

เธอทนไม่ไหวแล้ว เธอเลยได้แต่ขอฝากให้เสี่ยวลวี่ช่วยเธอไปซื้อมาให้หน่อย

เสี่ยวลวี่ถามอย่างงงๆว่า“คูรนายน้อย ทำไมไม่ใช้คุณหนูผู่เอามาให้ล่ะคะ?ที่โรงพยาบาลของเธอมีห้องยาอยู่”

ไป๋มู่ชิงยิ้มออกไปอย่างเขินอายว่า“เรื่องแบบนี้จะไปของเธอได้ไงล่ะ”

พอพูดจบ เธอยังพูดอักว่า“ของร้องเธอเถอะนะ ตอนนี้ฉันจำเป็นต้องใช้จริงๆ”

“งั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันเลิกงานตอนบ่ายแล้วจะไปซื้อให้นะ”เสี่ยวลวี่พยักหน้าตอบรับ

รอมาทั้งวัน ไม่ง่ายเลยที่รอถึงเสี่ยวลวี่เอาที่ตรวจครรภ์มาให้ ไป๋มู่ชิงรอจะไปเข้าห้องน้ำแทบจะไม่ไหว หลังจากนั้นก็ทดสอบตาที่หนังสือคู่มือบอกไว้

ตอนที่เธอเห็นเห็นขีดสีแดงๆสองขีดด้าบบนนั้น เธอแทบจะเป็นลม

คิดไม่ถึงจริงๆว่าเธอจะตั้งท้อง!

ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันนะ?

เธอจำได้ว่าทุกครั้งหนานกงเฉินก็ระวังมาโดยตลอด ไม่เคยทำผิดพลาดหรือทำให้มีโอกาสให้เธอตั้งท้องเลย

เป็นเด็กที่มาไม่ใช่เวลาอีกแล้ว!

ตอนนี้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด แท้ที่จริงแล้วไม่สมควรจะมาตั้งท้องอีก!

เธอนั่งอยู่บนฝาชักโครกอยู่นานจ้องมองไปที่ที่ตรวจครรภ์ มองนานอยู่สักพักแล้ว ขีดสองขีดบนนั้นก็คล้ายกับเปลี่ยนเป็นหนึ่งขีด

จนกระทั้งประตูห้องน้ำถูกเปิดเข้ามาอย่างกะทันหัน เงาของหนานกงเฉินปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ ตกใจจนเธอลุกขึ้นมาจากโถชักโครก เอาที่ตรวจครรภ์ไปซ่อนไว้ด้านหลัง จ้องไปที่หนานกงเฉินด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก

เมื่อครูนั้นหนานกงรอเธออยู่ในห้องไปยี่สิบนาที่ แต่เธอไม่ออกมาสักที และก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เขายังคิดว่าเธอเป็นอะไรไปแล้วหรือเปล่าดังนั้นเลยได้รีบเข้ามา

เดิมทีเขาไม่เคยสนใจเลยว่าไป๋มู่ชิงนั้นทำอะไรอยู่ แต่ว่าเมื่อกี้ที่เธอทำท่าทางลับๆล่อๆยิ่งกลับทำให้ไปดึงดูดความสนใจของเขามากกว่าเดิม

เขาชินกับการขมวดคิ้ว จ้องไปที่แขนขวาของเธอและพูดว่า“ซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง?เอาออกมาให้ฉันดูเดี๋ยวนี้นะ”

“ไม่ได้ซ่อนอะไร”ไป๋มู่ชิงสะบัดหัวไปโดยอัตโนมัติ

“เอาออกมาให้ฉันดู”พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกันออกคำสั่ง

ในตอนนั้นไป๋มู่ชิงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี พูดด้วยความตกใจว่า“คือ……ฉันกำลังใช้อุปกรณ์ทางเพศของผู้หญิงอยู่ ฉัน……”

เธอคิดว่าถ้าพูดออกไปแบบนั้นแล้วอย่างน้อยหนานกงเฉินคงจะให้เวลาส่วนตัวกับเธอบ้าง ไม่น่าจะตามให้เธอออกไปอีก ไม่คิดเลยว่าหนานกงเฉินยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมอีกและยิ่งพูดด้วยน้ำสียงที่ดูไม่พอใจว่า“คุณนายน้อยหนานกง นี่เธอหมายความว่าอย่างไรกัน?”

“……”ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก

ทันใดนั้นหนานกงเฉินกลับยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายว่า“ให้ฉันดูว่ามันคือเครื่องมืออะไร ฉันจะได้ลองเรียนรู้ไว้”

“ไม่ต้องหรอก……”ไป๋มู่ชิงเห็นว่าเขาเดินเข้ามา เธอก็ถอยหลังไปโดยอัตโนมัติหลังจากนั้นก็ถอยไปนั่งอยู่บนฝาชักโครกอีกครั้ง

หนานกงเฉินกลับไม่ได้พูดเล่น ก้มตัวลงไปจับแขนขวาของเธอ ลากมือของเธอจากด้านหลังมาด้านหน้าได้สำเร็จ

มีเสียง‘ก๊อก’ดังขึ้น ที่ตรวจครรภ์ก็หล่นไปอยู่ที่พื้น

หนานกงเฉินก็มองลงไปดู พอเห็นที่ตรวจครรภ์ที่ตกอยู่ใต้โถชักโครก หลังจากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นปถามเธอว่า“นี่มันอะไรกัน?”

ไป๋มู่ชิงเอาแต่ใช้มือปิดหน้าของเธอ ไม้ได้ก้มตัวลงไปเก็บที่ตรวจครรภ์ที่ตกอยู่บนพื้นและไม่กล้าสบตากับหนานกงเฉิน

หนานกงเฉินถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องทั้งท้องเท่าไหร่ แต่ว่าก็ไม่ได้ไม่รู้เรื่องเลยว่าที่ตรวจครรภ์นั้นเอาไว้ทำอะไร

เธอยังไม่ทันได้ตอบออกไป หนานกงเฉินก้มลงไปเก็บที่ตรวจครรภ์ที่อยู่ข้างโถชักโครก ตอนที่เขาเห็นขีดสีแดงด้านบนนั้นก็ใจเต้น ผ่านไปครู่หนึ่งถึงจะเงยหน้าขึ้นมามอง ยังคงมองไปที่ไป๋มู่ชิงที่ไม่ทันทำอะไรก็เอามือมาปิดหน้าของตัวเอง

และหนานกงเฉินไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกลึกๆในใจของเขาออกมา ขนาดน้ำเสียงยังพูดออกม่อย่างสงบว่า“เธอตั้งท้องเหรอ?”

“ฉันขอโทษ ฉันก็ไม่ได้อยากท้องเหมือนกัน”ไป๋มู่ชิงพูดออกมาขณะที่ชี้ไปที่รอยแผล

“ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากมี”หนานกงเฉินจับแขนเธอไว้ ดึงมือของเธอออกมาจากบนหน้า

มือทั้งสองของไป๋มู่ชิงถูกเขาดึงลงมา เปลี่ยนมาเป็นก้มหัวลงมาแทนและพูดว่า“ไม่ใช่ความผิดของฉัน”

“เป็นความผิดของฉันเอง”หนานกงเฉินใช้นิ้วไปคลึงที่คางของเธอ

ไป๋มู่ชิงจ้องมองเขาด้วยความแปลกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยอมรับจะใจกว้างขนาดนี้ พูดแล้วยังดูเป็นความผิดของเขาจริงๆ เพียงแต่ว่า……ในเมื่อยอมรับแล้วว่าเป็นความผิดของเขา งั้นทำไมเขาต้องมองเธอใกล้ขนาดนั้นด้วย?

“อย่างงั้นก็ขอโทษนะ”จ้องเธอใกล้ๆจนไป๋มู่ชิงลน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับประโยคนั้นที่พูดออกมา

เป็นอย่านั้นจริงๆหนานกงเฉินโดนเธอกระตุ้น โกรธจนไปจับคางเธอแน่น“นี่เธอยังจะมาขอโทษฉันอยู่เหรอ?”

ขณะที่พูดนั้น เขาก็ดึงเธอขึ้นมาจากฝาชักโครก ผลักเธอไปติดอยู่ที่อ่างล้างหน้า มือข้างหนึ่งถือที่ตรวจครรภ์ที่ขึ้นขีดแดงสองขีด“ทำไมถึงต้องแอบทำแบบนี้?ทำไมถึงไม่อยากให้ฉันรู้?หรือว่าเธออยากปิดบังฉันเหมือนครั้งที่แล้ว จะปิดบังไปจนปิดไม่ได้เหรอ?หรือว่าเธอกับเพื่อนวางแผนอะไรจะทำอะไรฉันหรือเปล่า?”

“ฉันเปล่านะ!”ไป๋มู่ชิงรีบปฏิเสธ

ทำไมเขาถึงคิดแบบนี้กันนะ หลินอันหนานถูกเขาบังคับไปอยู่ต่างประเทส ตระกูลไป๋เองก็โดนเขาบังคับจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด เธอจะมีหน้าไปทำแบบนั้นกับเขาได้อย่างไร?

“ไม่มีเหรอ?แล้วอย่างนั้นทำไมเธอต้องซ่อนไว้?”หนานกงฉินโมโหจนเอาที่ตรวจครรภ์ทิ้งลงไปในถังขยะข้างๆ

ไป๋มู่ชิงถูกเขาดันไปติดอยู่ที่อ่างล้างมือ หนีก็หนีไม่พ้น ได้แต่ของร้องเขาว่า“ฉันก็ขอโทษไปแล้วไง ก็แค่กลัวว่าคุณจะไม่พอใจ เพราะคุณไม่ได้อยากมีลูกสักหน่อย……”

“ฉันอยากหรือไม่อยากนั้นมัน็เรื่องของฉัน!ลูกของฉันฉันก็ควนมีสิทธิรู้ไม่ใช่เหรอ?”

“ขอโทษ”

“นอกจากขอโทษแล้วยังพูดอะไรเป็นอีกไหม?” ความโกรธของหนานกงเฉินก็ยังมาหายไปแม้แต่น้อย“ทำไมไม่อยากให้ฉันรู้ทุกครั้งเลยล่ะ หรือว่าเธอจะแอบไปเอาออกอีก?หลังจากนั้นก็ทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอ?ไป๋มู่ชิงเธอไม่เพียงแต่จิตใจโหดร้ายเธอยังเห็นแก่ตัวอีกด้วยรู้ไหม?!”

“เจ็บ……”ไป่มู่ชิงโดยเขากดลงไปที่อ่างล้างมือ อ่างล้างมือที่ข้างหลังเธอเย็นเฉียบมาขนทำให้เธอเจ็บมาก เธอได้แต่อ้อนวอนเขาว่า“คุณชายใหญ่ คุณทับท้องฉันอยู่……”

ในที่สุดประโยคที่เธอพูดออกไปนั้นก็ทำให้หนานกงเฉินคิดได้สติขึ้นมา และยังถอยหลังไปตั้งหลายก้าว

ไป๋มู่ชิงถอนหายใจออกมา ดูแล้วเขายังใส่ใจลูกคนนี้อยู่

เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ เงยหน้าขึ้นมามองเขาที่กำลังโมโหอยู่ว่า“คุณชายใหญ่คุณอย่าไปโกรธเลยนะ ฉันก็คิดขึ้นได้เพราะที่คุณถามเตือนฉันเมื่อวานนี้ หลังจากนั้นเลยให้เสี่ยวลวี่ไปซื้อมาให้ ดูผลเมื่อครู่นี้แล้วก็ตกใจไปมากๆ ไม่รู้เลยว่าควรทำอะไรในเวลานั้น ดังนั้นเลย……”

หนานกงเฉินยังคงจ้องเธอและถามด้วยเสียงที่เย็นชาว่า“งั้นฉันถามอะไรหน่อย ถ้าเมื่อครู่นี้ฉันไม่เข้ามาเธอวางแผนไว้ว่าอย่างไร?”

“แน่นอนว่าฉันต้องบอกคุณสิ”ไป๋มู่ชิงแทบจะรอไม่ได้ที่จะพูดออกมา

ถ้าให้พูดจริงๆแล้ว เธอไม่ได้คิดถึงคำถามนี้เลย ก็ใช่แหละถ้าหนานกงฉินไม่เข้ามาอย่างกะทันหันแบบนี้เธอจะทำอย่างไรกันล่ะ?อาจจะปิดบังเขาเหมือนครั้งที่แล้วไหมนะ?หลังจากนั้นก็จะสาบานว่าจะคลอดเด็กคนนี้เหรอ?

ไม่ เธอจะทำแบบนั้นไม่ได้ ทำร้ายเขาครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว!

“ใช่ ยังไงฉันก็ต้องบอกคุณ หลังจากนั้นก็เผชิญหน้าไปด้วยกันและคอยช่วยกันตัดสินใจเรื่องรางหลังจากนั้น” เธอพูดออกมาอีกหนึ่งประโยคอย่างซื่อสัตย์

คำพูดของเธอมีประโยชน์มาก สีหน้าของหนานกงเฉินผ่อนคลายขึ้นมาเยอะเลย แขนที่เรียวยาวทั้งสองของเขาก็รั้งสะโพกเธอเอาไว้ ให้เธอนั่งอยู่บนอ่างล้างหน้า มือทั้งสองของเขาอยู่ที่ข้างกายเธอและมองเธอพูดว่า“ดีนะที่วันนี้ฉันมาเจอใส่ ถ้าหากว่าครั้งนี้ฉันมารู้ว่าคุณตั้งท้องได้สี่เดือนอีก ฉันคงจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่ๆ!”

ฟังคำพูดที่น่าหวาดกลัวของเขาแล้วไป๋มู่ชิงก็ถอนหายใจออกมา

เขาพูดว่าดีแล้วเหรอที่เขาเข้ามาเจอ?

“งั้น……ตอนนี้เธอวางแผนไว้ว่าจะทำอย่างไร?”ไป๋มู่ชิงจ้องถามเขาด้วยความลำบากใจว่า“คุณจะยอมรับเขาไหม?จะยอมรับไหมถ้าฉันจะคลอดเขาออกมา?”

นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดและก็เป็นเรื่องที่เธอเป็นห่วงที่สุดแล้ว

หนานกงเฉินไตร่ตรองไปพักหนึ่งก็สะบัดหัวว่า“ฉันยังไม่ได้คิดให้ดีเลย”

เรื่องนี้เกินขึ้นกะทันหันเกินไป เขาแทบจะไม่ทันได้คิดเลย

หลังจากความโมโหค่อยๆเบาลงแล้ว หนานกงเฉินก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาว่าเด็กคนนี้กับครั้งที่แล้วเป็นเหมือนกันที่ว่าไม่ได้อยู่ในแผนที่เขาวางเอาไว้ ต้องทำอย่างไรเขาคิดไม่ออกจริงๆ

ไป๋มู่ชิงเห็นว่าเขาใจเย็นขึ้นมากแล้ว เลยพูดออกไปอย่างใจกล้าว่า“งั้นก็ไม่ต้องคิดแล้ว พวกเราคลอดเด็กคนนี้ออกมาดีไหม?”

หนานกงเฉินเงยหน้าขึ้นมาจ้องเธอ

ไป๋มู่ชิงรีบพูดอีกประโยคหนึ่งว่า“ก็ไม่ใช่ว่าคุณย่าให้ฉันดื่มยาสมุนไพรจีนไปตั้งหนึ่งสัปดาห์หรอกเหรอ ยังไงลูกก้คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก ใช่ไหม?”

หนานกงเฉินไม่พูดอะไร ไป๋มู่ชิงเลยทำหน้าเหยเกแบบนั้นออกไป เกรงว่าจะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วที่พูดใช้ให้เธอไปเอาเด็กออก รุนแรงจนไม่อยากจะหนีต่อไปเรื่อยๆ

รอตั้งนาน ในที่สุดหนานกงเฉินอ้าปากพูดแล้ว พูดออกมาเบาๆว่า“ถ้าเธอพูดว่าฉันไม่ยอมรับ เธอจะทำอย่างไร?”

ไม่เห็นด้วย……ถึงแม้ว่าเขาจะพูดว่าไม่เห็นด้วย!ไป๋มู่ชิงแค่รู้สึกว่าตัวเองนั้นเย็นชาไปครึ่งหนึ่งแล้ว

“ทำไมกันล่ะ?”เธอกลั้นใจถาม

“นี่ฉันกำลังถามเธออยู่นะ”

“ฉัน……ฉันไม่ตอบได้ไหม?”

“ทำไมล่ะ?”

“ถ้าหากว่าพูดไปแล้วเขายังอยากจะคลอดออกมาล่ะ เขาต้องไม่ชอบแน่ๆเลย ฉันไม่อยากจะไปยั่วโมโหเขา แต่ว่า……”เธอไม่กล้าพูดออกไป เอาแต่หลับตาลงเล็กน้อย

หลังจากที่หนานกงเฉินไม่พูดไม่จาไปพักหนึ่งและพยักหน้าว่า“ฉันเข้าใจแล้ว”

พูดจบ เขาก็ออกไปจากห้องน้ำ เหลือไว้แค่ไป๋มู่ชิงที่นั่งงงอยู่ที่อ่างอาบน้ำ

เขาเข้าใจแล้ว……มันหมายความว่าย่างไรกัน?ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าเขาจะยอมรับไหวฉันก็จะคลอดเด็กคนนี้มาทำไมเขาถึงไม่เข้าใจล่ะ?

นั่งอยู่บนอ่างล้างมืออยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั้งตอนที่คนใช้มาเรียกไปทานข้าวเธอถึงจะออกมาจากห้องน้ำ

ในด้านล่างเวลานี้ ในใจของเธอก็เริ่มรู้สึกว่าควรบอกเรื่องที่ตั้งท้องไหมนี้กับคุณผู้หญิงควรบอกเธอไหม?

ถ้าบอกเธอ เธอต้องดีใจมากแน่ๆและจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจไปปกป้องและดูแลแน่ๆ ปกติแล้วลูกนั้นเป็นผู้พิทักษ์ แต่ว่า……นี่เหมือนกับว่าช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ถึงอย่างไรหนานกงเฉินก็รู้เรื่องที่เธอตั้งท้องแล้ว

ไป๋มู่ชิงลงมาด้านล่างก็เจอกับผู่เหลียนเหยาที่ออกมาจากห้องพอดี เลยเดินไปช่วยเธอเข็นวีลแชร์

ผู่เหลียนเหยาหันมาหัวเราะว่า“ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้ แต่ก็ทำไม่ได้จริงๆถ้าอย่างนั้นฉันเป็นคนที่ชอบพึ่งพาตัวเองมากกว่าอีก”

“เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งจริงๆ”ไป๋มู่ชิงชมเธอ

ทันใดนั้นผู้เหลียนเหยาก็ดูปฏิกิริยาของที่ตรวจครรภ์ ถามด้วยสีหน้าลึกลับว่า“ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”

ไป๋มู่ชิงตกใจเล็กน้อย“เธอรู้ได้อย่างไรกัน?”

“ที่ตรวจครรภ์เป็นของเสี่ยวลวี่ช่วยเธอหามาใช่ไหม”

“ที่แท้เธอเอามานี่เอง?ไป๋มู่ชิงหัวเราะแล้วหัวเราะอีก“ขอบคุณนะ ไหนยังจะไปรบกวนเธออีก”

“ไม่เป็นไรหรอกนี่แค่เรื่องเล็กๆเอง”ผู่เหลียนเหยามองเธอและยิ้มอย่ามีเลิศนัยว่า“ดูท่าทางเธอแล้ว ยังไงก็มีอยู่แล้ว”

ไป๋มู่ชิงเงยหน้าขึ้นมาลูบๆหน้าของตัวเองว่าหน้าเธอเป็นอย่างไร?เหมือนกับไม่มีคนเลย

“ไม่รู้ว่าแม่นหรือว่าไม่แม่น”

“ปกติแล้วที่ตรวจครรภ์ตรงนะ ฉันไม่ใช่ว่าขึ้นมาสองขีดเหรอ?ถ้าหากสงสัยว่าพรุ่งนี้เช้าก็ค่อยตรวจอีกครั้ง”

“ได้เลย ขอบคุณนะ” ไป๋มู่ชิงพยักหน้าผลักเธอเดินไปทางห้องอาหาร

ตอนที่กำลังทานข้าวนั้นหนานกงเฉินก็ยังคงทานอาหารของตัวเองไป ไม่ได้พูดเรื่องที่เธอตั้งท้อง

ไป๋มู่ชิงคิดไปเรื่อยเปื่อยว่าทำไมเขาไม่บอกคุณผู้หญิงนะ?หรือว่าเขาไม่อยากได้ลูกคนนี้?วางแผนว่าจะไปเอาเด็กออกเมื่อไหร่?เรื่องแบบนี้ทำให้เขาคิดไม่ตกเลย

ยิ่งคิดยิ่งกังวล ขนาดอาหารในจานมาอยู่ในปากยังไม่รู้สึกถึงรสชาติเลย

หนานกงเฉินไม่พูดอย่างนั้นเธอเองก็ไม่กล้าพูดเหมือนกัน ก็ทานข้าวกันไปเงียบๆจนทานอาหารคำเสร็จ

ผู่เหลียนเหยามองทั้งสองคน ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาไม่พูดเรื่องนั้นอกมา แต่ว่าก็ไม่กล้าที่จะเกริ่นออกมา

ตอนกลางคืน ไป๋มู่ชิงไปอาบน้ำกลับมา มองท้องที่แบนราบของตัวเองในกระจก ยากที่จะจินตนาการว่าเธอเองนั้นตั้งท้องแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าหนานกงเฉินจะเก่งแต่ทำธุระกิจแต่ที่ไหนได้เรื่องเพาะพันธุ์ก็เก่งเหมือนกันหนิ

ทำอย่างไรดีนะ?หรือประวัติจะซ้ำรอยไหม?เธอต้องไปต่อสู้ครั้งใหญ่กับหนานกงเฉินเพื่อเด็คนนี้?

ทันใดนั้นที่หน้าประตูห้องน้ำก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ไป๋มู่ชิงรีบเรียกสติตัวเองกลับมา รีบตอบกลับไปว่า“นั่นใคร?มีอะไรเหรอ?”

เสียงที่ประตูห้องน้ำคือเสียงของหนานกงเฉินพูดว่า“ตั้งแต่เข้าไปจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปยี่สิบนาทีแล้ว ควรเป็นฉันที่ต้องถามสิว่าเธอไม่เป็นอะไรใช่ไหมถึงจะถูก”

“ฉันไม่เป็นอะไร ใกล้จะเสร็จแล้ว”ไป๋มู่ชิงรีบไปหยิบชุดนอนที่ชั้นมาใส่ให้เรียบร้อย หลังจากนั้นกเดินออกไป

ตอนที่เธอเดินออกไปนั้น หนานกงเฉินขึ้นไปอยู่บนเตียงแล้ว ในตอนนั้นกำลังนั่งพิงหัวเตียงอ่านนิตยสารเกี่ยวกับเศษฐกิจในมืออยู่

เมื่อกี้เขา……เป็นห่วงเธอเหรอ?เป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำเหรอ?

ไป๋มู่ชิงถอนหายใจเบาๆเปิดผ้าห่มและนอนไป หลังจากนั้นค่อยๆหลับตาลงรอการรอคอยที่ยาวนาน เธอกำลังรอเขาเปิดปากพูด ด้านหนึ่งก็กังวลการตัดสินใจของเขาและกลัวคำพูดที่เขาจะพูดออกมา เพราะกลัวว่าจะได้ยินคำพูดที่ไม่ดีออกมาจากเขา

แต่ทว่ารอมานานพอสมควรแล้ว เธอก็ไม่เห็นได้ยินหนานกงเฉินพูดอะไรออกมาเลย

ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวที่จะโน้มตัวไปจ้องเขาและพูดว่า“คุณไม่อยากพูดอะไรหน่อยเลยเหรอ?”

หนานกงเฉินก้มมามองเธอ พูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งว่า“ฉันให้คนไปเตรียมห้องใหม่ไว้ให้แล้ว พรุ่งนี้เธอไปอยู่ห้องนั้นนะ”

“อ้าวทำไมล่ะ?”ไป๋มู่ชิงถามไปโดยอัตโนมัติ

ที่เธออยากฟังไม่ใช่ประโยคนี้ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคุยกันเรื่องที่จะต้องแยกกันอยู่

หนานกงเฉินเปิดอ่านนิตยสารไปและยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งว่า“เพื่อลูกไง”

“นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?”ในใจของไป๋มู่ชิงดีใจมาก

เพื่อลูกเหรอ?ความหมายของเขาคือกลัวจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ที่ต้องการเธอ หลังจากนั้นเลยจะทำร้ายลูกได้?หรือหมายความว่าเขายอมที่จะให้คลอดลูกคนนี้ออกมากันนะ?

หนานกงเฉินไม่พูดอะไรต่อ กลับเห็นไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างกล้าๆกลัวๆพูดว่า“หรือว่าคุณชายใหญ่อยากจะทำอะไรให้รอบคอบเพราะสามเดือนแรกเป้นช่วงเวลาที่อันตราย ไปให้ไกลจากเรื่องในบ้าน ไกลจากผู้ชาย ขอบคุณที่คุณชายใหญ่เข้าใจ”

หนานกงเฉินมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาอีกแล้ว“ฉันแค่กลัวว่าถ้าตัวเองอาการกำเริบขึ้นมาจะไปทำร้ายลูกได้ อย่าให้ฉันคิดมากเลย”

คำพูดที่เขาพูดออกมากลับทำให้ไป๋มู่ชิงตะลึงไปเลย

แท้ที่จริงแล้วเขาก็แค่กลัวว่าอาการตัวเองจะกำเริบไม่ใช่เพราะว่ากลัวจะควบคุมตัวเองไม่อยู่

พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ ไป๋มู่ชิงกลับไม่อยากย้ายไปเลย ถ้าหากว่าวันที่อาการเขากำเริบนั้นไม่มีคนอยู่ในห้องอย่างนั้นใครจะดูเขาล่ะ?

ตอนที่อาการของหนานกงเฉินกำเริบ ถ้าเป็นไม่หนักก็ยังสามารถไปหายาที่ลิ้นชักได้ แต่ถ้าเกิดหนักขึ้นมาก็ไม่สามารถจัดการเองได้ต้องให้มีคนอยู่ด้วยตลอดถึงจะได้

เธอเดินไปที่ข้างกายของเขา ไปโอบเอวของเขาอย่างไม่อายและพูดว่า“แต่ว่าฉันชินกับการนอนกับคุณไปแล้วนะ”

ถึงแม่ตัวเองจะตั้งท้องแล้วจะไม่ได้ดูแลเขาได้เต็มที่เหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าถ้ามีคนมาช่วยโทรหาคุณหมอหวงก็ยังถือว่าดีนะ!

เมื่อกี้ยังเป็นท่าทางที่หวังว่าจะได้ห่างจากเขาหน่อย ไม่อยากจะจากเขาไปเลย หนานกงเฉินก้มหน้ามามองแขนของเธอที่กอดเอวของตัวเองอยู่ และมองปที่เธอทันที“เธอรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรออกมา?”

“ฉันรู้สิ ฉันอยากอยู่กับคุณ”

“ทำไมกัน?”

“เมื่อครู่นี้ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ?ฉันชินกับการกอดคุณนอนแล้ว”

“แต่ว่าฉันไม่ชิน”หนานกงเฉินก็รีบเอามือเธอออกจากเองของเขาและพูดว่า“ตอนนี้ก็ท้องแล้ว ฉันจะให้เธออยู่ทำไมล่ะ?”

“คุณ!หนานกงเฉินคุณพูดว่าฉันเห็นแก่ตัวแต่คุณนะสิที่เห็นแก่ตัว?”ไป๋มู่ชิงลุกขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยความไม่พอใจ“หรือว่าในใจของคุณฉันมันมีประโยชน์แค่นี้เหรอ?”

“ไม่อย่างนั้นล่ะเธอยังรู้สึกว่าตัวเองจะมีประโยชน์อะไรอีก?”

“ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี”ไป๋มู่ชิงพูดกับเขาอย่างโมโห“ได้เลย รอคุณอาการกำเริบฉันจะไปหลบไปอยู่ไกลๆเลย ยังไงก็จะไม่สนใจคุณแล้ว!”

พูดจบ เธอเอนตัวลงไปนอนและไม่สนใจใยดีเขาอีกเลย

ภายนอกอาจจะดูโมโหแต่จริงๆแล้วในใจดีใจมากๆแล้ว ไม่มีอะไรจะมาเทียบกับหนานกงเฉินยอมรอลูกเดิดออกมาพร้อมกับเธออีกมันยิ่งทำให้เธอมีความสุขมาก

มองที่ด้านหลังของเธอ ในที่สุดหนานกงเฉินก็วางนิตยสารลง ก้มไปกอดเธอและไปจูบที่คอของเธอ“อย่าดื้อ พรุ่งนี้ก็ค่อยย้ายไป”

ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจความคิดของเธอเลยนะ?แต่ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องอยู่ ถ้าเขามาทำร้ายลูกล่ะจะทำอย่างไร?

“ฉันไม่อยากย้าย”ไป๋มู่ชิงตั้งใจพูดออกมาแบบนั้น

“เรื่องนี้เธอต้องฟังฉัน”

“มีเรื่องไหนบ้างที่ฉันไม่จำเป็นต้องฟังคุณ?”

“ถ้ารู้ก็ดีแล้ว”

“……”

ไป๋มู่ชิงไม่พูดอะไร เธอรู้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร!

เช้าอีกวันไป๋มู่ชิงได้แต่ลงไปทานอาหารเช้าด้านล่าง ของที่อยู่ในห้องหนานกงเฉินก็ถูกหนานกงเฉินเอาออกมาหมดแล้ว

แม้แต่เสื้อผ้าชุดหนึ่งก็ไม่ให้เหลือไว้ ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออกได้แต่อ้ำอึ้งเบาว่า“เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ”

“ควรเป็นฉันที่ถามหรือเปล่า?ต้องอาลัยอาวรณ์ห้องของคนอื่นขนาดนี้เลยเหรอ?”เสียงของหนานกงเฉินลอยมา

ไป๋มู่ชิงหันไปอย่างรวดเร็ว เห็นเขาเดินเข้ามา

หนานกงเฉินเดินไปที่ด้านหน้าของเธอ เอาแขนไปจับที่เอวของเธอมากอดไว้ บังคับให้เธอเข้าไปใกล้ๆเขา มองเธอและยิ้มว่า“เห็นท่าทางที่ไม่อยากจะจากไป ไม่ใช่ว่าหลงรักฉันเข้าแล้วใช่ไหม?ฉันแนะนำว่าอย่าเลยนะ”

“ใช่ที่ไหนกัน” ไป๋มู่ชิงเงยหัวขึ้นมาอย่างเขินอายและผละกแขนของเขาออกไป“ดูเรื่องที่คุณทำกับฉันสิจะให้ไปหลงรักคุณได้อย่างไรกัน?”

ประโยคนี้ทำให้ใจที่อ่อนนุ่มของหนานกงเฉินกลายเป็นแข็งกระด้างในชั่วพริบตาเดียว เขาปล่อยเธอไปพูดออกมาอย่างแข็งทื่อว่า“เป็นแบบนั้นดีที่สุดแล้ว”

เขาเกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองก็แย่งเธอมาจากงานแต่งงานของหลินอันหนานมา เธอกับหลินอันหนานเป็นคู่ที่มีความสุขกันมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!

ไป๋มู่ชิงยังคงไม่รู้สึกตัวว่าหนานกงเฉินนั้นได้ออกห้องไปทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จนกระทั่งในห้องเงียบไป ไป๋มู่ชิงถึงจะรู้ตัวว่าหนานกเฉินคิดมากไปเองแล้ว นี่คือผู้ชายคนที่เปลี่ยนสีไปตามสถานการณ์ อารมณ์ขึ้นๆลงๆยากที่จะตามใจจริงๆ

เธองงไปชั่วขณะที่ในห้องของหนานกงเฉิน ไป๋มู่ชิงถึงจะค่อยกลับไปที่ห้องของตัวเอง

เป็นอย่างนั้นจริงๆในห้องของเธอถูกเปลี่ยนไปหมดแล้ว แม้แต่เตียงยังเปลี่ยนใหม่เลย

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

Status: Ongoing
ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท