แพทย์ได้โม่เจียเฉินฉีดยาลดไข้และอาการของเขาก็คงที่แล้ว
ตอนที่มู่นวลนวลหาผ้าเช็ดหน้ามาช่วย “โม่เจียเฉิน” เช็ดเหงื่อ คนอื่นในห้องได้ออกไปหมดแล้ว
เธอรู้สึกแปลกๆ ในใจ ในห้องอาหารวันนั้น เธอตกอยู่ในอ้อมแขนของ “โม่เจียเฉิน” และถูกซือเย่เห็น แต่ซือเย่กลับไม่พูดอะไร ไม่สงสัยกลับให้เธอดูแล “โม่เจียเฉิน”
“แม่……”
“โม่เจียเฉิน” เริ่มพูดละเมอ มู่นวลนวลช่วยเขาเช็ดเหงื่อกำลังจะเอามือออกพอดี แต่คิดไม่ถึงว่าเขาดึงมือเธอไว้
มู่นวลนวลใช้แรงพยายามเอามือเขาออก แต่เธอพบว่ามือของเขาจับเธอไว้แน่นเหมือนเหล็กแหนบ ทำให้เธอไม่สามารถดึงออกได้เลย
เธอจ้องมองเขาอย่างหงุดหงิด : “ฉันไม่ใช่แม่นาย ปล่อยมือ!”
แต่ผู้ชายที่หลับใหลไม่ได้ยินเธอเลย แค่อยากจับมือเธอไว้แน่นๆ คิ้วที่โค้งงอค่อยๆคลายออก ลมหายใจก็กลับมาปลอดภัย
เวลานี้สายเข้าของเซินเหลียงก็โทรมา
“เสี่ยวเหลียง เธอถึงแล้วก็?”
“ฉันถึงหน้าคฤหาสน์แล้ว เธออยู่ไหน?”
มู่นวลนวลก้มหน้ามอง “โม่เจียเฉิน” ที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เธอลองดึงมือกลับมา สุดท้ายเขากลับจับไว้แน่น เธอหมดหนทางจึงได้แค่เรียก ให้ซือเย่ไปรับเซินเหลียงเข้ามา
เซินเหลียงเข้าประตูมา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ : “ไไหนบอกว่าโม่ถิงเซียวขี้เหร่ไม่ใช่หรอ? นี่เรียกขี้เหร่?”
ซือเย่ที่อยู่ด้านหลัง พูดอธิบาย : “นี่คือลูกพี่ลูกน้องของคุณชาย โม่เจียเฉิน”
“ลูกพี่ลูกน้องเหรอ?” เซินเหลียงมองที่ซือเย่ : “นั้นทำไมเขาถึงดึงมือของมู่นวลนวล? พี่สะใภ้กับน้องชาย ไม่เหมาะสมนะ”
ซือเย่ถูกเธอถามจนสำลัก
มู่นวลนวลได้ยิน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซือเย่ นี่ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอต้องการจะถาม
ซือเย่อดกลั้นมานาน เขาบีบคำสองสามคำ: “พี่สะใภ้คนโตก็เหมือนแม่”
มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซือเย่โดยไม่ยิ้ม : “ดังนั้นเมื่อกี้เขาเรียกฉันว่าแม่?”
“……”คุณชาย รีบตื่นมาเถอะ ผมรับความกดดันไม่ไหวแล้ว!
ซือเย่หาข้ออ้างที่จะออกไปอย่างหมดหวัง
“นายนั่งลงก่อน รออีกแปปเดี๋ยวพวกเราออกไปกินข้าวกัน” มู่นวลนวลตบเก้าอี้ข้างๆเธอ
หลักจากเซินเหลียงนั่งลง ก็เข้าไปใกล้เพื่อดู “โม่เจียเฉิน”
แม้แต่ในวงการบันเทิงเซินเหลียงก็เคยเห็นหนุ่มหล่อและสาวสวยที่ร่ำรวยมานับไม่ถ้วน และเมื่อเห็นใบหน้าของเขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา : “โอ้ว ยีนของตระกูลโม่ดีขนาดนี้เลยหรอ? หล่อจัง คนจริงๆใช่ไหม?”
เธอพูดไปด้วย ยื่นมือไปจับใบหน้าของเขาไปด้วย
ผลสุดท้าย มือของเธอยื่นออกมาได้เพียงครึ่งหนึ่ง ชายบนเตียงที่หลับตาอยู่ก็ลืมตา
มีความสับสนชั่วขณะในดวงตาสีดำสนิทของเขา แต่ภายในสองวินาทีความสับสนก็หายไปอย่างหมดจดแทนที่ด้วยความเย็นชาอย่างที่สุด
เซินเหลียงกำลังสั่นสะท้านเมื่อมองเข้ามาในดวงตาของเขา “ฟึบ” ดึงมือกลับ พูดด้วยความยากลำบาก “ตื่นแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นดวงตาของโม่เจียเฉินไม่ดี เธอยื่นมือออกไปอยู่ตรงหน้าเซินเหลียง พูดกับเขา : “ทำอะไร นี่เพื่อนฉัน!”
เมื่อโม่เจียเฉินมองไปที่มู่นวลนวล ใบหน้าที่ตึงคลายลงเล็กน้อยความเย็นชาในดวงตาของเขาหายไป น้ำเสียงแหบแห้ง : “น้ำ”
มู่นวลนวลยกมือตัวเองที่ถูกเขาจับไว้อยู่ขึ้นมา พูดอย่างโกรธว่า : “นั่นนายก็ปล่อยฉันก่อน!”
โม่เจียเฉินมองไปที่มือทั้งสองที่จับไว้ และมองเธออย่างลึกซึ้ง ปล่อยมือของเธอ
มู่นวลนวลลุกขึ้นกำลังจะออกไป ก็ได้ยินเสียงมีคนข้างนอกกำลังคุยกัน
“ฉันจะเขาไปดูเขาก่อนว่าตายหรือยัง”
“คุณชาย เขาไม่สบายจริงๆ”
สองเสียงนั้นคุ้นหูมาก แต่มู่นวลนวลฟังออกแค่เสียงที่พูดข้างทีหลังนั้นคือซือเย่
ต่อมา ประตูก็ถูกเปิด
กูจื่อหยานและซือเย่คนหนึ่งนำหน้าคนหนึ่งตามหลังยืนอยู่ที่หน้าประตู
กูจื่อหยานคิดไม่ถึงว่ามู่นวลนวลก็อยู่ เขาตกใจก่อน จากนั้นเขาก็หยิบแว่นออกมาใส่อย่างใจเย็นและพูดอย่างสุภาพว่า : “คุณหญิงโม่ก็อยู่เหรอ?”
มู่นวลนวล :”……ใช่ค่ะ”
ความเร็วในการเปลี่ยนหน้า ก็นับว่ารวดเร็ว
“ได้ยินว่าโม่เจียเฉินไม่สบาย ดังนั้นผมเลยมาเยี่ยม เขา…..” กูจื่อหยานพูดยังไม่จบ ก็ถูกขัดจังหวะแล้ว
“กูจื่อหยาน!”
มู่นวลนวลหันไป ก็เห็นเซินเหลียงเดินไปหากูจื่อหยานในขณะที่ม้วนแขนเสื้อขึ้น เธอเดินเข้าไปและต่อยกูจื่อหยานที่ท้องโดยตรง
กูจื่อหยานถูกหมัดของเธอต่อยจนถอยหลังไปสองก้าว เมื่อมองก็รู้สึกเจ็บแทน แต่เขากำหมัดแน่นและไม่แม้แต่กระพริบตา
มู่นวลนวลตะลึง นี่มันอะไรกัน?
หลังจากในห้องเงียบไปไม่กี่วิ กูจื่อหยานหัวเราะเบาๆ และพูดด้วยเสียงต่ำ : “คุณเซิงเหลียง ลงมือหนักขนาดนี้ ต่อยจนพิการคุณจะเลี้ยงผมไหม?”
เซินเหลียงกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา : “ฉันเคยบอกว่า เห็นนายหนึ่งครั้ง ต่อยนายหนึ่งครั้ง!”
มู่นวลนวลไม่เคยเห็นเซินเหลียงเป็นแบบนี้มาก่อน เธอเห็นความเกลียดชังในดวงตาของเซินเหลียง
เซินเหลียงหันไปมองเธอ : “ฉันไปรอเธอข้างนอก”
มู่นวลนวลพยักหน้า
เมื่อเซินเหลียงออกไป กูจื่อหยานเหมือนคนไม่เป็นอะไร มุ่งตรงมานั่งข้างเตียง จ้องโม่เจียเฉินสักพัก ก็พูดว่า : “นายไม่สบายจริงๆเหรอ?”
ก่อนหน้านี้โม่เจียเฉินบอกว่าวันนี้จะเข้าไปบริษัท ดังนั้นได้ยินเขาไม่สบาย กูจื่อหยานก็รู้สึกว่าไม่จริง
“ออกไปไกลฉันหน่อย” โม่เจียเฉินขมวดคิ้ว อย่าเปิดเผยความลับกับกูจื่อหยาน
เขามองมู่นวลนวลอย่างเย็นชา
มู่นวลนวลรู้รับได้ถึงความหมายในสิ่งที่เขาอยากจะแสดงออก : “ให้ซือเย่ไปหยิบน้ำให้นายละกัน”
เธอมีความเป็นห่วงเซินเหลียง พูดจบก็ออกไป
โม่เจียเฉินมองซือเย่อย่างเย็นชา : “ออกไป”
ซือเย่พยักหน้า : “ผมจะรีบไปเอาน้ำมาให้ครับ”
โม่เจียเฉินน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ไม่อยากดื่มแล้ว”
ซือเย่ : “…..” คุณชาย นับวันยิ่งแปลกๆจริง
……
มู่นวลนวลออกไป ก็ดึงเซินเหลียงลงไปข้างล่าง : “เธอกับกูจื่อหยานรู้จักกันมาก่อน?”
“อื้ม” เซินเหลียงหยุดชั่วคราว แล้วเสริมว่า : “นายคนนั้นเป็นหนี้ฉันก็นับว่าถ้าฉันฆ่าเขา เขาก็จะไม่ต่อสู้กลับ”
ฟังแบบนี้ เซินเหลียงและกูจื่อหยานมีความแค้นกันอย่างมาก
มู่นวลนวลไม่ได้ถามอะไรมาก และเธอก็ไม่ได้พูดเรื่องสัมภาษณ์สมัครงานเลย
ทั้งสองคนไปกินข้าว กับข้าวเพิ่งจะมา โม่เจียเฉินก็โทรมา
เธอไม่ได้เซฟเบอร์เขาไว้ ดังนั้นก็ไม่รู้ว่า “โม่เจียเฉินโทรมา”
“กลับตอนไหน?” เสียงของโม่เจียเฉิน จะฟังดูอ่อนแอเพราะความเจ็บป่วย แต่ก็เป็นที่จดจำได้อย่างมาก และมู่นวลนวลก็สามารถจำได้
มู่นวลนวลถาม : “มีธุระอะไร?”
เขาเงียบไปสองสามวินาทีก่อนที่จะมีเสียง : “ฉันยังไม่ได้กินข้าว”
“ถ้ากินไม่ได้ให้หมอฉีดยาให้นะ ฉันยัง … ”
เธอยังพูดไม่จบก็ถูกตัดบท :”อยากกินฝือมือเธอ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่กระปรี้กระเปร่าและท่าทางที่หยิ่งผยองตามปกติของเขาทำให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจน การได้ยินมันในหูของมู่นวลนวลทำให้รู้สึกไม่พอใจอย่างอธิบายไม่ถูก
เซินเหลียงตอนที่ก่อนที่เธอจะรับสาย ก็ใส่หูฟังอยู่
เธอเขย่าน้ำผลไม้ในแก้วแล้วยิ้มอย่างมีความหมาย : “ลูกพี่ลูกน้องสุดหล่อคนนั้นโทรมาหาเธอเหรอ?”