หนานกงเฉินหมดสติไปอีกครั้ง ผ่านไปตั้งหลายวันก็ยังไม่ฟื้น
ไป๋มู่ชิงรู้สึกว่าตัวเองจะรับมือไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะเมื่อมีเสียงเตือนของเครื่องมือดังขึ้น กว่าคุณหมอจางจะช่วยชีวิตหนานกงเฉินกลับมาได้ แล้วบอกกับเธอตามตรงเลยว่าชีพจรของหนานกงเฉินเต้นอ่อนแรงมาก เธอก็ยิ่งเสียใจไปกว่าเดิม
ถึงแม้จะไม่อยาก แต่สุดท้ายคุณหมอจางก็บอกความจริงกับพวกเธอบอกว่าหนานกงเฉินมีชีวิตได้อีกแค่สามวัน
สามวัน อีกแค่สามวันเท่านั้น
ไป๋มู่ชิงมองตามแผ่นหลังของคุณหมอจางที่เดินจากไป จากนั้นเธอก็คุกเข่าลงต่อหน้าคุณหญิงแล้วกอดเข่าร้องไห้ “คุณย่า คุณย่าบอกว่าถ้าเอาหัวใจของหนูให้คุณหญิงจิ้งเฉินก็จะมีชีวิตต่อได้ใช่ไหมคะ? คุณย่าเอาหัวใจหนูไปเถอะค่ะ ขอร้อง ขอร้องคุณย่าช่วยเฉินด้วย……”
เธอแค่อยากให้หนานกงเฉินมีชีวิตอยู่ต่อ ถึงแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตตัวเองก็ไม่กลัว
ถ้าชีวิตของเธอสามารถแลกชีวิตของหนานกงเฉินได้ ถ้าเรื่องเล่าเป็นเรื่องจริงก็คงดีสิ!
คุณหญิงเอนตัวลงไปตบบ่าเธอเบาๆ “ลุกขึ้นเถอะมู่ชิง……”
” ไม่ หนูไม่ลุก” ไป๋มู่ชิงเงยหน้ามองไปทั้งน้ำตา “คุณย่า แต่ก่อนหนูไม่ดีเอง หนูปฏิเสธคุณย่า หนูผิดไปแล้ว ตอนนี้หนูยอมควักหัวใจตัวเองขอแค่เฉินได้มีชีวิตอยู่ต่อ ขอร้องเถอะค่ะ……”
“เฉินอยากให้เธอมีชีวิตอยู่ ฉันสัญญากับเฉินว่าจะไม่ทำร้ายเธอ” คุณหญิงนั่งลงมาแล้วลูบเส้นผมเธอ “เฉินพูดถูก หว่านชิงไม่มีคุณพ่อแล้ว ฉันจะทำให้เธอไม่มีแม่อีกไม่ได้ มู่ชิงเธอลืมแล้วหรอว่าเธอยังมีหว่านชิง? เธอจะพูดถึงความตายง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง? เธอทำแบบนี้คุ้มกับความจริงใจที่เฉินมีให้ไหม?”
“หนู……หนูไม่อยากเสียเฉินไป ถ้าไม่มีเฉินหนูก็คงมีชีวิตต่อไปไม่ได้……”
“แล้วเธอก็ยอมให้หว่านชิงกลายเป็นเด็กกำพร้าหรอ?”
“หนูไม่อยาก……” ไป๋มู่ชิงส่ายหัวแล้วใช้มือป้องปากร้องไห้อย่างเสียใจ “หว่านชิง……หว่านชิง……หนูควรจะทำยังไงดี?”
“อย่าร้องไห้เลย” คุณหญิงกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอด น้ำตาของท่านก็ไหลลงมาเหมือนกัน
—
ยืนอยู่หน้าโลงศพคริสตัล คุณหญิงทอดมองไปที่ผู้หญิงในโลงศพเนิ่นนานกว่าจะเอ่ยพูดขึ้น “เธอช่วยชีวิตเฉินได้จริงหรอ?”
อาจารย์หวังพยักหน้าแล้วพูดอย่างหนักแน่น “ได้แน่นอนครับ”
“แม้แต่คุณหมอก็ยังบอกเลยว่าเลือดของเฉินมีปัญหา เขามีชีวิตรอดไม่เกินสามวัน” คุณหญิงหันกลับมาแล้วจ้องไปที่เขาด้วยน้ำตา “เขาถูกผู่เหลียนเหยาวางยาพิษ ผู้หญิงคนนี้ช่วยเขาได้จริงหรอ?”
“อันนี้……” เมื่ออาจารย์หวังได้ยินว่าถูกวางยาพิษก็เริ่มลังเลขึ้นมา “ถ้าเป็นแบบนั้นก็……ไม่กล้ารับประกันครับ แต่สถานการณ์ตอนนี้คุณหญิงก็ลองดูก่อนไหมครับ? คุณหญิงรอมาตั้งกี่ปีก็เพื่อเวลานี้ไม่ใช่เหรอครับ?”
“คุณหญิงฆ่าคนต้องชดใช้ชีวิตนะคะ” พี่เหอเอ่ยปากพูด “สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เซิ่งตงหยางจ้องมองการกระทำของคุณหญิง ถ้าได้หลักฐานความผิดของคุณหญิงตระกูลหนานกงก็คงต้องล้มละลายไป”
เธอเอนไปพูดข้างหูคุณหญิงด้วยเสียงเบา “คุณหญิงคะ พูดอะไรที่ไม่น่าฟัง ตอนนี้ตระกูลหนานกงเทียบกับแต่ก่อนไม่ได้แล้ว คำพูดของใครก็เชื่อไม่ได้”
คุณหญิงมองไปที่เธอ พี่เหอก็พยักหน้าให้ท่าน “คิดดูสิคะทั้งคุณหนูผู่คุณหนูจูแล้วคุณชายเซิ่ง……เปลี่ยนไปหมดเลย”
พี่เหอยืดตัวตรงแล้วเดินไปที่มุมห้องพร้อมจุดธูปขึ้นมา จากนั้นก็ยื่นธูปสามดอกให้คุณหญิง “คุณหญิงคะ ปักธูปเถอะค่ะ แล้วเรารีบไปจากที่นี่”
คุณหญิงรับธูปไปแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าโลงศพพร้อมมองไปที่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นด้วยสีหน้าจริงใจ “ท่านผู้หญิง ฉันไม่รู้ว่าชาติก่อนเฉินอะไรกับคุณ แล้วไม่รู้ด้วยว่าติดค้างอะไรคุณ แต่ว่ากี่ปีนี้มาเฉินทุกข์ทรมานมากแล้ว ขอให้คุณปล่อยเขาไปด้วย ถ้ามู่ชิงเป็นคุณในชาตินี้ ขอแค่เฉินได้มีชีวิตอยู่ต่อ เขาต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิตของเขาชดใช้ให้มู่ชิงแน่นอน ขอให้คุณให้โอกาสเขาอีกครั้ง ขอให้คุณคุ้มครองเขาให้ดีขึ้น ฉันยอมก้มหัวกราบคุณ……”
เมื่อพี่เหอเห็นว่าคุณหญิงเอาแต่ก้มกราบอยู่กับพื้นอย่างนั้น ก็รีบพยุงคุณหญิงแล้วเอ่ยอย่างเป็นห่วง “คุณหญิงอย่าทำแบบนี้เลยค่ะ คุณหญิงจิ้งท่านได้ยินแล้ว ท่านต้องคุ้มครองคุณชายให้ผ่านไปได้แน่นอนค่ะ”
คุณหญิงพูดแล้วส่ายหัว “แม้แต่แรงที่จะฟื้นมาเฉินก็ไม่มี……”
“คุณหญิงขอร้องท่านก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ท่านช่วยคุณชายไม่ได้ ไปขอให้พระคุ้มครองดีกว่าครับ” อาจารย์หวังพูด
คุณหญิงเช็ดน้ำตาบนใบหน้าและพยักหน้า “ได้ ฉันไปขอ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้……”
หลังจากที่คุณหญิงเดินออกจากตระกูลหนานกง ท่านก็ไปที่วัดทันที ท่านคุกเข่าอยู่ต่อหน้าพระพุทธรูปแล้วใช้สีหน้าจริงจังแล้วขอร้องหนานกงเฉินให้ปลอดภัย นอกเหนือจากนั้นท่านก็ไม่มีวิธีอื่นอีกเลย
“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเฉินให้มีชีวิตรอด……” ท่านย้ำๆซ้ำๆพูดคำนี้
“ให้ผมพูด เรื่องเล่าบ้าบออะไรก็เป็นแค่เรื่องปลอม คงจะเป็นเพราะคุณหญิงทำเรื่องชั่วมากเกินไปก็เลยให้คุณชายชดใช้กรรมแทน” ข้างกายก็มีเสียงแทรกคำอธิฐานของคุณหญิง ท่านหันหน้าไปอย่างประหลาดใจ ก็เห็นว่าเซิ่งตงหยางมาถึงข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“แกมาทำอะไร?” คุณหญิงมองไปที่เขาอย่างหงุดหงิด
“ฉันก็ต้องมาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ฉันมาขอร้องเรื่องเงินทองไม่ใช่ชีวิต” เซิ่งตงหยางคุกเข่าลงที่เบาะข้างกายคุณหญิงแล้วไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็หันไปมองคุณหญิง “หรือว่าคุณหญิงลองขอร้องผมสิ? ผมสามารถให้หลานคุณหญิงฟื้นคืนมาได้”
“แกพูดว่าอะไรนะ?” เมื่อคุณหญิงได้ยินเขาบอกว่าสามารถทำให้หนานกงเฉินฟื้นมาได้ ในใจก็รู้สึกมีความหวังแล้วจ้องไปที่เขา
“ผู่เหลียนเหยาเป็นสะใภ้ที่ยังไม่ได้แต่งเข้าบ้านของผม เธอช่วยผมโกหกเซิ่งเคอแล้วยักยอกทรัพย์สินของบริษัทได้ แล้วยังกล้าวางยากับหนานกงเฉินอีก” เซิ่งตงหยางพูดจบก็พูดอีกว่า “คุณหมอตรวจเช็คไม่ได้เลยว่าเฉินถูกวางยาอะไร ก็เลยไม่รู้จะรักษายังไง?”
“แกรู้เหรอว่าเธอวางยาอะไร?”
“แน่นอน”
“งั้นแกก็รีบบอกฉันสิ?” คุณหญิงรีบเอ่ยถาม
เซิ่งตงหยางหันไปมององค์พระพุทธเจ้าจากนั้นก็เอ่ย “ที่นี่ไม่ใช่ที่จะคุย เราขึ้นไปคุยกันในรถดีกว่าไหม?”
“ได้……” คุณหญิงพยักหน้า
“คุณหญิง……” พี่เหอมองกวาดเซิ่งตงหยางแล้วเอ่ยอย่างเป็นห่วง “คำพูดของเขาคุณหญิงเชื่อได้ยังไงคะ?”
ถึงแม้เซิ่งตงหยางจะเชื่อถือไม่ได้ แต่เพื่อที่จะช่วยหลานตัวเองคุณหญิงก็ไม่สนใจอะไรขนาดนั้นแล้ว ก็ลุกขึ้นแล้วเดินตามเซิ่งตงหยางออกไปที่ลานจอดรถนอกวัด
เมื่อขึ้นไปบนรถคุณหญิงก็เอ่ยถามขึ้น “แกรีบอกฉันมาสิว่าเป็นยาพิษอะไร?”
“คุณหญิง บนโลกนี้ไม่มีมื้อกลางวันที่ฟรีหรอกครับ ก็คงต้องทำการแลกเปลี่ยนที่ไม่ขาดทุนใช่ไหมครับ?” เซิ่งตงหยางยิ้ม
“แกจะเอายังไง?”
เซิ่งตงหยางหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้คุณหญิง “ขอแค่คุณหญิงเซ็นเอกสารพวกนี้ ผมก็จะบอกคุณหญิง”
คุณหญิงรับเอกสารมาอย่างลังเลแล้วมืออีกข้างก็หยิบแว่นขึ้นมองกวาดไปที่เอกสารก็รู้สึกประหลาดใจ “เอกสารโอนย้ายหุ้น?”
“ใช่ครับ” เซิ่งตงหยางพยักหน้า “ขอแค่คุณหญิงโอนหุ้นร้อยละสิบห้าของคุณให้ผม ผมก็จะบอกคุณว่าคุณหนูผู่วางยาอะไรให้เฉิน”
“แกฝันไปเถอะ!” คุณหญิงโยนเอกสารกลับไปให้เขา เปิดประตูรถกำลังจะลงไป
“คุณหญิงดูเหมือนว่าคุณจะไม่อยากให้เฉินมีชีวิตอยู่” เซิ่งตงหยางเอ่ยพูด
คุณหญิงหยุดมือที่ดึงเปิดประตูรถ ดูเหมือนว่าจะตกใจกับคำพูดของเขา
ท่านก็ต้องอยากให้หนานกงเฉินมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าท่านโอนย้ายหุ้นที่เหลือให้เซิ่งตงหยาง อีกหน่อยบริษัทหนานกงก็จะเป็นของเซิ่งตงหยาง ถึงแม้ในมือของหนานกงเฉินจะมีหุ้นอีกสิบห้าเปอร์เซนต์ แต่ถ้าเทียบกับเซิ่งตงหยางก็สู้เขาไม่ได้
เซิ่งตงหยางเห็นว่าท่านลังเลก็เอ่ยพูดอีกว่า “ยังไงตอนนี้บริษัทหนานกงก็เหลือแค่สองทางเลือก หนึ่งล้มละลายไป สองให้ผมมาดูแลแล้วรักษาบริษัทไว้ ถ้าคุณหญิงเลือกสองยังสามารถมีเงื่อนไขอีก ก็คือให้คุณชายเฉินได้ฟื้นกลับคืนมา อะไรสำคัญกว่าคุณหญิงคิดพิจารณาดีๆเถอะครับ”
คำพูดของเขากระแทกใจมาก จนคุณหญิงเริ่มหวั่นไหว
ผ่านไปสักพักท่านค่อยเอ่ยขึ้น “ฉันขอคิดก่อน”
“คุณหญิง คุณหมอบอกว่าเฉินมีชีวิตได้อีกสามวัน คุณแน่ใจหรอว่าจะยื้อต่อไป?” เซิ่งตงหยางพูดข่มขู่ “ตอนนี้อวัยวะในร่างกายของเฉินค่อยๆทดถอยไป จนกระทั่งตายหลังจากสามวันนี้ แต่ยังไงถ้าได้แผนการช่วยเหลือก็จะมีโอกาสมีชีวิตรอดมากขึ้น”
ใจคุณหญิงก็ว้าวุ่นไปกว่าเดิม เมื่อลังเลไปอีกครั้งท่านก็เงยหน้ามองไปที่เขา “แกจะช่วยชีวิตเฉินจริงใช่ไหม?”
“แน่นอน” เซิ่งตงหยางยื่นเอกสารกลับไปในมือท่าน “อีกอย่างคุณหญิงต้องคิดให้ดี นอกจากผมกับผู่เหลียนเหยา ไม่มีใครอีกที่สามารถช่วยคุณชายเฉินได้ แล้วผู่เหลียนเหยาก็อยากจะให้เฉินตายด้วย”
“จะให้ฉันเซ็นก็ได้ แต่แกต้องบอกฉันก่อน”
“คุณหญิง อย่าว่าแต่คุณไม่เข้าใจเลย แม้แต่ผมก็ไม่เข้าใจคำศัพท์เฉพาะเหมือนกัน เพราะฉะนั้น……บอกคุณตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์” เซิ่งตงหยางยักไหล่ “แต่ว่าคุณไว้ใจเถอะ รอให้คุณเซ็นเอกสารแล้วผมจะไปคุยกับคุณหมอจางเอง เขาฟังแล้วต้องเข้าใจแน่นอน”
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าแกโกหกฉันหรือเปล่า?” คุณหญิงมองไปที่เขา
เซิ่งตงหยางถามกลับ “แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าถ้าคุณได้แผนรักษาแล้วไม่เซ็นชื่อให้ผม?”
พูดจบ เขาก็ยกข้อมือขึ้นดูเวลา “คุณหญิงรีบตัดสินใจเถอะครับ ผมยังมีธุระสำคัญที่ต้องไปจัดการ”
คุณหญิงยกมือขึ้นกดหัวใจที่กำลังเต้นแรงแล้วสายตาก็จ้องมองไปบนเอกสาร จากนั้นก็กัดฟันรับเอกสารมาจากเขาแล้วเซ็นชื่อตัวเอง
เมื่อเห็นท่านเซ็นชื่อ เซิ่งตงหยางก็ยิ้มแล้วเปิดไปอีกหน้า “ยังมีตรงนี้อีกครับ”
หลังจากที่เซ็นเอกสารในมือเสร็จ คุณหญิงก็โยนเอกสารกลับไปให้เขา “ตอนนี้ไปโรงพยาบาลกับฉันได้หรือยัง?”
“แน่นอนครับ ผมส่งคนไปแล้ว” เซิ่งตงหยางพูดไปด้วยแล้วยิ้มไปด้วย “ยังไงเฉินก็เป็นหลานของผมเหมือนกัน ผมจะไม่ช่วยได้ยังไง คุณหญิงไว้ใจแล้วกลับไปเถอะครับ เฉินต้องฟื้นแน่นอน”
“แน่ใจหรอ?”
“แน่ใจ” เซิ่งตงหยางพยักหน้า
คุณหญิงค่อยเปิดประตูแล้วลงจากรถ เมื่อพี่เหอเห็นท่านลงมาก็มองกวาดไปในรถแล้วพยุงคุณหญิง “คุณหญิงคะ เขาบอกอะไรกับคุณบ้าง? เขาบอกอาการของคุณชายกับคุณหรือเปล่าคะ?”
คุณหญิงมองไปที่เธอแล้วถอนหายใจ “ไปเถอะ เราไปโรงพยาบาลกัน”
ทั้งสองขึ้นรถไปด้วยกัน พี่เหอก็ให้คนขับรถขับไปที่โรงพยาบาล เมื่อถึงโรงพยาบาลคนขับรถก็จอดรถข้างตึกที่หนานกงเฉินพักฟื้นอยู่
พี่เหอพยุงตัวคุณหญิงลงรถ กำลังจะหันหลังเดินเข้าตึกโรงพยาบาล แต่ก็มีเสียงแตรรถดังขึ้น
พี่เหอหันหลังไปก็เห็นว่ามีรถคันสีดำกำลังแล่นมาที่เธอกับคุณหญิง ด้วยสถานการณ์ตอนนั้นเธอก็ผลักคุณหญิงไปข้างทาง “คุณหญิงระวังค่ะ!”
คุณหญิงอายุเยอะแล้วก็เลยเคลื่อนไหวช้า กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็โดนพี่เหอผลักไปนอนอยู่กับพื้น เสียงดัง’ปึง’หัวก็กระแทกไปกับกระเบื้องบนพื้น
รถคันสีดำรีบเหยียบเบรคแล้วจอดลงข้างตัวพี่เหอ ทุกคนก็อึ้งไปหมด
เมื่อเห็นคุณหญิงล้มลงไปกับพื้น พี่เหอที่ได้สติกลับมาก็รีบไปพยุงท่านขึ้นแล้วรีบตะโกนเอ่ย “คุณหญิง คุณหญิงคะ……คุณอย่าทำให้ฉันตกใจสิคะ!”
—
ไป๋มู่ชิงมองผลตรวทที่คุณหมอจางให้มาวันนี้ บนนั้นแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างของร่างกายทดถอยไปกว่าเมื่อวานอีก
เธอยังไม่ทันได้เสียใจ ก็ได้รับข่าวที่ว่าคุณหญิงเกิดอุบัติเหตุ
เธอวางผลตรวจในมือลงแล้วรีบวิ่งไปหาพยาบาล “เธอพูดอะไรนะ? คุณหญิงเกิดอุบัติเหตุ? สาหัสหรือเปล่า? รีบพาฉันไป!”
ไป๋มู่ชิงวิ่งตามพยาบาลไปที่ห้องฉุกเฉิน ก็เห็นพี่เหอตกใจแล้วตัวสั่นเอาแต่ร้องไห้อยู่ตรงนั้น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมถึงโดนรถชนคะ?” ไป๋มู่ชิงพยุงพี่เหอไปนั่งบนเก้าอี้แล้วกุมมือปลอบใจเธอ “พี่อย่าเพิ่งกลัวนะคะ ค่อยๆบอกหนูว่าเกิดอะไรขึ้น?”
พี่เหอเช็ดน้ำตาบนใบหน้าแล้วเอ่ยด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “เป็นเพราะฉัน……ความจริงคุณหญิงก็คงไม่เป็นอะไร เป็นเพราะฉัน……”
“อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ หนูเชื่อว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ” ไป๋มู่ชิงพูดปลอบใจ
ความจริงในใจเธอลนลานมาก หนานกงเฉินไม่มีความหวังที่จะฟื้นมาเลย แล้วคุณหญิงก็เกิดอุบัติเหตุอีก ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อๆกัน ถ้าคุณหญิงล้มลงตอนนี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะทำยังไง
“คุณย่าบาดเจ็บสาหัสไหมคะ?” เธอถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่รู้ค่ะ คุณหมอยังไม่ได้พูดอะไร” พี่เหอส่ายหัวแล้วพูด “เมื่อกี้อยู่หน้าประตูโรงพยาบาล ฉันได้ยินมีคนบีบแตรรถเสียงดัง ตอนหันไปก็เห็นว่ารถคันนั้นกำลังจะพุ่งมาทางพวกเรา ฉันก็เลยผลีกคุณหญิงออกไป สุดท้าย……สุดท้ายหัวท่านก็ไปกระแทกกับกระเบื้องบนพื้นแล้วเลือดออกเยอะมาก……”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้……”
“ขอโทษค่ะ เป็นเพราะฉันใจร้อนเกินไป” ถ้าเธอไม่ผลักคุณหญิงออก คุณหญิงก็คงไม่ล้มหัวฟาดพื้นก็ยังยืนปกติไม่บาดเจ็บเหมือนเธออยู่ข้างทาง
“ไม่โทษพี่หรอกค่ะ พี่ก็หวังดีกับคุณหญิง” ไป๋มู่ชิงพูดปลอบใจเธอไป เธอค่อยสงบสติอารมณ์ได้
ทั้งสองรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินไปหนึ่งชั่วโมงกว่า สุดท้ายประตูห้องฉุกเฉินก็เปิด คุณหญิงที่นอนอยู่บนเตียงก็ถูกบุคลากรทางแพทย์เข็นออกมา
“คุณหญิง……” พี่เหอรีบเดินไปแล้วจับมือของคุณหญิงไว้แล้วมองไปที่บนหัวมีแต่ผ้าพันแผล “คุณหญิง……คุณเป็นยังไงบ้าง? คุณฟื้นสิ……ขอโทษ……”
“คุณย่าท่านเป็นยังไงบ้างคะ?” ไป๋มู่ชิงเอ่ยถามคุณหมอ
คุณหมอมองกวาดไปที่คุณหญิง “คุณหญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แต่ว่าไม่ได้สาหัสมาก อาจจะเป็นเพราะอายุเยอะแล้วก็เลยฟื้นตัวได้ช้า”
“คุณหมายความว่า……คุณหญิงไม่มีอันตรายอะไรใช่ไหมคะ?”
“เรื่องนี้ยังไม่แน่ใจครับ ต้องรอดูก่อนว่าคุณหญิงฟื้นมาได้หรือเปล่า ถ้าฟื้นมาได้ก็แสดงว่าปลอดภัยแล้วครับ” คุณหมอพูดเพื่อที่จะไม่ให้พวกเธอกังวลก็เลยเอ่ยขึ้นอีก “แต่ว่าร่างกายของคุณหญิงถือว่าดีมาก คงจะฟื้นมาได้เร็วคุณหญิงน้อยอย่ากังวลเลยครับ”
“ค่ะ งั้นก็ดี” ไป๋มู่ชิงกับพี่เหอค่อยโล่งอกไป
เมื่อส่งตัวคุณหญิงเข้าไปในห้องพักฟื้น พี่เหอก็ค่อยสงบสติแล้วนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้คุณหญิงเจอกับเซิ่งตงหยางก็เลยเอ่ยกับไป๋มู่ชิง
“ใช่ค่ะคุณหญิงน้อย วันนี้ฉันกับคุณหญิงไปไหว้พระขอพรให้คุณชาย ก็เจอกับเซิ่งตงหยาง ไม่ ควรจะบอกว่าเซิ่งตงหยางตั้งใจมาหาคุณหญิงที่วัด”
“ทำไม?” ไป๋มู่ชิงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
พี่เหอส่ายหัว “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เขาพาคุณหญิงขึ้นไปในรถไม่ให้ฉันได้ยิน แต่ฉันก็ถามคุณหญิงแต่คุณหญิงก็ไม่พูดอะไร”
ไป๋มู่ชิงคิดไปคิดมาก็คิดไม่ออกเลยว่าเซิ่งตงหยางจะหาคุณหญิงทำไม?
“ใช่ค่ะ ฉันได้ยินเซิ่งตงหยางพูดว่าเขารู้ว่าวิธีจะช่วยคุณชาย จากนั้นก็เรียกคุณหญิงไปคุยบนรถ”
ไป๋มู่ชิงอึ้งไปแล้วจ้องไปที่เธอ “พี่หมายความว่า……อุบัติเหตุของคุณหญิงอาจจะเกี่ยวข้องกับเซิ่งตงหยาง?”
แม้แต่เซิ่งเคอก็ยังไม่รู้ เขาจะรู้ได้ยังไง? มีเงื่อนงำแน่นอน!
“ค่ะ” พี่เหอพยักหน้า “เมื่อกี้คนขับรถคนนั้นไม่ได้ชวนพวกเรา ลงมาขอโทษก็ไปทันที ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเซิ่งตงหยางหรือเปล่า”
“ถ้าใช่ ก็แสดงว่าเขาจะฆ่าปิดปากงั้นหรอ?” ไป๋มู่ชิงเอ่ยพึมพำ
จุดประสงค์ที่เซิ่งตงหยางจะฆ่าคุณหญิงปิดปากคืออะไร? ให้คนตระกูลหนานกงตายไปหมดงั้นหรอ? แบบนี้ก็ไม่มีใครมาขวางทางให้เขาแย่งบริษัท? เธอรู้สึกปวดหัวก็เลยใช้มือทุบหัวตัวเอง กี่วันนี้มีเรื่องเยอะแยะให้คิด จนเธอรู้สึกว่าหัวจะระเบิดอยู่แล้ว
ถึงแม้เซิ่งตงหยางจะให้คนทำจริง แต่ก็ไม่ได้ชนโดนใคร เธอจะให้เขารับผิดชอบก็คงยาก
—
ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน คุณหญิงก็ยังไม่ฟื้นแล้วอาการของหนานกงเฉินก็หนักขึ้นกว่าเดิม จากที่คุณหมอบอกว่าสามวันนี่ก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว
ไป๋มู่ชิงมองไปที่สีหน้าซีดขาวของหนานกงเฉินบนเตียงแล้วหันไปทางคุณหมอจาง “ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรอคะ?”
คุณหมอจางก้มหน้าลงไป ก็แสดงว่ายอมรับ
ไป๋มู่ชิงกุมมือของหนานกงเฉินไว้แน่น สิ่งเดียวที่ทำให้เธอยังรู้สึกมีความหวังก็คือมือของหนานกงเฉินยังอุ่น แต่เธอไม่รู้ว่าอุณหภูมิร่างกายของเขาจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน
“เฉิน……นายฟื้นอีกครั้งได้ไหม……?” เธอพึมพำเสียงเบา
“คุณหญิงน้อย คุณชายอาจจะฟื้นมาไม่ได้แล้ว” สุดท้ายคุณหมอจางก็พูดกับเธออย่างไม่ปิดบัง
“ฉันไม่อยากฟัง ฉันไม่ฟัง……!” ไป๋มู่ชิงปิดหูตัวเองไว้แล้วจ้องไปที่เขา “คุณเป็นหมอ! คุณพูดอย่างนี้กับฉันได้ยังไง? ตอนนี้เฉินยังดีอยู่เลย……”
“คุณหญิงน้อย ผมแค่หวังว่าคุณจะเตรียมใจไว้ล่วงหน้า”
“ไม่……ฉันไม่ต้องการ!” ไป๋มุ่ชิงร้องไห้เสียงดังแล้วเขย่าแขนหนานกงเฉินไปด้วย “เฉิน นายได้ยินที่ฉันพูดใช่ไหม? ฉันไม่อยากให้นายจากฉันไป ฉันไม่อยาก……นายฟื้นมาสิ!”
“คุณหญิงน้อย คุณอย่าแตะคุณชาย” คุณหมอจางนำมือของเธอออกจากแขนของหนานกงเฉินแล้วพยุงตัวเธอขึ้น “คุณหญิงน้อยออกไปก่อนเถอะครับ อย่ารบกวนคุณชายพักผ่อนเลย”
“แต่ว่าฉันอยากอยู่กับเขาที่นี่” ไป๋มู่ชิงจ้องเขาทั้งน้ำตา “ให้ฉันอยู่ที่นี่ได้ไหม? ขอร้องล่ะ”
“แต่ว่า……”
หน้าประตูก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วพยาบาลก็เอ่ยเสียงเบา “คุณหญิงน้อยคะ ที่หน้าประตูมีคนตามหาคุณค่ะ”
แต่ไป๋มู่ชิงกลับส่ายหัว ตอนนี้เธอไม่อยากเจอใครทั้งนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม
“คุณแม่……” จนกระทั่งเสียงอ่อนโยนของเสี่ยวหว่านชิงดังขึ้น ไป๋มู่ชิงค่อยหันกลับไปแล้วจ้องไปที่เสี่ยวหว่านชิงด้วยน้ำตา
“คุณแม่เป็นอะไรคะ?” เสี่ยวหว่านชิงเดินเข้ามาแล้วมองสำรวจเธออย่างเป็นห่วง “ทำไมร้องไห้เสียใจขนาดนี้คะ?”
“หว่านชิง……!” ไป๋มู่ชิงกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอดแล้วร้องให้เสียใจมากกว่าเดิม “หว่านชิง……คุณแม่เสียใจมาก คุณแม่ไม่อยากให้คุณอาเฉินตาย คุณแม่ทำใจไม่ได้……”
“คุณพ่อค่ะ ไม่ใช่คุณอา” เสี่ยวหว่านชิงเอ่ย
ไป๋มู่ชิงอึ้งไป เธอปล่อยหว่านชิงแล้วใช้มือจับหน้าเธอไว้ “ใครเป็นคนบอกหนู?”
“คุณพ่อเฉียวบอกหนู เขาบอกว่าคุณอาเป็นคุณพ่อตัวจริง เขาเป็นคุณพ่อตัวปลอม……”
เฉียวเฟิงบอกความจริงกับเธอแล้ว!
“คุณแม่อย่าเสียใจเลยค่ะ คุณลุงบอกว่าจะช่วยรักษาคุณพ่อ”
ไป๋มู่ชิงพยักหน้า แต่ก็ห้ามน้ำตาไม่ได้
เธอไม่เชื่อว่าเฉียวซือเหิงจะช่วยรักษาหนานกงเฉินได้
เธอหันกลับไปทางหนานกงเฉินแล้วจับแขนของไว้ “เฉิน นายได้ยินหรือยัง? หว่านชิงกลับมาแล้ว เธอเรียกนายว่าพ่อ หว่านชิงเรียกนายว่าพ่อครั้งแรกนายจะไม่ตอบตกลงเธอได้ยังไง?”
“หว่านชิง หนูมาเรียกคุณพ่ออีกได้ไหมคะ……เรียกอีกคำนึง” ไป๋มู่ชิงพาหว่านชิงมาที่ข้างเตียงของหนานกงเฉินแล้วกอดตัวเธอไว้
หว่านชิงพยักหน้าจากนั้นก็มองไปที่หนานกงเฉิน “คุณพ่อ”
“เฉิน นายได้ยินหรือยัง?” ไป๋มู่ชิงเอ่ยถามอย่างเสียใจ
หว่านชิงใช้เสียงอ่อนโยนเอ่ย “คุณพ่อรีบดีขึ้นมานะคะ หว่านชิงกับคุณแม่รอคุณพ่อฟื้น คุณพ่อต้องสู้สู้นะคะ”
“หว่านชิงเก่งมาก……” ไป๋มู่ชิงกอดตัวเธอแน่นขึ้น
“คุณหญิงน้อยคะ คุณหมอจางมีเรื่องจะปรึกษากับคุณค่ะ” พยาบาลเอ่ยขึ้น
ไป๋มู่ชิงปาดน้ำตาบนใบหน้าแล้วกุมมือของหนานกงเฉินไว้ จากนั้นค่อยลุกขึ้นแล้วจูงมือหว่านชิงไปที่ห้องทำงานของคุณหมอจาง