ในตอนเช้าตรู่ หนานกงเฉินได้ยินว่าเซิ่งเคอไปต่างประเทศแล้ว
เขาไม่คาดคิดว่าเซิ่งเคอจะหนีเร็วขนาดนี้เขาวางเอกสารในมือลงพร้อมกัดฟันแน่พลางสาปแช่ง “ดูเหมือนว่าไอ้แก่เซิ่งตงหยางนั่นจะไม่ได้ตั้งใจลาออกสินะ”
เลขาหลินจ้องมองเขาอย่างระมัดระวังและถามว่า “งั้นทำยังไงต่อไปดีคะ? ”
“ให้เขาอยู่ในบริษัทไปก่อน” เขาคิดสักพักแล้วพูดว่า “ยังไงก็ตามส่งคนมาค้นหาดูเบาะแสของเซิ่งเคอให้ฉันด้วย”
“ค่ะ รับทราบค่ะ” จู่ๆ เลขาหลินก็หยิบซองจดหมายออกจากแฟ้มเอกสารและยื่นให้เขา “คุณชายเฉิน นี่คือจดหมายลาออกของผู้อำนวยการเซิ่งที่ฝากคนมายื่นให้คุณค่ะ”
หนานกงเฉินชำเลืองมองซองจดหมายในมือของเธอ จากนั้นก็เอื้อมมือไปเปิดและหยิบกระดาษเอสี่จากด้านในออกมา
เนื้อหาในจดหมายนั้นไม่ยาวนัก แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เซิ่งเคอยังอ้างว่าเขาจะใช้เวลาอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อหาเงินและคืนเงินจำนวนมหาศาลให้กับ บริษัทหนานกงกรุ๊ป
รอให้เขาคืนเงินงั้นเหรอ? ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเป็นปีไหน เดือนไหน เขาฉีกจดหมายลาออกแล้วโยนทิ้งลงถังขยะ
หลังจากที่ห้องทำงานเงียบลงโทรศัพท์มือถือของหนานกงเฉินก็ดังขึ้นเขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเหลือบมองไปที่หมายเลขบนหน้าจอ ทันใดนั้นสีหน้าเศร้าหมองของเขาก็สดใสขึ้น เขารับสายพลางยิ้มและพูดว่า “ได้ยินเสียงพรายกระซิบหรือไง? ถึงโทรมาหาฉันได้?”
ไป๋มู่ชิงไม่ได้ปฏิเสธและกล่าวว่า “ใช่ค่ะ ฉันได้ยินมาว่าเซิ่งเคอยักยอกเงินของบริษัทเหรอคะ? ”
“ใช่ แต่เขาหนีไปต่างประเทศแล้ว”
“แล้วจะทำยังไงต่อคะ? ”
“ฉันจะทำอะไรได้อีก ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเก็บเขาไว้ แต่ฉันจะใช้เขาจัดการกับเซิ่งตงหยาง” หนานกงเฉินยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “แต่เซิ่งตงหยางเต็มใจที่จะยอมแพ้ลูกชายของเขาและไม่สามารถใช้ลูกชายเป็นเครื่องมือ ..”
“ไม่เป็นไร รอโอกาสหน้ามีโอกาสหน้านะคะ”
“ขอบคุณนะ เธอใส่ใจฉันแบบนี้ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลย” หนานกงเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สำหรับสุนัขจิ้งจอกเฒ่านั่น ค่อยๆ จัดการไป”
“ระวังด้วยนะคะ” ไป๋มู่ชิงอดไม่ได้ที่จะเตือนสติ
“มู่ชิง คุณพูดแบบนี้หลายครั้งแล้วนะ”
“อันที่จริงแล้ว … ” ไป๋มู่ชิงพูดอย่างเสียไม่ได้ “วันนี้เปลือกตาของฉันกระตุกฉัน รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้นดังนั้น … ”
“แล้วสิ่งที่คุณคิดเป็นครั้งแรกไม่ใช่ว่าเฉียวเฟิงจะมีปัญหา แต่กลายเป็นฉันแทน?” รอยยิ้มบนใบหน้าของหนานกงเฉินกว้างขึ้น
เขารู้ว่าไป๋มู่ชิงห่วงใยเขามากที่สุด ไม่ใช่คุณชายรองเฉียว!
ก่อนที่เขาหลงตัวเองไปมากกว่านี้ ไป๋มู่ชิงพูดว่า “หนานกงเฉิน คุณคิดมากเกินไปจริงๆ เฉียวเฟิงเขาทำงาน เขาไม่มีศัตรูที่ไหน ชีวิตปลอดภัย แต่ข้างกายคุณมีทั้งเสือและมังกร หันไปทางไหนก็มีแต่อันตราย ดังนั้น … ”
เธอหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “ฉันหวังว่าคุณจะระมัดระวังตัวเอง โดยเฉพาะในวันนี้”
“วันนี้งั้นเหรอ? ” หนานกงเฉินรู้สึกว่าเธอกังวลและน้ำเสียงของเขาจริงจังมากขึ้น “โอเคฉันจะระวังให้มาก”
“อืม … ดีแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน” หนานกงเฉินหยุดเธอทันทีและพูดว่า “เปลือกตาของคุณกระตุก ไม่ใช่ว่าคุณเองก็ควรระวังตัวเหมือนกันเหรอ? ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันอยู่บ้านปลอดภัยที่สุดค่ะ” ไป๋มู่ชิงวางสายโทรศัพท์หลังจากพูดว่า ‘ลาก่อน’ กับเขา
—
เมื่อหนานกงเฉินกลับบ้าน เธอเห็นผู่เหลียนเหยาร้องไห้ต่อหน้าคุณหญิง และคุณหญิงก็กำลังปลอบโยนเธอ
เมื่อเขาก้าวเข้ามา ผู่เหลียนเหยาหันมาหาเขาและพูดด้วยน้ำตาว่า “พี่ ฉันคิดว่าเซิ่งเคอไม่ได้ตั้งใจ อย่าตำหนิเขาเลยนะคะ อย่าไล่ตามเขาเลย… ”
หนานกงเฉินมองไปที่เธอ”ตอนนี้ฉันต้องการไล่ตามเขา แต่ฉันทำไม่ได้ใช่ไหม? ”
“แต่เขาไปแล้ว เขาไม่ต้องการฉัน … “ผู่เหลียนเหยาร้องไห้เสียใจมากขึ้น
“อย่ากังวล เขาไม่ต้องการเธอไม่ได้ เซิ่งเคอเป็นคนยังไงเธอรู้ดีอยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอ? ” คุณหญิงลูบมือเธอเบาๆ “เธออยู่ที่นี่ รอให้ย่าหาตัวเขาเจอแล้วจะเอาตัวเขากลับมาให้ได้”
“ขอบคุณค่ะ คุณย่า”ผู่เหลียนเหยาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอ “พี่ อย่าแจ้งความจับเซิ่งเคอเลยนะนะ รอให้เขากลับมาอย่างปลอดภัยแล้วพวกเราจะคืนเงินบริษัทอย่างแน่นอนค่ะ”
เมื่อมองไปที่น้ำตาบนใบหน้าเธอ หนานกงเฉินรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังอดทนพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่เขาไม่ได้กระทำความผิดอีก ฉันก็จะไม่ไล่ตามเขา”
“ใช่ ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ อย่าร้องไห้” คุณหญิงกวักมือเรียกจูจู”จูจู เธอส่งเหลียนเหยากลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนสิ”
“ค่ะ” จูจูวางแก้วพลางลุกขึ้นและพยุงผู่เหลียนเหยาขึ้นห้องไป
“คุณย่า ดึกแล้วกลับห้องไปพักผ่อนเถอะครับ” หนานกงเฉินก้าวไปข้างหน้าและจับแขนคุณหญิงพยุงเธอเดินเข้าไปในห้องนอน
หลังจากเข้าไปในห้องนอนคุณหญิงผลักมือของหนานกงเฉินที่แขนของเธอและพูดว่า “ไม่ต้องพยุงฉัน ฉันยังไม่อ่อนแอขนาดนั้น”
“ใช่ ร่างกายของคุณย่ายังแข็งแรงอยู่” หนานกงเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คุณหญิงถอนหายใจอย่างเศร้า ๆ และกล่าวว่า “ไม่คาดคิดเลยว่าแกจะพูดถูก ตระกูลเซิ่งไม่มีอะไรดีรวมถึงผู่เหลียนเหยาคนนี้ด้วย”
เมื่อหนานกงเฉินบอกเธอว่าเซิ่งตงหยางคิดไม่ซื่อ เธอยังรู้สึกไม่เชื่อ ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้
“คุณย่า เซิ่งเคอถูกคุณลุงข่มขู่ ที่จริงเขาไม่ได้ต้องการจะทำแบบนี้เลย”
“แต่เขาก็ทำไปแล้ว” คุณหญิงเงยหน้าขึ้นและจ้องมาที่เขา “แล้วแกจะทำอะไรต่อไปปล่อยเขาไปงั้นเหรอ? ”
“เดิมที่แล้วผมไม่ได้คิดจะทำอะไรกับเซิ่งเคอ แต่จะกำลังคุณลุงออกไปจากบริษัท ส่วนผู่เหลียนเหยา … ”
“ผู่เหลียนเหยาทำไมงั้นเหรอ? ฉันดูว่าช่วงนี้เธอก็ไม่ได้มีพิรุธอะไร” คุณหญิงถามอย่างสงสัย
หนานกงเฉินกล่าวว่า “เพราะเธอไม่มีพิรุธ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถจัดการกับเธอได้ แต่อีกไม่นานก็คงจะมีพิรุธอะไรออกมาบ้าง ดังนั้นผมอยากให้คุณย่าปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมและให้เธออยู่ที่นี่ต่อไป”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
“คุณย่าพักผ่อนก่อนนะ”
“แกก็เหมือนกันนะ” คุณหญิงกล่าวต่ออีกว่า “อย่างไรก็ตามฉันมักจะมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีราวกับว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ระวังตัวด้วยนะ”
หนานกงเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย วันนี้ไป๋มู่ชิงก็บอกว่าเปลือกตาของเธอกระตุกและบอกให้เขาระวัง คุณหญิงก็ยังบอกให้เธอมีลางสังหรณ์
เขาพยักหน้าเดินกลับห้องไป
—
จูจูส่งผู่เหลียนเหยากลับไปที่ห้องนอนและพูดว่า “เธอร้องห่มร้องไห้ขอร้องให้ไว้ชีวิตเซิ่งเคอ คิดว่ามีประโยชน์เหรอ? หรือเธอคิดจริงๆ ว่าหนานกงเฉินจะปล่อยเขาไปจริงๆ? ”
“ฉันไม่เชื่อ” ผู่เหลียนเหยาพูดอย่างเย็นชา”แต่การแสดง มันจะต้องทำอย่าสมบูรณ์แบบเสมอ”
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป จะอยู่ที่ตระกูลหนานกงง่อยๆ แบบนี้ต่อไปเหรอ?”
“แน่นอน ฉันต้องรอดูจุดจบของตระกูลหนานกง”
จูจูหัวเราะเยาะในใจและคิดกับตัวเองว่า ‘ฉันคิดว่าเธอกำลังรอให้ฉันฆ่าหนานกงเฉินแล้วค่อยฆ่าฉันล่ะสิ? ‘
“มีอะไรเหรอ ทำไมสีหน้าแบบนี้?” ผู่เหลียนเหยามองไปเธอ
“ไม่มีอะไร” จูจูส่ายหัว
ผู่เหลียนเหยายังคงจ้องมองเธอ “ฉันเตรียมทุกอย่างให้เธอแล้ว เธอวางแผนจะทำเมื่อไหร่? ”
จูจูแสร้งครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า “คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดและลมแรงเป็นฤกษ์ดี คืนนี้เป็นยังไงล่ะ? ”
“เธอแน่ใจเหรอ? ” หัวใจของผู่เหลียนเต้นแรงขึ้น
เมื่อเห็นจูจูพยักหน้า ผู่เหลียนเหยาถามว่า “แล้วเธอจะทำอะไร? เธอต้องการน้ำมันเบนซินไปทำอะไร? ”
จูจูยิ้ม “ดูหน้าเธอสิ หรือเธอกังวลว่าฉันจะเผาเธอไปพร้อมกับคฤหาสน์หลังนี้ล่ะ? ”
“ทางที่ดีเธออย่าคิดแบบนี้ดีกว่า อย่าคิดว่าทำฉันตายแล้วพ่อแม่ของเธอจะปลอดภัย”
“ฉันรู้ว่าเธอยังมีผู้ช่วย” จูจูกัดฟัน “ไม่ต้องห่วง พ่อแม่ของฉันเลี้ยงดูฉันมาแม้ว่าฉันจะไม่อยู่แล้วแต่ฉันก็จะช่วยชีวิตพวกเขา”
เมื่อมองไปที่การแสดงออกที่ขมขื่นบนใบหน้าของเธอ ในที่สุดผู่เหลียนเหยาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “โอเค งั้นทำตามแผนของเธอ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเธอ”
“ขอบคุณ เธอก็เพียงแค่รอที่จะกลายเป็นนายหญิงของตระกูลหนานกงคนต่อไปเถอะ” จูจูยิ้มอย่างมีเลศนัย
—
ท้องฟ้าคืนนี้มืดและมีลมแรงกว่าปกติ
จูจูนอนไม่หลับทั้งคืนและหัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับว่าจะหลุดออกมา
เธอไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของสิ่งที่เธอจะทำคืออะไร แต่เธอไม่มีทางอื่น
ยังเหลือเวลาอีกยี่สิบวันที่จะครบรอบสามปีที่เธอแต่งงานกับหนานกงเฉิน นั่นคือวันตายของเธอมาถึงแล้ว เธอไม่สามารถรอได้อีกต่อไปและอย่าคาดหวังว่าผู่เหลียนเหยาจะช่วยเธอได้
เธอเหลือบมองเวลาบนกำแพง เวลาสามทุ่มเป็นเวลาที่เงียบที่สุดในบ้าน
เธอลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบ ๆ เดินไปที่ประตูและเปิดประตู เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เฝ้าประตูเธอไม่อยู่ เธอจึงก้าวออกไป
บนชั้นสาม เสี่ยวหยวนเดินอย่างนุ่มนวลไปที่ห้องนอนของผู่เหลียนเหยาและพูดว่า “คุณหนูผู่ ฉันเห็นคุณหนูจูกำลังเดินไปที่สวนหลังบ้าน”
ผู่เหลียนเหยาวางรีโมทไว้ในมือและเงยหน้าขึ้นมองเธอ “เธอจะไปทำอะไรที่สวนหลังบ้าน? ”
“ฉันคิดว่าเธอน่าจะไปเอาน้ำมันเบนซินที่ฉันเอามาให้เธอที่สวนหลังบ้านเมื่อสองสามวันก่อน” เสี่ยวหยวนพูด
ผู่เหลียนเหยาลุกขึ้นและไปที่มุมผ้าม่านหลังหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานแล้วมองออกไปที่สวนหลังบ้าน ด้วยบรรยากาศที่มืดเกินไปเธอจึงมองไม่เห็นชัดเจน
“เธอคิดจะทำอะไรน่ะ?” ผู่เหลียนเหยาถามโดยไม่รู้ตัว
เสี่ยวหยวนครุ่นคิดสักพักและพูดว่า “ฉันคิดว่าเธอน่าจะเอาน้ำมันเบนซินไปไว้ในรถของคุณชายเฉิน”
“ดีมาก” ผู่เหลียนเหยาเป็นกังวลหันหน้าไปทางเธอและบอกกับ เสี่ยวหยวนว่า “เธอไปช่วยดูต้นทาง หากมีอะไรผิดปกติให้โทรหาฉันทันที”
เธอกังวลว่าจูจูจะเป็นสุนัขจนตรอก และเผาคฤหาสน์จริงๆ เธอไม่อยากตายด้วยน้ำมือของผู้หญิงงี่เง่าคนนี้
—
เมื่อหนานกงเฉินหลับอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างรวดเร็ว เขาพลิกตัวจากเตียงโดยสัญชาตญาณและลุกขึ้นนั่งและถามที่ประตู “มีอะไรเหรอ? ”
“คุณชายเฉิน ไฟไหม้ห้องโถงบรรพบุรุษ” มันเป็นเสียงของผู้ชาย
หนานกงเฉินลงจากเตียงทันที เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้และเดินไปเปิดประตูขณะจัดชุดนอนของเขา ยามที่ยืนอยู่นอกประตูคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคฤหาสน์หลังใหญ่ในเวลานี้เขาดูลุกลี้ลุกลนและคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “คุณชายใหญ่ ไม่รู้ว่าไฟไหม้ห้องโถงบรรพบุรุษได้ยังไง ไฟไหม้หนักมาก … ”
“มีอะไรเหรอ?” หนานกงเฉินขมวดคิ้วและเดินลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินออกไปข้างหลังเขาและอธิบายว่า “ผมไม่รู้ จู่ๆ ผมก็เห็นควันลอยขึ้นมาจากสวนหลังบ้าน จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงเสี่ยวเฉินซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่นั่นวิ่งมาและตะโกนลั่น”
หนานกงเฉินขมวดคิ้วอีกครั้ง ไม่น่าแปลกใจที่เขาเพิ่งได้ยินคนตะโกนเรื่องไฟและคิดว่ามันเป็นความฝันมันไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง
เมื่อหนานกงเฉินรีบวิ่งไปที่ชั้นล่างเธอก็เห็นคุณหญิงวิ่งออกจากห้องนอนพร้อมกับพี่เหออย่างตื่นตกใจ
“คุณย่า วิ่งงออกมาทำไมครับ? ” หนานกงเฉินก้าวไปข้างหน้าเพื่อกอดร่างของเธอไว้และในขณะเดียวกันก็หันไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพูดว่า “รีบหาคนมาดับไฟเร็วเข้า”
“ครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
คุณหญิงจับแขนของหนานกงเฉินแล้วแกว่งไปมาและน้ำตาก็ไหลออกมา “เกิดอะไรขึ้น มันลุกเป็นไฟได้อย่างไร ฉันจะทำอย่างไร … ฉันจะทำอย่างไร … ”
“คุณย่าไม่ต้องกังวล ผมจะไปดูเอง” หลังจากที่หนานกงเฉินสั่งให้พี่เหอดูแลคุณหญิงเป็นอย่างดี เขาก็รีบวิ่งไปที่สวนหลังบ้าน
“ฉันจะทำอย่างไรดี ถ้าเผาผู้หญิงคนนั้นจนมอดไหม้ ตระกูลหนานกงจะต้องทนทุกข์ทรมานอีกครั้ง … ” เธอส่ายหัวและถอนหายใจ “นี่มันคือเวรกรรม”
“คุณหญิง ไม่ต้องกังวลค่ะ ท่านผู้หญิงจิ้งจะไม่เป็นอะไร” พี่เหอปลอบประโลมเบา ๆ
แต่ไม่ว่าเธอจะปลอบใจอย่างไรคุณหญิงก็ยังคงกังวล
หนานกงเฉิน รีบวิ่งไปที่สวนหลังบ้านและพบว่าห้องโถงบรรพบุรุษถูกไฟไหม้และไฟได้ลุกลามไปทั่วห้องโถงบรรพบุรุษ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและคนรับใช้กำลังยุ่งอยู่กับการใช้ท่อดับเพลิงข้างกองไฟเพื่อดับไฟ แต่ไฟนั้นใหญ่เกินกว่าที่จะดับได้
หนานกงเฉินกำลังจะเดินไปข้างหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดึงเขาไว้และพูดว่า “คุณชายเฉิน อย่าเข้าไปครับ … ”
“ดึงท่อน้ำไปที่ห้องด้านหลัง เริ่มต้นจากห้องด้านหลัง” หนานกงเฉินสั่ง
“คุณชายใหญ่ ไฟเริ่มไหม้จากที่ห้องด้านหลัง”
“อะไรนะ? ” หนานกงเฉินตะลึง
“คุณชายใหญ่ คุณกลับไปที่ห้องโถงก่อน ที่นี่พวกเราจะจัดการเองครับ” ใครบางคนชักชวน
—
ผู่เหลียนเหยายืนจ้องมองผ่านหน้าต่างที่เปลวไฟลุกขึ้นสู่ท้องฟ้าในห้องโถงบรรพบุรุษพลางกัดฟันด้วยความโกรธ
เหตุใดห้องโถงบรรพบุรุษจึงถูกไฟไหม้? ทำไม !
จูจูบอกเธอว่าวันนี้เธอจะกำจัดหนานกงเฉิน ไม่คาดคิดหลังจากที่เธอเอาน้ำมันเบนซินไปเธอจะไม่โจมตีหนานกงเฉิน แต่กลับเผาห้องโถงบรรพบุรุษแทน
ทำไมเธอคิดไม่ถึงว่าจูจูจะมีแผนเช่นนี้?
เมื่อสักครู่เช่นเดียวกับเสี่ยวหยวน เธอรู้ว่าเธอจะเก็บน้ำมันเบนซินไว้ในรถของหนานกงเฉิน เพื่อที่เขาจะได้พบกับโศกนาฏกรรมของการระเบิดของรถเมื่อเขาออกไปในเช้าวันพรุ่งนี้ แต่ในชั่วพริบตาห้องโถงบรรพบุรุษก็ลุกเป็นไฟ!
เธอหันหลังเดินกลับไปที่ห้องนอน ลากรถเข็นออกจากห้องแล้วลงไปชั้นล่าง
เมื่อผู่เหลียนเหยามาที่ห้องนอนของจูจู จูจูได้แอบกลับเข้าไปในห้องจากสวนหลังบ้านเมื่อเห็นผู่เหลียนเหยาเธอพูดอย่างมีความสุขว่า “เหลียนเหยา ฉันคิดวิธีที่ดี เพียงแค่ฉันเผาท่านผู้หญิงจิ้งจนกลายเป็นเถ้าถ่าน คุณย่าก็จะไม่ยุ่งกับฉันอีกต่อไปใช่ไหมล่ะ?”
เธอยิ้มอย่างไร้เดียงสา แต่ที่จริงแล้วเธอไม่เคยคิดที่จะเริ่มโจมตีหนานกงเฉินเลย ยังไงซะหนานกงเฉินก็เป็นคนมีชีวิต ถ้าเธอฆ่าเขามันก็จะกลายเป็นคดีอาญากรรม นอกจากนี้ไป๋มู่ชิงพูดถูก ในวันนั้นเธอเองที่หลอกหนานกงเฉินมาตลอด เธอก็เป็นคนที่เสียใจต่อหนานกงเฉิน แม้ว่าหนานกงเฉินจะฆ่าเธอ ก็ไม่มากเกินไป
และลึกลงไปภายในจิตใจ เธอยังคิดว่าหนานกงเฉินเป็นแค่เพียงภาพในจินตนาการ เธอจินตนาการว่าหลังจากที่เรื่องของท่านผู้หญิงจิ้งผ่านไป เธอจะยังสามารถอยู่ที่ตระกูลหนานกงต่อไปและเป็นภรรยาของหนานกงเฉินต่อไปได้
ดังนั้นหลังจากคิดเรื่องนี้ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะทำลายร่างของท่านผู้หญิงจิ้ง
ผู่เหลียนเหยาโกรธมากจนแทบไม่หายใจ เธอลุกขึ้นจากรถเข็นและตบหน้าจูจูด้วยความโกรธและสาปแช่ง “เธอคิดว่าตระกูลหนานกงกระจอกขนาดนั้นเลยเหรอ? จะทำลายร่างท่านผู้หญิงจริงได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
จูจูโกรธเมื่อโดนตบ แต่เธอก็ยังทนกับความเจ็บปวดและถามว่า “เธอหมายความว่ายังไง? ”
“โลงคริสตัลของท่านผู้หญิงจิ้งนั้นทนไฟกันน้ำและป้องกันการระเบิดไฟ เธอมันโง่! ” ผู่เหลียนเหยาต่อว่าและกำลังจะตบเธออีกครั้ง ในที่สุดก็วางฝ่ามือลงและกัดฟัน “ตบเธอไปก็สกปรกมือของฉันเปล่าๆ ”
จูจูมองไปที่เธอด้วยความประหลาดใจและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตัวสั่นและพูดว่า “เธอพูดอะไร? ”
“ฉันบอกว่าเธอมันโง่! ” ผู่เหลียนเหยาทิ้งท้ายไว้และเข็นรถเข็นออกจากห้องนอนของเธอ
ในห้องนอน จูจูก้าวถอยหลังและล้มลงบนโซฟา
โลงคริสตัลของท่านผู้หญิงจิ้งป้องกันไฟได้งั้นเหรอ? …….
เธอรวบรวมความกล้าอย่างมากที่จะจุดไฟ แต่ผู่เหลียนเหยากลับมาบอกเธอว่าโลงคริสตัลนั้นป้องกันไฟได้?
–
ผู่เหลียนเหยาออกจากห้องนอนของจูจู จอดรถเข็นของเธอไว้ที่ทางเดินหลับตาและหายใจเข้าลึก ๆ
หลังจากไฟมอดลง หนานกงเฉินก็สงสัยว่ามีคนจงใจจุดไฟเผา เธอและจูจูตอนนี้จูจูอยู่ในช่วงต้องห้าม ในสายตาของคนอื่นเธอไม่สามารถจุดไฟได้เป็นแน่ แต่ไม่ใช่กับหนานกงเฉิน
ดังนั้นคนแรกที่หนานกงเฉินจะสงสัยคือเธอผู่เหลียนเหยาคนนี้!
หากเป็นเช่นนี้เธอควรทำอย่างไร?
เธอจับรถเข็นแน่น อยากจะกลับไปทำให้จูจูตายแล้วโยนลงกองไฟ
เธอหายใจเข้าและปรับความกังวลก่อนจะลงไปที่ชั้นหนึ่ง
คุณหญิงกำลังเดินไปมาในห้องนั่งเล่นด้วยความกังวล และให้คนไปดูว่าควบคุมไฟได้หรือยัง
การแสดงออกบนใบหน้าของผู่เหลียนเหยาจมดิ่งลงขณะที่เธอเข้าไปหา เธอถามด้วยความกังวล “คุณย่า ฉันได้ยินมาว่ามีไฟไหม้ในห้องโถงบรรพบุรุษ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? ”
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงเกิดไฟไหม้ได้” คุณหญิงยังเดินวนไปมาในห้องนั่งเล่น
ผู่เหลียนเหยายังคงปลอบโยนเธอ “อย่าตกใจเลยค่ะ คุณย่า เดี๋ยวก็ดับไฟได้แล้วค่ะ”
“ใช่ค่ะ คุณหญิง มันไม่มีประโยชน์ที่จะกังวล” พี่เหอช่วยกันปลอบโยนอีกแรง
คุณหญิงหันหน้าไปมองผู่เหลียนเหยาที่อยู่ข้างๆ เธอ ผู่เหลียนเหยาตัวสั่นเทาคิดว่าแม้แต่คุณหญิงก็สงสัยเธอเป็นครั้งแรก
เธอสูดลมหายใจแผ่วเบาและพูดกับคุณหญิง “คุณย่า เป็นไปได้ไหมคะว่ามีคนตั้งใจจุดไฟ และยังตั้งใจจุดไฟที่ท่านผู้หญิงจิ้งอีก”
คุณหญิงตกตะลึง จ้องมองเธอสักพักจากนั้นก็กัดฟันและพูดออกมา “ถ้าเป็นเช่นนี้ ฉันจะตัดมือทั้งสองข้างของคนที่จุดไฟทิ้งอย่างแน่นอน! ”
จูจูที่เพิ่งปรับอารมณ์และลงมาจากบันได ได้ยินคำพูดของคุณหญิงก็ตกใจและสะดุ้งทันที
หลังจากสงบลงในที่สุดหัวใจของเธอ ก็เริ่มตื่นตระหนกอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้คุณหญิง เห็นความรู้สึกผิดของเธอ เธอจึงซ่อนตัวอยู่บนชั้นสองและยืนอยู่สักพักก่อนที่จะเดินต่อไปอีกครั้ง
เธอไม่กล้าที่จะพบกับการจ้องมองที่เหมือนดาบของผู่เหลียนเหยา แต่เดินไปหาคุณหญิงและแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา “กลางดึกแบบนี้คงไม่มีใครจงใจจุดไฟหรอกค่ะ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่หน้าห้องโถงบรรพบุรุษ ใครจะจุดไฟได้ล่ะคะ?”
คุณหญิงกังวลมาก ดังนั้นเธอจึงไม่อยากได้ยินทั้งสองคนวิเคราะห์คดีที่นี่จึงให้คนรับใช้ไปดูว่าสถานการณ์ไฟไหม้เป็นอย่างไรบ้าง
ไฟลุกไหม้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะควบคุมได้ หนานกงเฉินก็กลับมาจากสวนหลังบ้านเช่นกัน เขาก้าวเข้าไปในบ้านและคุณหญิงก็ทักทายเขาและถามว่า “เฉิน สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง? ”
คุณหญิงกังวลมากจนน้ำตาไหล เธอมองไปที่หนานกงเฉินและเห็นว่าชุดนอนสีอ่อนของเขานั้นดำคล้ำไปด้วยควันและฝุ่นและชายเสื้อของเขาก็ถูกไฟแผดเผาไปด้วยเช่นกัน เธอถามอีกครั้ง “บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าเฉิน”
“ผมไม่เป็นไร ไฟในห้องโถงบรรพบุรุษดับแล้ว ไม่ต้องกังวลนะครับคุณย่า” เขาเหลือบมองไปที่จูจูและผู่เหลียนเหยาอย่างไม่แยแสแล้วพูดว่า “ทุกคนกำลังเคลียร์ที่เกิดเหตุ รอฟ้าสางแล้วถึงจะรู้ว่าเป็นยังไง ”
“ต้องรอฟ้าสางเหรอ? ” คุณหญิงพูดอย่างกังวล
“คุณย่าคะ เดี๋ยวอีกไม่นานก็เช้าแล้วค่ะ” ผู่เหลียนเหยากล่าว
หนานกงเฉินยกมือขึ้นลูบไหล่คุณหญิงเบาๆ “คุณย่ากลับห้องไปพักผ่อนเถอะ ผมจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็พูดกับผู่เหลียนเหยาและจูจูว่า “เธอสองคนก็กลับไปที่ห้องของตัวเองและพักผ่อนเถอะ”
ผู่เหลียนเหยาและจูจูมองหน้ากัน หลังจากตอบแล้วพวกเะอก็ขึ้นไปชั้นบนด้วยกัน
จูจูไปที่ชั้นสามเพื่อส่งผู่เหลียนเหยา จ้องที่เธอทันทีและถามอย่างเย็นชา “เธอคงไม่บอกว่าฉันเป็นคนจุดไฟหรอกนะ? ”
“ฉันไม่ได้พูด … ” จูจูเป็นกังวลและคว้าข้อมือของเธอ “เหลียนเหยา คุณเป็นคนดี ช่วยให้ฉันรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ได้ไหม ขอร้องเธอล่ะ”
ผู่เหลียนเหยาก้มศีรษะลงและเหลือบมองไปที่เธอจับฝ่ามือแน่นและพูดอย่างว่างเปล่า “ฉันช่วยเธอแล้ว แต่ถ้าเธอยังยังทำให้ตัวเองไปสู่ความตายแบบนี้ และยังเป็นภาระให้ฉันอีก มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอจะให้ฉันช่วยเธออย่างนั้นเหรอ? เธอคิดว่าฉันทำได้ทุกอย่างหรือไง? ”
“ขอโทษ ฉัน…….”
“ปล่อย! ” เสียงของผู่เหลียนเหยาเย็นชา สะบัดมือและเข้าไปในห้องโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
—
หนานกงเฉินกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเป็นชุด จากนั้นก็กลับไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษเพื่อจัดการเรื่องนี้ต่อไป
แม้ว่าคุณหญิงจะกลับไปที่ห้องนอน แต่เธอก็นอนไม่หลับและขอให้จูจูพาเธอไปที่สวนหลังบ้านตอนรุ่งสาง
ห้องโถงใหญ่ของบรรพบุรุษที่งดงามแต่เดิม ถูกเผาไหม้จนหมดสิ้น เมื่อเห็นทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณหญิงแทบจะหยุดหายใจ
พี่เหอรีบพยุงเธอและพูดด้วยความห่วงใย “คุณหญิง เรากลับกันเถอะค่ะ”
คุณหญิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดกับหนานกงเฉินที่กำลังเดินมาหาเธอ “พาฉันไปดูเธอ … ”
หนานกงเฉินพยักหน้าและหลังจากทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว เขาก็พาคุณหญิงไปที่ห้องโถงด้านหลัง
จูจูไม่เคยเห็นโลงคริสตัลในตำนานมาก่อน ในเวลานี้เธอรู้สึกกลัวและมีความคาดหวังเธอคาดว่าผู้หญิงคนนั้นจะถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่าน ยิ่งเธอเดินไปข้างหน้า เธอก็ยิ่งตกใจมากขึ้นและเธอก็จับแขนของคุณหญิงไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว
หนานกงเฉินทำความสะอาดห้องโถงด้านหลังไปแล้วก่อนหน้านี้ เขากดสวิตช์ควบคุมภาคพื้นดินและทางเข้าชั้นใต้ดินก็เปิดออกอย่างช้าๆ
คุณหญิงเดินลงไปช้าๆ แต่จูจูไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปกลับหยุดนิ่ง