จนกระทั่งทั้งแก้มทั้งสองข้างของมู่หวันฉี บูดบวมจนแทบมองไม่เห็นรูปหน้าเดิมของเธอเลย โม่ถิงเซียวก็ยังไม่ได้เรียกให้หยุด
แต่กลับเป็นมู่นวลนวลที่ทนดูต่อไปไม่ไหว เธอใช้ขาที่อยู่ใต้โต๊ะเตะขาเขาเบาๆ และกระซิบกับเขาว่า“ โม่เจียเฉิน!”
โม่ถิงเซียวหันหน้ามามองเธอ รู้ว่าเธออยากให้ตัวเองเรียกหยุด จึงได้ใช้นิ้วที่เรียวยาวของเขาเคาะที่โต๊ะสองครั้ง แล้วค่อยๆพูดอย่างเฉยชาว่า:”พอแล้ว คุณมู่นี่ก็โหดร้ายนะ ลูกสาวสุดที่รักตัวเองแท้ๆ ยังลงมือได้หนักขนาดนี้ ”
ฟังไม่ออกเลย น้ำเสียงของเขาที่พูดออกมาเหมือนตัวเองไม่ใช่ต้นเหตุซะงั้น แต่กลับเหมือนเป็นแค่ผู้ชมที่รอชมการแสดง
มู่ลี่หยานรู้สึกกล้ำกลืน ตอนนี้ก็ไม่สามารถที่จะว่ากล่าวอะไรเขาได้ เขามองลงไปที่มู่หวันฉี เเล้วรีบเบี่ยงหน้าหนีทันที
หน้าของมู่หวันฉี่บวมอย่างกับหัวหมู เห็นแล้วไม่น่ามองเอาซะเลย
โม่ถิงเซียวมองไปที่หมู่หวั่นฉี่ แล้วพูดอย่างเป็นกันเอง:“ลูกสาวของคุณสมควรที่จะโดนสั่งสอน แต่คุณก็ไม่ควรลงมือหนักขนาดนี้ ควรมีการยั้งมือบ้าง”
มู่ลี่หยานรู้สึกตื้นตันใจ ได้แต่ก้มหน้าลง ไม่ตอบโต้อะไรเลย
แผนการของโม่ถิงเซียวได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย เขาขี้เกียจที่จะต้องอยู่อีกต่อไป จึงได้หันหน้าไปมองมู่นวลนวล แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง: “กินอิ่มหรือยัง?”
มู่นวลนวลรีบเก็บสีหน้าที่ประหลาด แล้ววางพายฟักทองที่ยังกินไม่หมดลง พร้อมกับพยักหน้า:”อิ่มแล้ว”
“ไปกันเถอะ”โม่ถิงเซียวพูดจบ ก็ลุกขึ้นเดินออกไปเลย
มู่นวลนวลรีบหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งตามไปทันที
โม่ถิงเซียวเป็นคนที่ทั้งสูงแล้วก็ขายาว ระหว่างที่หมู่นวลนวลวิ่งตามออกไป เขาก็ได้เดินไปถึงครึ่งทางแล้ว
เธอวิ่งเหยาะๆเพื่อตามให้ทันเขา ทันใดนั้นก็ได้เห็นเขาหันหลังกลับมามองเธอ จากนั้นก็ได้ยืนหยุดนิ่ง ราวกับว่ากำลังรอเธอ
อาจเป็นเพราะวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย และอาจเป็นเพราะผลกระทบจากเสี่ยวชูเหอ จู่ๆตาของเธอก็เริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เสี่ยวชูเหอเคยพาเธอไปสวนสนุกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนั้นมู่หวันฉี่ก็ไปด้วยเช่นกัน
เสี่ยวชูเหอมัวแต่ดูเเลมู่หวันฉี่ ไม่มีเวลาสนใจเธอเลย เธอในตอนนั้นยังเป็นเด็ก เจออะไรก็อยากรู้อยากเห็นไปซะทุกอย่าง ต่อมาเธอก็ถูกทิ้งให้เดินอยู่ข้างหลังพวกเขา และเธอก็ได้มองเห็นเสี่ยวชูเหอเดินหายไปจากฝูนชนโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับมามองเธอแม้แต่สักครั้งเดียว
ในตอนนั้นเธอภาวนาให้เสี่ยวชูเหอหันมาหาเธอบ้าง
โม่ถิงเซียวเห็นเธอยืนนิ่งอยู่กับที่ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเดินกลับมาหา:”เธอเป็นอะไร?”
มู่นวลนวลรีบก้มหน้าลงแล้วเช็ดตาทันที เสร็จก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากที่ตาของเธอจะแดงเล็กน้อยแล้ว ก็มองไม่ออกว่ามีตรงไหนที่แปลกไป
“ล้มพัดแรงไปหน่อย ฝุ่นเลยเข้าตา”
เธอคิดว่าคำโกหกของเธอจะถูกโม่เจียเฉินเปิดโปง แต่ไม่คาดคิดว่าเขาไม่เปิดโปงเธอแล้ว ยังโน้มตัวลงมา:”เธออย่าขยับ ขอฉันดูก่อน”
หมู่นวลนวลยังคงจมอยู่กับความรู้สึกดีๆที่โม่เจียเฉินช่วยเธอเมื่อกี้นี้ จึงยืนนิ่งๆไม่ขยับตัวไปไหน พร้อมกับเงยหน้าให้เขาดูตาเธอ
แต่เธอกลับลืมไปเลยว่า ถึง”โม่เจียเฉิน”จะทำอะไรดีๆเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษ
เธอมอง”โม่จียเฉิน”ที่ค่อยๆเข้ามาใกล้เธอ และใบหน้าของเขาใกล้ใบหน้าของเธอเข้ามาเรื่อยๆ ในใจเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี จึงอยากจะถอยห่างออกไป
โม่ถิงเซียวเห็นอย่างงั้นจึงรีบยื่นมือเข้าไปจับหลังศีรษะเธอ แล้วก้มลงจุ๊บปากเธอ จากนั้นก็รีบถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
เริ่มจากที่เขาจุ๊บเธอแล้วถอยห่าง ใช้เวลาไม่ถึงสองวินาที
สักครู่หนึ่ง หมู่นวลนวลก็ได้รู้สึกตัวขึ้นมา เธออยากที่จะด่าเขา แต่ว่าเขาพึ่งช่วยเธอไปเมื่อกี้นี้เอง
แต่ถ้าจะให้ไม่ด่าเขา….มันเป็นไปไม่ได้
“โม่เจียเฉิน! นายช่วยเอาหน้านายหน่อยได้ไหม” หมู่นวลนวลรู้สึกว่าเธอเริ่มจะคิดคำด่า”โม่เจียเฉิน”ไม่ได้ซะแล้ว
ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็มีแต่คำว่า”ไร้ยางอาย หน้าด้าน”เธอหาคำอื่นที่จะมาใช้ด่าเขาไม่ได้แล้ว
แต่เขาก็ยังไม่สำนึกผิด
“หืม มู่นวลนวล ฉันสามารถจูบลงไปที่ใบหน้าอันน่าเกลียดของเธอ เธอควรจะรู้สึกดีนะ”เขาพูดไปด้วยยื่นมือลูบไปที่ใบหน้าครึ่งซีกที่บวมจนเขียวของเธอ
มู่นวลนวลรีบสะบัดมือเขาออก มองด้วยสายตาที่เยือกเย็น:”อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวฉัน”
เหมือนกับว่า”โม่เจียเฉิน”จะรู้สึกสนุกกับการแกล้งเธอ จึงได้ยื่นมือไปจับอีก มู่นวลนวลก็จะสะบัดมือเขาออก
แต่ครั้งนี้ เธอไม่สามารถสะบัดออกได้ เพราะ”โม่เจียเฉิน”ได้จับมือเธอไว้ทันที
มือของหญิงสาวราวกับไม่มีกระดูก จับไว้บนมือนิ่งอย่างกับอะไรสักอย่าง
สายตาของโม่ถิงเซียวรู้สึกสนใจบางอย่าง จึงได้จับมือเธอมาลูบแล้วลูบอีก ก่อนที่มู่นวลนวลจะโมโห เขาก็จับมือเธอแล้วเดินไปข้างหน้า
“นายปล่อยมือฉันนะ!”มู่นวลนวลดิ้นไปมา
เธอรู้สึก”โม่เจียเฉิน”ในวันนี้ไม่มีความเกรงใจใดๆเลย จูบเธอในที่สาธารณะแถมยังมาจับมือเธออีก
ที่ตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากมู่กรุ๊ป และพนักงานบางคนก็จะมากินข้าวที่นี่ เกิดคนอื่นมาเห็นเข้าหละ…….
มู่นวลนวลรู้สึกถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องเป็นบ้าเพราะ”โม่เจียเฉิน”เเน่นอน
เธอไม่สามารถเอาชนะมือของ”โม่เจียเฉิน”ได้ และก็ไม่สามารถสงเสียงดังเกินไป กลัวคนอื่นจะมาสนใจ สุดท้ายแล้วก็ต้องปล่อยให้เขาจับมือเธอเดินไปที่รถอยู่แบบนั้น
หลังจากที่ทั้งสองได้เดินจากไป มู่หวันฉีที่ใบหน้าบวมอย่างกับหัวหมู ได้เดินออกมาจากหลังเสาที่อยู่ตรงประตูทางเข้าห้องอาหาร เธอมองไปที่รูปถ่ายที่ตัวเองพึ่งจะถ่ายไปเมื่อกี้ พร้อมกับสายตาที่อาฆาต
มู่นวลนวลขึ้นชื่อว่าเป็นนายหญิงของตระกูลโม่ พัวพันกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ เธอจะดูว่าทั้งสองคนนี้จะจัดการปัญหาที่จะเกิดขึ้นนี้ยังไง
ความทุกข์ทรมานที่ได้รับมาจากวันนี้ เธอจะไม่ยอมปล่อยให้มันผ่านไปอย่างง่ายดายแบบนี้หรอก
…………
มู่นวลนวลถูก”โม่เจียเฉิน”พาไปที่คลินิก ประคบหน้าและก็ทายาลดอักเสบ จากนั้นก็กลับไปทำงานที่มู่กรุ๊ปต่อ
เมื่อไปถึงที่ทำงาน เธอพึ่งจะนั่งลงที่โต๊ะทำงานของเธอ ก็ได้ยินข้างๆมีคนกำลังพูดว่ามู่หวันฉีลาหยุดกลับบ้านไปพักผ่อนแล้ว
คนที่กำลังพูดหันไปเห็นมู่นวลนวลมาแล้ว ก็รีบลดเสียงให้เบาลง
อย่างไรก็ตาม มู่นวลนวลก็ได้ยินคำพูดพวกนั้นแล้ว
“ฉันรู้สึกว่ามู่นวลนวลนี่ไม่ธรรมดา….ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในบริษัท ผู้จัดการของบริษัทก็มีเรื่องตลอด ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือขอลาต่างๆ”
มู่นวลนวลคิดแล้วคิดอีก มันเป็นอย่างที่คนอื่นพูดจริงๆด้วย
เริ่มแรกคือ ซุนเจิ้งหัว ต่อมาคือมู่หวันฉี
แต่นี่จะมาโทษเธองั้นหรอ? เป็นพวกเขาเองที่มาหาเรื่องเธอก่อน!
หลังจากที่เลิกงาน หมูนวลนวลก็ได้เก็บของเตรียมตัวกลับ ก็ได้เหลือบไปเห็นเลขาของมู่ลี่หยานกำลังเดินมา
“คุณมู่คะ ท่านประธานเรียกคุณไปพบค่ะ”
มู่ลี่หยานจะเรียกเธอไปทำอะไร?
หรือจะเป็นเพราะว่าเรื่องเมื่อเช้า จึงอยากแก้แค้นแทนมู่หวันฉีเหรอ?
ดูจากความรักความเอ็นดูที่มู่ลี่หยานให้กับมู่หวันฉีแล้ว มันน่าจะเป็นไปไม่ได้นะ
และแล้วมู่นวลนวลก็ได้ใช้น้ำเสียงที่จริงจังและอ่อนโยนตอบกลับไปว่า:”ขออภัยนะ เวลานี้เป็นเวลาเลิกงาน ถ้าท่านประธานจะหาฉันเพราะเรื่องงานละก็ พรุ่งนี้ฉันจะไปหาท่าน แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว ท่านคงจะโทรหาฉันเอง อีกอย่างฉันต้องไปเยี่ยม’เพื่อนผู้ชาย’ที่ทำงานหนักจนเป็นลมแทนฉันในตอนที่ฉันโดดงานอีก”
เลขาของมู่ลี่หยานอยู่ทำงานกับเขามาหลายปี อย่างน้อยๆก็รู้เรื่องราวของมู่นวลนวลเล็กน้อย หน้าตาธรรมดา การตอบสนองช้า
เรื่องของบริษัทในช่วงนี้เขาก็รับรู้ ต่พอมาเจอกับหมู่นวลนวลเเล้ว พึ่งจะสังเกตเห็นว่าเธอไม่ใช่เพียงแค่สวยขึ้น แต่ยังปากเก่งขึ้นเยอะเลย
เลขายังไม่ยอมแพ้ที่จะพูดต่อ:”ยังไงก็ควรจะมีคำอธิบายให้ประธานมู่ ที่ให้คุณไปหาท่าน”
มู่นวลนวลตอบกลับโดยการ สะพายกระเป๋าแล้วเดินออกไปเลย