มู่นวลนวลแกล้งโง่ แต่งตัวให้ขี้เหร่ในตระกูลมู่มานานหลายปี คนในตระกูลมู่ถูกเธอแสดงท่าทางออกมาว่าโง่สะเพร่า
แต่ตระกูลเก่าแก่อายุนับร้อยปีอย่างตระกูลโม่แม้จะเป็นแค่คนรับใช้ก็รู้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง โม่ถิงเซียวและ “โม่เจียเฉิน” สองพี่น้องเลย
เธอไม่สามารถแสร้งโง่ต่อหน้าพวกเขาได้ ดังนั้นเธอจึงไม่คิดจะแกล้งโง่ตั้งแต่เริ่ม
ดังนั้นเมื่อออกจากตระกูลมู่ เธอก็ไม่ต้องปิดบังอะไรมากมาย
เมื่อโม่เจียเฉินหันมาเห็นใบหน้าของเธออารมณ์ที่แสดงออกว่าผ่อนคลายอย่างธรรมชาติ ไม่รอดพ้นสายตาของเขา
เธอดูเหมือนจะกลัวว่า “โม่เจียเฉิน” จะฉุดรั้งความสัมพันธ์มาก
ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าเธอเกลียดเขาที่เป็น “โม่เจียเฉิน”ลูกพี่ลูกน้องของเขา ที่เขาปั้นเรื่องขึ้นมา แต่ในใจของเขาก็มีอาการใจร้อนเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก
อิ๊ด- –
รถเบรกอย่างแรง ยางถูกับพื้นด้วยเสียงที่รุนแรง
มู่นวลนวลตัวเอนไปข้างหน้า จากนั้นก็เด้งกลับไปบนเก้าอี้
เธอระงับความโกรธและหันมองไปที่ “โม่เจียเฉิน นายทำอะไร?”
โม่เจียเฉินพูดด้วยสีหน้านิ่งสงบ : “มือลื่น”
“นาย…..” เขาอธิบายด้วยความไม่จริงใจ ทำให้มู่นวลนวลรู้สึกหมดคำพูด
คุณชายที่นิสัยแบบนี้ นอกจากเธอจะต้องทนแล้ว ยังจะสามารถพูดอะไรได้อีก?
โม่เจียเฉินมองท่าทางเธอที่พยายามอดทน รอยยิ้มก็ฉายแววในดวงตาของเขา
มู่นวลนวลรู้สึกว่าเธอกับ “โม่เจียเฉิน” ไม่ลงรอยกันแน่นอน เจอเขาก็ไม่มีเรื่องดี ทำให้เธอมีความคิดที่จะอยู่ห่างจากเขามากขึ้น
……
รถจอดลงที่หน้าคฤหาสน์โม่ถิงเซียว
มู่นวลนวลพูด : “ขอบคุณ” และเปิดประตูรถวิ่งเข้าคฤหาสน์ไป
เธอถามบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าประตู : “คุณชายของพวกเธออยู่ไหม?”
เธอกล้ากลับไปที่ตระกูลมู่ด้วยความมั่นใจ แต่โม่ถิงเซียวยังให้ “โม่เจียเฉิน” ไปรับเธอ ในใจของเธอเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
บอดี้การ์ดเห็นโม่ถิงเซียวที่ถือกุญแจรถเดินตามมา สีหน้าไร้ความตั้งใจพูดว่า : “คุณชายออกไปทำธุระ ยังไม่กลับมาครับ”
“อย่างนี้นี่เอง……” มู่นวลนวลหยุดและพูดอีกว่า : “งั้นถ้าเขากลับมาแล้ว พวกเธอก็บอกฉันด้วย”
เธออยากขอบคุณโม่ถิงเซียวต่อหน้า
บอดี้การ์ดตอบอย่างเคารพ : “ได้ครับ”
โม่ถิงเซียวเดินขึ้นไป จ้องมองข้างหลังมู่นวลนวล พูดกับบอดี้การ์ดว่า : “เธอบอกว่าอะไร?”
“นายหญิงถามว่าถ้าคุณชายอยู่บ้านหรือเปล่า ถ้าคุณกลับมา ให้แจ้งเธอด้วยครับ” บอดี้การ์ดตอบอย่างตรงไปตรงมา
……
มู่นวลนวลกลับถึงห้อง ก็เข้าไปดูอีเมลว่ามีคำเชิญให้ไปสัมภาษณ์หรือเปล่า
สุดท้ายก็มีไม่กี่บริษัทเล็กๆส่งจดหมายคำเชิญสัมภาษณ์มาให้
หลังจากที่เธอเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่เคยขอเงินจากตระกูลมู่ ปีนี้เพิ่งเรียนจบ เงินเดือนของเธอก็ไม่สูง แค่พอเลี้ยงตัวเองได้
เธอแต่งงานกับตระกูลโม่ ตระกูลโม่ให้สิ่งดีๆกับตระกูลมู่ก็ไม่น้อย แต่เธอไม่เคยเห็นเลย งานหายเพราะแต่งงาน ตอนนี้เธอขาดแคลนเงิน จึงต้องรีบหางาน
เธอดูบริษัทที่ส่งคำเชิญสัมภาษณ์พวกนั้นมาอย่างคร่าวๆ กฏไม่เยอะ แต่พูดถึงสำหรับเธอที่เป็นเด็กจบใหม่ไม่นาน ก็ไม่เลว ดังนั้นเธอวางแผนจะไปสัมภาษณ์ทั้งหมด
เธอปิดคอม และออกจากห้องไปที่หน้าบันได มองไปที่ห้องโถง พบว่าที่ห้องโถงก็ยังไม่มีใคร
เมื่อกี้เธอก็ไม่ได้ยินเสียงรถ โม่ถิงเซียวน่าจะยังไม่กลับมา
เธอได้แค่กลับไปรอต่อที่ห้อง
รอจนมืดค่ำ ก็ยังไม่เห็นโม่ถิงเซียวกลับมา
มู่นวลนวลคิดๆ อยากไปห้องครัว
โม่ถิงเซียวน่าจะกลับมากินข้าว? เธอทำกับข้าวขอบคุณเขาก็ดี
ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่จนถึงทุกวันนี้ ในคฤหาสน์ก็มีแค่บอดี้การ์ดไม่กี่คน เธอกินข้าวในคฤหาสน์น้อยครั้งมาก ปกติโม่ถิงเซียวกินข้าวก็เป็นฝีมือของบอดี้การ์ดเหล่านี้ทำ?
โม่ถิงเซียวเป็นผู้ชายที่นิสัยแปลกจริงๆ แค่คนรับใช้ก็ยังไม่รับมา
เป็นดั่งที่คาดไว้ เมื่อเธอเข้าไปในห้องครัว ก็มีบอดี้การ์ดเดินเข้ามา : “นายหญิงคุณหิวหรอ? อยากทานอะไรพวกเราทำให้ก็ได้”
“ไม่เป็นไร ฉันทำเอง ฉันจะทำให้คุณชายของพวกเธอทาน ” มู่นวลนวลพูดไปด้วยเปิดตู้เย็นไปด้วย
บอดี้การ์ดได้ยิน ก็ไม่บังคับ : “ต้องการอะไรก็เรียกพวกเราได้นะครับ”
มู่นวลนวลยิ้ม : “โอเค”
ในตู้เย็นเต็มไปด้วยอาหาร แบ่งเป็นเนื้อสัตว์ ผัก ต้องการอะไรก็มีทุกอย่าง
เธอไม่แน่ใจว่าโม่ถิงเซียวชอบกินอะไร คิดว่าจะออกไปถามบอดี้การ์ดก็ได้ยินน้ำเสียงต่ำๆของผู้ชายดังขึ้นที่ด้านหลัง : “เนื้อตุ๋น เกี๊ยวผัก……เผ็ดๆหน่อย น้ำมันน้อย”
มู่นวลนวลหันไปอย่างตกใจ ก็เห็น “โม่เจียเฉิน” ไม่รู้มายืนข้างหลังเธอตอนไหน
เขาเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสีเข้ม มือสองล้วงไปในกระเป๋ากางเกง ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยร่างกายที่สูงยาว ถึงแม้จะไม่พูดอะไร แต่ก็ทำให้คนยากที่จะมองข้าม
เขาก้มหน้ามองมู่นวลนวล พูดต่อว่า : “อ่อ เพิ่มไข่ตุ๋นอีกหนึ่ง อันนี้ไม่ต้องใส่พริก”
มู่นวลนวล : “……”
นี้ก็คือการเริ่มสั่งอาหารแล้ว เห็นเธอเป็นพนักงานร้านอาหารหรอ?
เขาพูดจบก็เดินออกไป มู่นวลนวลรีบดึงมือของเขา ถามต่อ : “พี่ชายของนายชอบกินอะไร?”
โม่จียเฉินหยุดเดิน และหันกลับไปมองเธอ : “ที่ฉันบอกไปทั้งหมดนี้ เขาชอบหมด”
“ใช่หรอ?” ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าทั้งหมดนี้คือ “โม่เจียเฉิน”ชอบกิน
โม่เจียเฉินจ้องมองเธอ ยื่นมือไปบนผมของเธอ เลื่อนฝ่ามือลงมา จับไปที่ท้ายทอยของเธอ บังคับให้เธอมองหน้าเขา
ส่วนสูงของเขาเหมาะกับเธอ ก้มลงต่อหน้าเธอ ใบหน้าหล่อเหลาดูไม่ออกว่าอารมณ์ไหน : “เธอคิดว่าฉันจะโกหกเธอเพื่อกินข้าวเหรอ?”
ใบหน้าของทั้งสองคนใกล้กันมาก เวลาเขาพูด ลมร้อนที่หายใจออกมารดใบหน้าของเธอ ทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว
เธอสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน ใบหน้าของสะท้อนอยู่ในดวงตาสีดำสนิทของเขา
ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเกี่ยวกับใบหน้าของเธอ ตอนนี้มองแล้วเหมือน……ทั้งโง่ทั้งขี้เหร่จริงๆ
จู่ก็เธอรู้สึกว่าความสามารถของ “โม่เจียเฉิน” ยังคงแข็งแกร่ง เหมือนตอนนี้ที่คุณชายที่ร่ำรวยเห็นผู้หญิงสวยๆ จูบลงบนใบหน้านี้ของเธออย่างไม่คาดคิด!
โม่เจียเฉินเห็นเธอจ้องมองตัวเอง ริมฝีปากโค้งงอ เขาเลื่อนมือลงบนลำคออันบอบบางของเธอ ลูบสัมผัสทีละนิ้ว : “มองฉันแบบนี้ คือคิดว่าอยากกำจัดคนกากๆแบบนั้นแล้วมาอยู่กับฉันใช่ไหม?”
นิ้วมือของเขาค่อนข้างเย็น เหมือนมีกระแสไฟฟ้า ทำให้เธอสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว
มู่นวลนวลกลับมามีสติทันที และผลักเขาออก “โม่เจียเฉิน” : “นายพูดซี้ซั้วอะไร!”
โม่ถิงเซียวไม่ได้ตั้งตัวจึงถูกเธอผลักออกไปสองก้าวถึงตั้งตัวได้ แต่ก็ไม่ได้แยแสอะไร สีหน้าเหมือนคนไม่เป็นอะไร : “เชื่อฉัน นั้นคือเมนูที่โม่ถิงเซียวชอบกิน ยิ่งไปกว่านั้น คืนนี้ฉันมีงานเลี้ยง”
เขามองเธออย่างมีความหมายแล้วค่อยๆเดินออกจากห้องครัวไป
เมื่อเขาเดินหายไป มู่นวลนวลก็ยื่นมือไปพิงประตูตู้เย็น ยืนหอบอย่างคงที่
เธอยื่นมือไปจับลำคอตัวเองอย่างสั่นๆ เมื่อจับ เธอก็หดมือลงเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต
หลังจากใจเย็นลง มู่นวลนวลมั่นใจได้ว่า “โม่เจียเฉิน”ตั้งใจแหย่เธอเมื่อกี้นี้