เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – บทที่ 181 ข้อตกลงการหย่า

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงรอโทรศัพท์เซิ่งซินในบ้านซูซี่ ถือโทรศัพท์ไว้ในมือไม่กล้าวางลงแม้แต่ครู่เดียว เลื่อนบนหน้าจอหลายๆ ครั้ง นิ้วเคาะลงบนซอฟต์แวร์เกมโดยไม่รู้ตัว

เธอที่กำลังเบื่อ ทำได้แค่ใช้เกมเพื่อผ่านเวลาไป

ปิงเฟิงที่มักจะออนไลน์ตลอดเมื่อเห็นเธอออนไลน์ก็ดูไม่แปลกใจเลย และไม่ได้ทักทายมากเกินไป ส่งข้อความไปหาเธอทันทีว่าต้องการทำภารกิจใหม่ร่วมกับทุกคนหรือไม่

ไป๋มู่ชิงไม่คิดเลย ติดตามกลุ่มใหญ่ไปทำภารกิจกับทุกคน

เพราะไม่ได้เล่นมานานเกินไป เธอค่อนข้างอ่อน โชคดีที่ปิงเฟิงในฐานะหัวหน้าทีมปกป้องเธอตลอดทาง ในตอนสุดท้าย สมาชิกคนอื่นๆ ในทีมก็แยกย้ายกระจัดกระจายกันไป ไม่คิดว่าจะเหลือแค่พวกเขาสองคนกำลังต่อสู้กัน

หลังจากต่อสู้มาครึ่งชั่วโมงภารกิจก็สำเร็จในที่สุด ปิงเฟิงวางพวงดอกไม้บนศีรษะเธอแล้วพูดขึ้น “ให้เธอ”

ไป๋มู่ชิงพิมพ์ไปสองคำ “ขอบคุณ”

ภารกิจสิ้นสุดลง จู่ๆ เธอก็รู้สึกเบื่อ กำลังจะออกจากซอฟต์แวร์เกม ทันใดนั้นก็ส่งข้อความส่วนตัวถึงเธอว่า “คุณชายเฉินของเธอกำลังดูเธออยู่”

เห็นประโยคนี้ ไป๋มู่ชิงก็ตกตะลึง รีบกลับไปที่อินเทอร์เฟสทันที รูปโปรไฟล์คุณชายเฉินกำลังสว่างอยู่จริงๆ ด้วย

รูปโปรไฟล์ที่ไม่สว่างมาแปดร้อยปีไม่คิดว่าจะสว่างจริงๆ ! ตอนนี้เธอแค่รู้สึกหวาดกลัวในพริบตาเดียว ราวกับเห็นผี

หนานกงเฉินจะเข้ามาในซอฟต์แวร์เกมได้อย่างไร? ตอนนี้เขาควรนอนอ่อนแรงบนในห้องคนไข้ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากเพื่อมาแสดงความเสียใจกับเขาไม่ใช่เหรอ? จะเล่นเกมได้อย่างไร?

นิ้วโป้งเธอวางอยู่บนชื่อคุณชายเฉิน แต่ลังเลอยู่นานไม่ได้คลิก

เมื่อครู่นี้เธอทำภารกิจกับปิงเฟิง เขาต้องเห็นแล้วใช่ไหม? ด้วยนิสัยขี้หึงของเขา และเขาก็ยังโกรธอยู่ด้วย……เธอไม่อยากจะคิดผลลัพธ์

จากนั้นสักพักสุดท้ายเธอเอานิ้วโป้งกดลงไป กล่องสนทนาที่มีคนชายเฉินก็ปรากฏหน้าอินเทอร์เฟส

เธอลังเลที่จะพิมพ์อธิบายในกล่องสนทนา ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกทำตัวมีพิรุธ ทำได้แค่ลบมัน แล้วเปลี่ยนเป็นประโยคสั้นๆ “คุณสามี คุณยังโอเคไหม? ”

หลังจากส่งข้อความไป อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบนานมาก หัวใจไป๋มู่ชิงก็อดไม่ได้ที่จะดำดิ่งลง

ไม่มีการตอบสนอง ระบบผิดพลาดเหรอ? หรือเขาออฟไลน์ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ? หรือเขาออฟไลน์ทุกวันอยู่แล้ว? เธอไม่ได้เข้าสู่ระบบซอฟต์แวร์มานานเกินไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในวันปกติคุณชายเฉินมาเล่นหรือเปล่า

ขณะที่เธอแทบรอไม่ไหววางแผนจะโทรหาหนานกงเฉิน สุดท้ายคุณชายเฉินก็ตอบกลับมาสองคำ “ดีมาก”

ไป๋มู่ชิงตกตะลึงอีกครั้ง จากนั้นก็พิมพ์อย่างรวดเร็ว “ฉันไปหาคุณได้ไหม? ”

คราวนี้คุณชายเฉินตอบกลับเร็วมาก “จูจูอยู่ที่นี่ ไม่สะดวก”

ประโยคเดียวสั้นๆ เหมือนอ่างน้ำเย็นเทลงมาจากศีรษะ ไป๋มู่ชิงจ้องไปที่คำว่า ‘จูจู’ สองคำนี้ในกล่องสนทนาอยู่นานมาก

ตอนนี้คนที่อยู่เป็นเพื่อนเขาคือจูจูเหรอ? เขากับจูจูมาถึงจุดนี้แล้ว?

“อ่อ งั้นก็ดีแล้ว คุณพักฟื้นให้เต็มที่นะ” เธอเกือบจะพิมพ์ประโยคนี้ด้วยความโกรธและส่งมันไป ส่งเสร็จก็ออกจากซอฟต์แวร์ แล้วโยนโทรศัพท์ไว้ข้างๆ

ซูซี่ออกไปฝึกสอนสองชั่วโมงแล้วกลับมา พบว่าไป๋มู่ชิงยังคงนอนอยู่บนโซฟาเหมือนตอนที่เธอออกไป เธอเดินมาถามอย่างประหลาดใจ “ทำไมเธอไม่ไปโรงพยาบาล? ”

ไป๋มู่ชิงไม่ได้ยกศีรษะขึ้นมา พูดขึ้นด้วยใบหน้าเศร้าๆ “เขาบอกจูจูอยู่ที่นั่น ไม่ให้ฉันไป”

“ไม่ใช่มั้ง? เขาพูดแบบนี้เหรอ? ” ซูซี่จ้องมองเธออย่างไม่เชื่อสายตา

เห็นไป๋มู่ชิงพยักหน้า ซูซี่คิดสักพักแล้วดึงเธอขึ้นมาจากโซฟา “ไป ฉันไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเธอ”

“ไปโรงพยาบาลทำไม? ”

“ไปถามเขาด้วยตัวเองว่าต้องการหย่าไหม”

ไป๋มู่ชิงเหม่อสักพัก หย่าเหรอ?

เธอส่ายหน้า “ผ่านไปสองสามวันค่อยไปดีกว่า รอให้เขาหายป่วยสักนิดค่อยไป”

“เวลานี้แล้วเธอยังเป็นห่วงสุขภาพเขาอีกเหรอ? ”

“ไม่ว่าจะตอนไหน สุขภาพเขาก็สำคัญที่สุด” ไป๋มู่ชิงยิ้มขมขื่น กลับไปนั่งที่โซฟา

หนานกงเฉินเห็นรูปโปรไฟล์เธอมืดดับไปแล้ว หลังจากแก้แค้นในใจก็ไม่มีความสุขเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับมีความโกรธ ไม่คิดว่าเธอจะออฟไลน์ไปจริงๆ ไม่โทรศัพท์มาถามเลยสักคำ!

ในใจเธอ เรื่องระหว่างเขากับจูจูมันไม่สำคัญขนาดนี้เลยเหรอ? เธอยอมอยู่บ้านเล่นเกมไม่มาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล ได้ยินว่าเขากับจูจูอยู่ด้วยกันก็ไม่สนใจ?

เมื่อจูจูสังเกตเห็นใบหน้าไม่แน่นอนของเขา ก็เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “เฉิน ดึกป่านนี้แล้วมู่ชิงคงไม่มาแล้วมั้ง คุณนอนได้แล้ว”

เห็นหนานกงเฉินไม่พูดอะไร เธอก็พูดขึ้นอีก “ไม่งั้นคุณโทรไปถามมู่ชิงหน่อย ว่าคืนนี้เธอจะมาไหม? ”

หนานกงเฉินพูดอย่างหงุดหงิด “ไม่ต้องโทร เธอไม่มา”

เธอไม่โทรมาแสดงความเสียใจกับเขาด้วยซ้ำ ยังต้องให้เขาโทรหาเธอ เรียกให้เธอมาอีกเหรอ? เขาทำไม่ได้หรอก!

“ในเมื่อรู้แล้วว่าเธอไม่มา แล้วทำไมคุณยังไม่นอน? ” จูจูช่วยเขาดึงผ้าห่มอย่างระมัดระวัง “รีบพักผ่อนเร็วเข้า พักผ่อนดีๆ ร่างกายจะได้ดีขึ้น”

หนานกงเฉินเบนสายตาขึ้นมองเธอ “เธอกลับไปเถอะ อย่าอยู่กับฉันที่นี่เลย”

จูจูส่ายหน้ายิ้มเล็กน้อย “ฉันจะให้คุณอยู่ที่นี่คนเดียวได้ยังไง? ถ้าคุณอาการกำเริบตอนกลางคืนจะทำยังไง? ”

หนานกงเฉินยิ้มขมขื่นหัวเราะเยาะตัวเอง “ใช่น่ะสิ ถ้าฉันอาการกำเริบตอนกลางคืนจะทำยังไง ถ้าฉันอาการกำเริบแล้วเธอต้องโดนฉันทำให้บาดเจ็บแน่ๆ ”

“ทำร้ายฉันไม่เป็นไรหรอก แค่อย่าทำร้ายตัวเองก็พอ” จูจูพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มไม่ใส่ใจ

ในเมื่อตอนนี้ตัดสินใจกลับมาอยู่เคียงข้างเขา เตรียมพร้อมที่จะเผชิญอาการป่วยของเขาแล้ว ไป๋มู่ชิงยังสามารถอยู่ร่วมกับเขาได้อย่างกลมกลืน

ได้ เธอไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำไม่ได้

หนานกงเฉินจ้องมองเธอสักพักก่อนพูดขึ้น “จู ยังจำที่เราตกลงกันก่อนหน้านี้ได้ไหม? ต่อไปเราเป็นได้แค่เพื่อนกัน”

“ฉันจำได้สิ และฉันก็รักษาสัญญาของฉันต่อไป” จูจูยิ้มแล้วพูดขึ้น “ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกังวลมาก ฉันอยู่ดูแลคุณจากมุมมองของเพื่อนเท่านั้น คุณห้ามคิดมากเด็ดขาด”

“แต่ทางด้านคุณย่า……”

“ทางด้านคุณย่าคุณก็ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะโน้มน้าวเธอให้ล้มเลิกความคิดที่จะให้เราแต่งงานกัน ถ้าสุดท้ายเธอยืนยันว่าจะให้เราแต่งงานกัน ฉันจะหนีไปให้ไกล เหมือนเมื่อก่อน” จูจูยิ้มอีกครั้ง “ดังนั้นคุณวางใจเถอะ ฉันจะไม่เป็นอุปสรรคระหว่างคุณกับมู่ชิงแน่นอน”

หนานกงเฉินขยับตัวเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างค่อนข้างประทับใจ “เธอไม่ต้องไปไกลหรอก ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเจ็บปวดเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว”

“ขอบคุณนะ ฉันพอใจกับประโยคนี้ของคุณมากแล้ว” จูจูลูบมือเขาแล้วพูดขึ้น “เอาล่ะ รีบนอนเถอะ ฉันจะปิดไฟแล้ว”

“เธอล่ะ? ”

“ฉันนอนเตียงเล็ก คุณพยาบาลเพิ่มเตียงเล็กให้ฉันแล้ว”

จูจูพูดจบก็เอื้อมมือไปปิดโคมไฟหัวเตียง จากนั้นก็หันตัวเดินไปนอนเตียงเล็กนอกฉากกั้นห้อง

ถึงแม้หนานกงเฉินจะมีจูจูอยู่ข้างๆ แต่ไป๋มู่ชิงยังอยากไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง ดูว่าเขาสบายดีไหม ถามว่าเขาจะตัดสินใจหย่ากับเธอแล้วไปแต่งกับจูจูจริงๆ หรือเปล่า

ถ้าไม่ถามเขาต่อหน้า ในใจเธอก็ไม่เต็มใจ

เธอจอดรถในลานจอดรถประตูทางเข้าโรงพยาบาล กำลังจะเดินเข้าไปในตึกใหญ่ก็เจอคุณผู้หญิงที่เดินมาจากอีกด้านหนึ่ง

ไป๋มู่ชิงจะหันตัวกลับไปเพื่อหลีกเลี่ยงก็ไม่ทันแล้ว ทำได้แค่ฝืนก้าวไปข้างหน้าแล้วทักทายเธอ

คุณผู้หญิงมองเธอ “เธอมาทำอะไร? ”

“คุณย่า ฉันมาเยี่ยมคุณชายใหญ่ค่ะ” ไป๋มู่ชิงพูดอย่างอารมณ์ดี

คุณผู้หญิงพ่นออกมาหนึ่งประโยคอย่างจริงจัง “ไม่ต้อง เฉินกับจูจูเข้ากันได้ดีมาก แม้แต่ฉันยังไม่อยากไปรบกวนพวกเขาเลย เธอยิ่งไม่ควรไป”

พี่เหอข้างๆ เสริมอีกประโยค “นายหญิงน้อย เมื่อคืนคุณหนูจูอยู่เป็นเพื่อนคุณชายใหญ่ในห้องคนไข้ คุณชายใหญ่ไม่ได้รักคุณมากขนาดเท่าที่คุณคิด ดังนั้น……คุณก็ไม่ต้องคิดมากเกินไป”

เมื่อคืนจูจูพักค้างคืนกับหนานกงเฉินเหรอ? รวดเร็วมากจริงๆ ไป๋มู่ชิงคิดอย่างขมขื่น

ในใจเธอรู้สึกแย่และน้อยใจ และมีความโกรธนิดๆ เธอรู้ว่าทุกคนไม่ชอบเธอ ไม่สนับสนุนให้เธอคบกับคุณชายเฉิน แต่ทุกครั้งที่เจอกันก็ต้องพูดอะไรที่ทำให้เธอเสียใจเหรอ?

เธอกัดปาก พูดกับคุณผู้หญิงว่า “ฉันมาคุยเรื่องหย่ากับคุณชายใหญ่ค่ะ”

เธอพูดประโยคนี้ด้วยความโกรธนิดหน่อย แต่ไม่ได้โกรธทั้งหมด ตอนนี้แม้แต่หนานกงเฉินก็อยู่ฝั่งจูจู ความไม่เต็มใจและการตัดใจเธอควรปล่อยไป คิดถึงอาการป่วยแปลกๆ ของเขา เพื่อให้เขาได้แต่งงานกับคนรักที่โชคชะตากำหนดได้อย่างราบรื่น

คุณผู้หญิงก็ไม่คิดว่าเธอจะพูดแบบนี้ แต่ก็ยังไม่อยากให้เธอไปพบหนานกงเฉิน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนนี้เฉินสุขภาพไม่ดี ต้องรักษาอารมณ์ให้ดีก่อน ดังนั้นห้ามคุยกับเธอเรื่องหย่า เรื่องหย่าเรื่องเล็กแบบนี้ไม่จำเป็นต้องคุยกับเขาด้วยตัวเอง คุยกับฉันโดยตรงก็ได้”

คุณผู้หญิงนิ่งไป จากนั้นก็พูดขึ้น “เธอต้องการเงื่อนไขอะไรก็ว่ามา ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เธอพอใจ”

ไป๋มู่ชิงโดนคุณผู้หญิงขัดจนพูดไม่ออก นานสักพักพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว

คุณผู้หญิงดึงโค้ตผ้าฝ้ายบนร่างกายอย่างร้อนใจนิดหน่อยแล้วพูดขึ้น “ข้างนอกมันหนาว ฉันไม่ยืนเป็นเพื่อนเธอแล้วนะ มีความต้องการอะไรก็คุยกับพี่เหอ”

เธอพูดจบก็เดินผ่านตัวไป๋มู่ชิงไปที่อาคารใหญ่โรงพยาบาล

“คุณผู้หญิงคุณระวังหน่อยนะคะ” พี่เหอเอ่ยเตือนด้านหลังคุณผู้หญิง

หลังจากมองคุณผู้หญิงจากไปแล้ว เธอก็หันตัวกลับมามองไป๋มู่ชิงแล้วพูดขึ้น “นายหญิงน้อย ไม่งั้นเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่า”

ไป๋มู่ชิงเงียบไม่กี่วินาทีแล้วส่ายหน้า “ไม่ต้องค่ะ ไม่มีอะไรจะคุย ให้หนานกงเฉินส่งข้อตกลงการหย่ามาก็พอแล้ว”

“นายหญิงน้อย เมื่อกี้คุณผู้หญิงพูดแล้ว คุณต้องการอะไรหนานกงเฉินก็จะพยายามทำให้คุณพอใจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือรถบ้าน คุณพูดมาได้เลย”

“ฉันไม่สนค่ะ” ไป๋มู่ชิงหัวเราะเยาะ “เอาเงินมาดูถูกฉันให้น้อยลงหน่อย ฉันไม่ต้องการเงินของตระกูลหนานกงแม้แต่แดงเดียว ไม่ให้โอกาสคุณมาเหยียบย่ำฉัน”

เธอพูดจบ ก็หันตัวเดินออกจากโรงพยาบาลไป

พี่เหอยืนอยู่ที่เดิมนานสักพัก แล้วก้าวเข้าไปในโรงพยาบาล

เธอมาถึงห้องคนไข้หนานกงเฉิน คุณผู้หญิงก็มองเธอแล้วถามขึ้น “ทำไมเร็วแบบนี้? คุยจบแล้วเหรอ? ”

“อืม” พี่เหอพยักหน้า

“เธอไปแล้ว? ”

“ไปแล้วค่ะ”

หนานกงเฉินขมวดคิ้วทันที เงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคน “ใครไปแล้ว? ”

พี่เหอมองเขาแล้วมองคุณผู้หญิงอีกครั้ง พูดด้วยสีหน้ายากที่จะพูด “นายหญิงน้อยค่ะ เธอมาคุยเรื่องหย่ากับคุณ ฉันกลัวคุณจะถูกกระตุ้นเลยหยุดเธอไว้ที่ชั้นล่าง”

“คุณว่าไงนะ? คุยเรื่องหย่า? ” เปลวไฟเล็กๆ ในใจหนานกงเฉินลุกโชน

“ใช่ค่ะ”

“ไม่คิดเลยว่าเธอจะต้องการหย่ากับฉันจริงๆ? ” หนานกงเฉินมีท่าทางไม่อยากจะเชื่อ กัดฟันพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

พี่เหอพยักหน้า “ฉันบอกให้เธออย่ามารบกวนคุณพักผ่อน เธอขอให้คุณส่งข้อตกลงการหย่าไปให้เธอก็พอแล้ว”

หัวใจหนานกงเฉินเริ่มแปรปรวนอย่างรุนแรง เปลวไฟเล็กๆ ในตอนแรกค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น เขาโกรธจริงๆ แต่ไม่นานเขาก็สังเกตทุกคนอีกครั้งแล้วถามขึ้น “พวกคุณบังคับเธอหรือเปล่า? ”

“ฉันเปล่า” คุณผู้หญิงยักไหล่ด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “เมื่อกี้เราเจอเธอที่ชั้นล่าง เธอก็พูดแบบนี้”

“แล้วทำไมพวกคุณไม่ให้เธอขึ้นมา? !” จู่ๆ หนานกงเฉินก็โกรธจนปัดอาหารเช้าบนโต๊ะลงพื้น “ทำไมไม่ให้เธอขึ้นมาคุยกับผม? ผมอยากคุยกับเธอดีๆ นะ!”

การกระทำฉับพลันของเขาทำให้ทุกคนในห้องคนไข้ตกใจ จูจูรีบเดินไปพยุงคุณผู้หญิงที่ถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว จากนั้นก็พูดกับหนานกงเฉิน “คุณชายเฉิน คุณทำให้คุณย่าตกใจแล้ว!”

หนานกงเฉินยังคงหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ตอนนี้เขาไม่สนแล้วว่าจะทำให้ใครตกใจ ถ้าความโกรธในใจไม่ระเบิดออกมาเกรงว่าทั้งร่างเขาจะระเบิด

จูจูก้มลงเก็บอาหารเช้าบนพื้นใส่ถังขยะ ลุกขึ้นจ้องมองหนานกงเฉินแล้วพูดขึ้น “คุณก็อย่าสะเทือนใจ ไม่แน่ว่านายหญิงน้อยก็แค่พูดด้วยความโกรธ? ”

“จะพูดด้วยความโกรธได้ยังไง? เธอกับหลินอันหนานร่วมมือกันขโมยผลงานของบริษัท หย่ากับเฉินมันไม่ใช่เรื่องของเวลา? ” คุณผู้หญิงทำเสียงฮึดฮัด จ้องมองหนานกงเฉินแล้วพูดขึ้น “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องของหลานกับพี่น้องตระกูลไป๋นะ เขาเล่นกับหลานได้แบบนั้น ไม่คิดว่าจะคบกับหลานด้วยความจริงใจหรอก หลานโง่ แย่งเธอกลับมาจากงานแต่งงานนิสัยเสียเหมือนเด็ก”

ดวงตาหนานกงเฉินมีแสงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คาดหวังว่าคุณผู้หญิงจะรู้เรื่องนี้

สายตาเย็นชาเขากวาดไปมองหน้าจูจู จูจูเงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าหมดหนทาง

คุณผู้หญิงพูดต่อ “หลานอย่าไปมองคุณหนูจูแบบนี้ ฉันแก่แต่ฉันไม่ได้โง่ ไม่ใช่ว่ามองเรื่องแค่นี้ไม่ออก”

จริงๆ เรื่องการสลับตัวของไป๋ยิ่งอันและไป๋มู่ชิง ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดว่ามันแปลกๆ แค่ไม่คิดว่าพวกเธอจะสลับตัวกัน ถ้าจูจูไม่ได้บอกเธอ จนถึงตอนนี้เธอก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นที่ตระกูลหนานกงมาก่อน

ความเกลียดชังที่เธอมีต่อไป๋มู่ชิง ก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นตั้งแต่รู้เรื่องนี้

“ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอารมณ์ไม่แน่นอน หลานทนเธอได้แต่ฉันทนไม่ได้ ฉันอยากให้พวกเธอหย่ากันตั้งนานแล้ว ในเมื่อตอนนี้เธอเริ่มเอ่ยปากก่อนมันก็ดีที่สุดแล้ว ให้เธอกับหลินอันหนานอยู่ด้วยกันไปเถอะ”

ให้เธอกับหลินอันหนานอยู่ด้วยกัน? หนานกงเฉินแสยะยิ้ม เขาทำไม่ได้หรอก!

คุณผู้หญิงเห็นเขาไม่พูดอะไร น้ำเสียงก็อ่อนลงนิดหน่อย “เฉิน เธอเป็นคู่รักของหลินอันหนานตั้งแต่แรก คนที่เธอรักคือหลินอันหนาน แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นมันไม่หวานหรอกนะ” เธอกวาดตามองจูจู จากนั้นก็พูดขึ้น “ปีนั้นหลานอยากคบกับคุณหนูจูจะตาย ตอนนี้คุณหนูจูกลับมาแล้ว ฉันก็ไม่ห้ามให้พวกเธอสองคนแต่งงานกัน ไม่ใช่เรื่องที่ดีมากเหรอ? ”

หนานกงเฉินยังคงไม่พูดอะไร

จูจูรีบพูดขึ้น “คุณย่า ฉันกับคุณชายเฉินตอนนี้เป็นแค่เพื่อนกัน เราไม่คิดจะแต่งงานกันค่ะ”

“ทำไม? ท่านอาจารย์หวังพูดแล้วไม่ใช่เหรอ? พวกเธอสองคนเหมาะสมกันที่สุดในโลกแล้ว” คุณผู้หญิงเดินไปนั่งด้านหน้าหนานกงเฉิน ลูบมือเขาแล้วพูดขึ้น “ท่านอาจารย์หวังบอกแล้ว ครั้งนี้ไม่มีทางผิดพลาดอีกแน่นอน หลังจากหลานกับคุณหนูจูแต่งงานกัน ฉันก็สบายใจ ไม่ต้องตามหาคู่รักที่โชคชะตากำหนดของหลานอีก จะไม่บังคับให้หลานแต่งงานกับผู้หญิงที่หลานไม่ชอบ”

ถ้าคำพูดนี้พูดเมื่อหกปีก่อน บางทีหนานกงเฉินอาจจะมีความสุขมาก ได้แต่งงานกับจูจูอย่างสง่างาม แต่วันนี้ ตอนนี้ในหัวเขาเต็มไปด้วยวิธีลงโทษผู้หญิงที่ใจกล้าจะมาคุยเรื่องหย่ากับเขา ไม่มีความคิดเรื่องอื่นเลย

“เฉิน หลานได้ยินที่ฉันพูดไหม? ”

“ได้ยินแล้วครับ”

“แล้วหลานตกลงไหม? ” คุณหญิงพูดขึ้น “แค่หลานพยักหน้า ฉันจะเตรียมงานแต่งให้พวกเธอทันที”

“ผมไม่ตกลง”

“เธอ……” คุณผู้หญิงโกรธจัด

“คุณย่า” หนานกงเฉินเงยหน้าขึ้นจ้องมองเธอแล้วพูดขึ้น “อย่าสนใจแค่ตัวเราได้ไหมครับ? คุณถามความเห็นจูจูหรือยัง? เคยถามเธอหรือยังว่าเห็นด้วยไหม? ”

“จูจู? ” คุณผู้หญิงหันไปทางจูจู จ้องมองเธอแล้วถามขึ้น “คุณหนูจู เธอตกลงที่จะแต่งงานกับเฉินไหม? ”

จูจูมองหนานกงเฉิน ส่ายหน้ายิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้น “คุณย่า การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็กนะคะ ฉันคิดว่าฉันกับคุณชายเฉินควรคิดให้ดีก่อน ยังไงตอนนี้มันก็ไม่ใช่ในปีนั้น หลายเรื่องมันเปลี่ยนไปแล้ว”

คุณผู้หญิงมองเธอ จากนั้นก็พยักหน้า “งั้นก็ได้ พวกเธอคิดกันให้ดีก่อน คิดดีแล้วค่อยบอกฉัน”

“เราจะคิดกันให้ดีค่ะ” จูจูพูด

หลังจากคุณผู้หญิงไปแล้ว ภายในห้องคนไข้ก็เหลือแค่จูจูและหนานกงเฉินสองคน

จูจูเดินกลับไปที่ข้างเตียง ยื่นแก้วน้ำอุ่นให้เขาแล้วพูดขึ้น “เฉิน ถึงฉันจะรักคุณมาก แต่คุณวางใจได้ ฉันจะไม่บังคับคุณ และยิ่งไม่ใช้คุณผู้หญิงมาบังคับคุณให้แต่งงานกับฉัน”

หนานกงเฉินรับแก้วน้ำมาดื่มหนึ่งอึก “ขอบคุณครับ”

“แต่คุณต้องสัญญากับฉัน ถ้าคุณกับไป๋มู่ชิงหย่ากันแล้ว ตำแหน่งภรรยาคนต่อไปต้องเก็บไว้ให้ฉันนะ”

หนานกงเฉินหันหน้าไปมองเธอ พูดขึ้นทีละคำ “ฉันจะไม่หย่ากับไป๋มู่ชิง”

เขาไม่มีทางหย่าเด็ดขาด ไม่มีวันปล่อยให้เธอคบกับหลินอันหนานตามที่เธอปรารถนา!

“ฉันพูดว่าถ้าไง” จูจูยิ้ม “ความรู้สึกของมู่ชิงกับหลินอันหนานไม่ใช่แค่วันสองวัน พวกเขาต้องพยายามจะคบกันแน่ๆ บางทีถ้าคุณคิดได้ ก็จะช่วยพวกเขาได้นะ? ”

หนานกงเฉินยิ้มเยาะ ใช้นิ้วชี้ไปที่สมองตัวเอง “สภาพจิตใจฉันไม่ได้ดีขนาดนั้น ดังนั้นฉันไม่มีวันเข้าใจ”

จูจูเงียบไปสักพักแล้วพยักหน้า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันจะพยายามช่วยคุณอย่างเต็มที่แล้วกัน”

“โอเค ขอบคุณ”

ไป๋มู่ชิงออกจากโรงพยาบาลก็ไม่ได้กลับไปบ้านซูซี่ แต่ขับรถไปริมแม่น้ำ นั่งคนเดียวบนเขื่อนกั้นแม่น้ำที่มีลมหนาวพัดมา

อาจจะเพราะอากาศหนาว ริมแม่น้ำมีผู้คนไม่มาก มีแค่เธอ นั่งอยู่คนเดียวเหมือนคนโง่ และนั่งได้ทั้งวัน

จนกระทั่งท้องฟ้าค่อยๆ มืด เมื่อซูซี่โทรถามเธอว่าอยู่ไหน เธอก็สงบสติแล้วพูดขึ้น “ฉันอยู่ข้างนอก ไม่กลับไปกินข้าวนะ”

“เธออยู่ที่ไหน? ”

“ฉัน……” ไป๋มู่ชิงมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น “ฉันแค่เดินเล่นไปรอบๆ ”

“งั้นก็ระวังตัวหน่อยนะ” ซูซี่เอ่ยเตือน

ไป๋มู่ชิงตอบเสร็จ เพิ่งวางสายไปก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นอีก เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอ เมื่อเห็นด้านบนมีคำว่า ‘สามี’ สองคำกะพริบอยู่ ในใจก็ตกตะลึงเล็กน้อย นานสักพักกว่าจะกดปุ่มรับสาย

“เธออยู่ที่ไหน? ” ในโทรศัพท์มีเสียงเย็นชาของหนานกงเฉินดังขึ้นมา

“ฉันอยู่ข้างนอก” น้ำเสียงไป๋มู่ชิงก็ไม่ค่อยดี

“มาที่อพาร์ทเมนท์เซียงตี”

“ไปทำอะไร? ”

“คุยเรื่องหย่า”

คุยเรื่องหย่าเหรอ? ไป๋มู่ชิงสมองว่างเปล่า จากนั้นก็ตอบรับ “โอเค”

เธอลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้หิน สองขาชาจนแทบยืนไม่ขึ้นเพราะนั่งนานเกินไป หลังจากเธอพยุงราวกั้นและปรับตัวเล็กน้อย ก็ก้าวไปยังทิศทางของรถ

อพาร์ทเมนท์เซียงตีเดิมทีเป็นอพาร์ทเมนท์วิวแม่น้ำ ขับรถใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็ถึงแล้ว

เธอจอดรถไว้ชั้นล่าง ขึ้นไปชั้นบน เปิดประตูใหญ่ด้วยรหัสผ่านทันที และในขณะนี้ ร่างของหนานกงเฉินก็ปรากฏสู่สายตาเธอ เขานั่งโซฟาในห้องรับแขก สองมือกอดอก สายตาเย็นชาจดจ่ออยู่บนใบหน้าเธอทันทีที่เธอปรากฏตัว เห็นได้ชัดว่าตั้งใจรอเธอมา

หลังจากป่วยหนักเขาก็ดูซีดเซียวนิดหน่อย แปรปรวนนิดหน่อย แม้ว่ารอยช้ำที่มุมตาจะหายไปมากแล้ว แต่ยังคงมีร่องรอยอยู่

“ทำไมคุณออกจากโรงพยาบาลเร็วจัง? ” ไป๋มู่ชิงเหลือบมองเขาแล้วถามขึ้น

หนานกงเฉินวางขาที่ซ้อนกันลง ลุกขึ้น เดินมาหาเธอ แขนยาวโอบเอวเรียวของเธอเหมือนแม่เหล็กให้เธอขยับมาด้านหน้า ร่างกายแนบชิดกับเธอ

เขาสังเกตเธอ พูดขึ้นอย่างถากถาง “ฉันป่วยไม่กี่วัน มันมากพอที่จะให้โอกาสเธอไปแอบเป็นชู้กับหลินอันหนานเหรอ? ความสัมพันธ์พัฒนารวดเร็วจังนะ ไม่คิดว่าจะอยากหย่าจริงๆ ”

“ใช่ เมื่อคุณแต่งงานกับคุณหนูจู ฉันก็ต้องมีจุดมุ่งหมายสิ ไม่งั้นฉันจะเล่นตลกกับคุณมากขนาดนี้ได้ยังไง? ” ไป๋มู่ชิงเงยหน้ามองเขาแล้วพูดเยาะเย้ย

พูดจบ สีหน้าเธอก็ผ่อนคลายลง อมยิ้มพูดขึ้น “จริงสิ ฉันยังไม่ได้ยินดีกับคุณเลย ยินดีด้วยนะที่หายดีออกจากโรงพยาบาลแล้ว”

“ดูสีหน้าเธอสิ เหมือนการหายดีออกจากโรงพยาบาลของฉันมันทำให้เธอผิดหวังมาก”

“เปล่า ฉันก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น” ไป๋มู่ชิงส่ายหน้า จากนั้นก็ก้มหน้าเหลือบมองแขนเขาที่โอบเอวตน “คุณชายเฉิน ปล่อยฉันก่อนได้ไหม? สถานะเราในตอนนี้กอดแบบนี้มันไม่เหมาะสมนะ”

“แล้วยังไงถึงจะเหมาะสม? สถานะอดีตสามีภรรยานั่งคุยกันในร้านกาแฟอย่างกระอักกระอ่วนเหรอ? ” หนานกงเฉินยิ้มถากถาง “ไป๋มู่ชิง ฉันเคยบอกเธอหรือยัง ตั้งแต่เธอทำให้ฉันโกรธในตอนนั้น เธอก็อย่าคิดจะหนีไปจากฝ่ามือฉันได้ เธอเกิดมาเพื่อเป็นคนของฉัน แต่งงานกับคนอื่นแล้วก็ยังเป็นผู้หญิงของฉัน”

เพื่อแสดงความเอาแต่ใจ เขายังกัดใบหูเธออย่างไม่เกรงใจ

ไป๋มู่ชิงตัวสั่นจากการหยอกล้อของเขา เงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา “คุณมันหน้าด้าน”

“ฉันไม่เคยบอกนะว่าฉันเป็นสุภาพบุรุษ” หนานกงเฉินโอบเธอถอยหลังไปสองสามก้าว นั่งโซฟาในขณะเดียวกันก็กอดเธอไว้บนตักตัวเอง ใช้กรามชี้ไปที่ข้อตกลงการหย่า “ดูสิว่ามีปัญหาอะไรไหม ถ้าไม่มีก็เซ็นได้เลย”

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

Status: Ongoing
ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท