มู่นวลนวลนั่งรถกลับบ้านตระกูลมู่
คนรับใช้เห็นเธอ พูดด้วยความเคารพ : “คุณหนูสาม”
ท่าทางของคนรับใช้เปลี่ยนไป จนไม่อยากเชื่อ
ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็เป็นลูกสะใภ้ตระกูลมู่ และตอนนี้มู่หวั่นฉีก็ถูกรายล้อมไปด้วยข่าวเชิงลบ และถ้าเธอไม่ระวังตัวเกมก็อาจจะจบ
“พ่อแม่เขาอยู่กันไหม?” มู่นวลนวลถามอย่างช้าๆ เหมือนท่าทางอารมณ์ดี
ท่าทางของคนรับใช้อ่อนโยนขึ้นแล้ว : “ทุกคนอยู่ค่ะ กำลังรอคุณอยู่ที่ห้องหนังสือ”
……
มู่นวลนวลไปถึงหน้าประตูห้องหนังสือ ยังไม่ได้เข้าไป ก็เพราะเสียงบทสนทนาข้างในหยุดลง
“หวันฉี ทำไมเธอถึงระงับความโกรธไม่ได้! มีเรื่องอะไรก็เรียกเธอมาคุยที่บ้านก็ได้ อยู่ข้างนอกโดนคนแอบถ่ายแล้ว จัดการตอนนี้ก็ยุ่งยาก”
นี่คือเสียงของมู่ลี่หยาน
ถึงแม้คำพูดของเขาจะกำลังด่ามู่หวันฉี แต่ก็ไม่รู้สึกเลยว่าที่มู่หวันฉีทำมีอะไรผิดปกติ
น้ำเสียงของมู่หวันฉีฟังแล้วรู้สึกเหมือนน้อยใจ : “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะเป็นแบบนี้ พ่อ ต้องเป็นมู่นวลนวลวางแผนไว้แต่แรกแล้วแน่นอน”
เวลานี้ เสี่ยวชูเหอก็โต้อย่างรีบร้อน “หวันฉี ฉันรู้จักนวลนวลที่สุด ตั้งแต่เด็กแม้แต่การสอบเธอยังสอบไม่ผ่านเลย เธอจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง แน่นอนว่าไม่ใช่เธอ เธอทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้”
“โง่เหรอ? ตอนนั้นเธอไม่ต้องใช้อิทธิพลของพ่อเธอยังสามารถสอบเข้ามหาวิยาลัยวิทยาลัยภาพยนตร์ Huyang ได้ด้วยตัวเองเลย เธอยังว่าเธอโง่?”
วิทยาลัยภาพยนตร์ Huyang เป็นโรงเรียนศิลปะอันดับต้นๆ ของจีน
“เป็นโชคของเธอเท่านั้น เธออย่าโกรธเลย……”
มู่นวลนวลรู้สึกว่ามู่หวันฉีพูดก็ถูก เสี่ยวชูเหอต้อยต่ำจริงๆ
ในวิดีโอ มู่หวันฉีว่าเธอต้อยต่ำ แต่เสี่ยวชูเหอไม่เพียงแค่ไม่โกรธมู่หวันฉี คาดไม่ถึงตอนนี้ยังเสียแรงเอาใจเธอ กลัวเธอจะโกรธ
มู่หวันฉีคงจะโกรธเรื่องนี้ไม่เบาจริงๆ ปกติจะรักษาภาพภายนอกให้นุ่มนวลกับเสี่ยวชูเหอ ตอนนี้แสแสร้งจนขี้เกียจจะแสแสร้งแล้ว
เธอตะโกนด่า : “เธอหุบปาก พวกเธอแม่ลูกต้อยต่ำเหมือนกันหมด พวกไร้ประโยชน์”
มู่นวลนวลกำลังจะผลักประตูเข้าไป แต่ก็ชะงักเมื่อได้ยิน
เธออยากได้ยินสถานการณ์ของมู่ลี่หยาน
ในห้องเงียบไปพักหนึ่ง มู่ลี่หยานพูดอย่างหนักแน่น : “เลิกทะเลาะกันก่อน ตอนนี้ที่ควรทำคือจัดการกับเรื่องนี้ มู่นวลนวลน่าจะใกล้ถึงแล้ว”
หลังประตู มู่นวลนวลมองไม่เห็นสีหน้าท่าทางของเสี่ยวชูเหอ แต่เธอรู้ว่าสีหน้าท่าทางของเสี่ยวชูเหอต้องน่าดูมากๆในเวลานี้
หลังมู่ลี่หยานพูดจบ ในห้องก็เงียบลง
มู่นวลนวลจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง และผลักประตูเข้ามาอย่างเบาๆ
เธอมองไปรอบๆ ลดสายตาลง เรียกพวกเขาอย่างเบาๆ : “พ่อ แม่”
หลักจากนั้นมองไปที่มู่หวันฉี : “พี่”
“หึ! มู่หวันฉีทำเสียงเย็นชา สีหน้าท่าทางก็เย็นชา : “ไปยืนไกลๆตรงนั้นทำไม เข้ามาสิ!”
มู่นวลนวลทำท่าหวาดกลัว ค่อยๆเดินเข้าไป
เธอมองเสี่ยวชูเหออย่างเคยชิน
แต่ว่า เสี่ยวชูเหอหันหน้าไปทางอื่น ไม่มองเธอ
ใบหน้าของมู่นวลนวลเต็มไปด้วยความผิดหวัง กำลังเตรียมจะไปนั่งที่โซฟา
ทันใดนั้น มู่หวันฉี “พรวด” ตัวเองลุกขึ้น ยกมือขึ้นตบมู่นวลนวล
เสียงดัง : “เพี้ยะ” ดังสะท้อนในห้องหนังสือ
มู่นวลนวลโดนตบหน้าหัน ใบหน้าร้อนวูบวาบ เธอยกมือขึ้นลูบ ใบหน้าของเธอชาไปหมด
มู่หวันฉีตบอย่างมีความดุร้าย
เธอมองไปที่มู่นวลนวลที่ดูโง่เขลาหลังจากถูกตบ แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ายังไม่เพียงพอ จะตบเธออีกครั้ง
มู่นวลนวลเหล่ตา แล้วขยับมือ ตั้งใจจะสู้กลับ
ขณะนี้ มู่ลี่หยานที่ไม่พูดจาก็เอ่ยออกมากะทันหัน : “พอแล้ว! เข้าเรื่องก่อน!”
“พ่อ!” มู่หวันฉีมองไปที่มู่ลี่หยาน : “ฉันเห็นเธอแล้วแล้วมีความโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันก็จะไม่เป็นแบบนี้ เมื่อกี้มีเพื่อนหลายคนส่งข้อความมาถามฉันเรื่องข่าวบนอินเทอร์เน็ตว่ามันเกิดอะไรขึ้น……”
มู่ลี่หยานยกมือขึ้นเล็กน้อย เพื่อส่งสัญญาณให้มู่หวั่นฉีรอก่อนใจเย็นๆ อย่าเพิ่งใจร้อน
ถ้าพูดถึงในบ้านนี้ คนที่มู่หวันฉีเชื่อฟังที่สุด ก็ต้องเป็นมู่ลี่หยานแหละ
มู่ลี่หยานในฐานะหัวหน้าครอบครัว ยังคงมีความน่าเชื่อถืออย่างมาก
เขาขมวดคิ้วหันไปมองที่มู่นวลนวล : “นวลนวล เธอพูดมา วิดีโอในอินเทอร์เน็ตมันเกิดอะไรขึ้น?”
มู่นวลนวลรู้สึกขมขื่นในใจ เมื่อกี้ตอนอยู่ข้างนอก ตอนที่มู่ลี่หยานพูดถึงตัวเธอเขาเอ่ยชื่อเต็มว่า “มู่นวลนวล” แต่ตอนนี้เรียกเธอว่า “นวลนวล” แล้ว
เธอเงยหน้าขึ้น ทำท่าทางร้องไห้ให้ดูน่าสงสาร พูดอย่างเสียงเบาๆ : “พ่อ ฉันไม่รู้จริงๆว่าวิดีโอในอินเทอร์เน็ตนั้นมันเกิดอะไรขึ้น……”
พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเธอสะอึกสะอื้น เธอสูดน้ำมูก น้ำตาค่อยๆไหลลงมาจากกรอบแว่นตา
แต่เธอยังคงร้องไห้ คำพูดน้อยใจไปทางมู่หวันฉี : “พี่ พี่เชื่อฉันนะ ฉันจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง ฉันจะทำร้ายพี่ได้ยังไง พวกเราคือครอบครัวเดียวกันนะ……”
มู่หวันฉีมองไปที่มู่นวลนวลอย่างสงสัย และพยายามหาร่องรอยของการโกหกบนใบหน้าของมู่นวลนวล
แต่ว่า สีหน้าเศร้าของมู่นวลนวลแทบจะไม่แสดงร่องรอยการโกหกใดๆ เลย
เธอได้แค่หันไปมองมู่ลี่หยาน
มู่ลี่หยานก็กำลังมองมู่นวลนวล
เขารู้สึกว่า ลูกสาวคนนี้ที่ไม่เคยให้ความสนใจมากนัก จากวันที่เธอเริ่มแต่งงานกับตระกูลโม่ มีอะไรเปลี่ยนไปแล้ว
แต่เวลานี้ เธอยืนอยู่ตรงหน้า ยังขี้เหร่และอ่อนแอเหมือนเดิม
แม้แต่มู่หวันฉีตบเธอเมื่อกี้ และจะตบอีกครั้ง เธอกลับไม่มีท่าทีจะหลบ ทำไมถึงมีการตอบสนองอย่างคนปกติช้าขนาดนี้?
คิดอย่างนี้ สำหรับคำพูดของมู่นวลนวล มู่ลี่หยานก็เชื่อไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ควบคุมคนโง่คนหนึ่ง สบายมาก
มู่ลี่หยานเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย และพูดกับมู่นวลนวลด้วยน้ำเสียงจริงจัง : “ใช่ พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ต้องคิดถึงคนในครอบครัว ตอนนี้คนในอินเทอร์เน็ตเข้าใจพี่สาวเธอผิดไปแล้ว และสิ่งที่เธอต้องทำ ก็คือไปอธิบายเรื่องเข้าใจผิดให้ชัดเจนกับพวกเขา”
เข้าใจผิด?
มู่หวันฉีว่าเธอกับเสี่ยวชูเหอว่าต้อยต่ำ ว่าพวกเธอเป็นหมา พวกเขารวมกันบังคับเธอให้แต่งงานกับครอบครัวมู่ ทั้งหมดคือเข้าใจผิด?
คนบนโลกพูดว่านักธุรกิจทุกคนล้วนชั่วร้าย นั้นก็คือพูดไม่ผิด มู่ลี่หยานพลิกด้านเรื่องถูกผิดนี้ได้เก่งมาก
มู่นวลนวลทำท่าทางตกใจ มองไปที่มู่หวันฉีด้วยสายตาที่เป็นห่วง : “ฉัน……ฉันสามารถอธิบายให้ชัดเจนได้แน่นอน พี่ไม่ต้องเป็นห่วง”
มู่หวั่นฉียิ้มมุมปาก ร่องรอยการดูถูกฉายแววในดวงตาของเธอ
เชื่อฟังยิ่งกว่าหมาจริงๆ
เสี่ยวชูเหอที่อยู่ด้านข้างไม่มีความสุขเหมือนพวกเขา เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่ามู่นวลนวลมีอะไรผิดปกติ
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของมู่ลี่หยาน และเสียงของเขาก็เบาลง: “ต่อไปเราจะมีงานแถลงข่าว พวกฉันให้เธอพูดอะไร เธอก็พูดตามนั้น”
“อื้ม” มู่นวลนวลพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
แววตาของมู่ลี่หยานเต็มไปด้วยความพอใจ : “โอเค ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว อยู่กินข้าวก่อนค่อยไป”
มู่นวลนวลลดสายตาลงปกปิดความเยาะเย้ยภายใต้ดวงตาของเธอ : “โอเค”