“เอาล่ะ รีบไปโรงเรียนได้แล้ว ถ้าไปรายงานตัวสายมากตั้งแต่วันแรกที่มาเรียน จะดูไม่ดีเอา” พอมู่นวลนวลพูดจบก็นึกขึ้นมาได้ถึงเรื่องที่จะต้องเตือนเขา “แล้วก็ อย่าไปก่อเรื่องที่ไหนล่ะ”
“ผมได้ก่อเรื่องที่ไหนกัน” โม่เจียเฉินทำหน้าไม่พอใจ
นายก่อไปไม่น้อยเลยมากกว่า
ทว่ามู่นวลนวลก็ไม่ต่อประโยคเขาแล้ว มีแต่บอกให้เขารีบไปเสีย
โม่เจียเฉินเอาเงินเก็บใส่กระเป๋า สีหน้าเคร่งขรึม เปิดปากเอ่ยอย่างลังเลว่า “ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไร” มู่นวลนวลแทบจะไม่เคยเห็นสีหน้าที่จริงจังแบบนี้จากเขามาก่อนเลย จึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ถ้าหากเป็นไปได้ เธอไปหย่ากับพี่จะดีที่สุด เขาไม่ใช่คนดี” และโม่เจียเฉินก็เสริมอีกว่า “นี่ผมจริงใจนะ ไม่ใช่พูดเพื่อที่จะได้ให้เธอมาเป็นแฟนผมแทน”
ถ้าโม่เจียเฉินไม่พูดประโยคหลัง มู่นวลนวลก็เกือบเชื่อไปอย่างนั้นแล้ว
เธอจ้องเข้าไปในดวงตาของโม่เจียเฉิน “อย่าพูดไปเรื่อยน่า เด็กน้อย ถ้านายยังไม่ไปฉันจะโทรหาพี่นายนะ”
“โอเค งั้นผมไปก่อนนะ” เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็หันหลังกลับมาพูดอย่างจริงจังว่า “ที่ผมพูดไป ผมหมายความตามนั้นจริงๆ นะ”
มู่นวลนวลเอามือยกขึ้นมาทำท่าโทรศัพท์ เขายักไหล่ขึ้นหนึ่งที แล้วจึงวิ่งลับตาไป
โม่เจียเฉินยังมีนิสัยเป็นเด็กๆ อยู่ ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ แต่ก็พูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง ที่แน่ๆ โม่ถิงเซียวไม่ใช่คนที่ดีอะไร
……
ตอนที่มู่นวลนวลเดินกลับไปก็ได้พบเข้ากับมู่หวันฉี
พอมู่หวันฉีเห็นมู่นวลนวลก็ชักสีหน้า
แต่พอเธอได้มองดูเสื้อผ้าที่มู่นวลนวลสวมใส่ ดวงตาของเธอก็ลุกโพลงด้วยความประหลาดใจ
ระยะหลังมานี้ เสื้อผ้าที่มู่นวลนวลใส่มาทำงานดูธรรมดาและเรียบง่ายมาก ไม่มีตรงไหนที่ดูเหมือนคุณหญิงที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยเลย
และชุดที่เธอใส่มาวันนี้ แม้ว่าภายนอกจะดูจืดชืดไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ความจริงแล้วเป็นเสื้อผ้าจากแบรนด์ชั้นนำชื่อดัง การตัดเย็บไปจนถึงแบบเสื้อช่างดูประณีตงดงาม
ใคร ใครเป็นคนซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ให้เธอ โม่เจียเฉินงั้นหรอ
มู่หวันฉีเอามือกอดอก เชิดหน้าขึ้นและใช้หางตามองเธอ “ได้ยินคุณพ่อพูดมาว่า เธอชักจูงให้โม่ถิงเซียวช่วยมู่กรุ๊ปไม่ได้อย่างงั้นหรอ”
“ใช่ ฉันจะไปมีปัญญาพูดโน้มน้าวคนแบบเขาได้ที่ไหนกัน แล้วทำไมเธอไม่ลองดูเองล่ะ” สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะโม่ถิงเซียวมู่นวลนวลเลยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก จึงไม่มีเวลามาเล่นกับมู่หวันฉี
“ถ้าฉันอยากทำฉันก็จะทำเอง เธอคิดว่าฉันไม่กล้าหรอ” มู่หวันฉีส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ และเดินออกไปด้วยความรู้สึกภาคภูมิ
มู่นวลนวลคิดว่าเซินเหลียงพูดถูก มู่หวันฉีคือเจ้าหญิงที่เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย และไม่อาจรักษาให้หายได้
เดิมทีมู่หวันฉีตั้งใจจะไปอ่อยเหยื่อใส่ “โม่เจียเฉิน” พอล้มเหลว ก็เปลี่ยนเหยื่อมาเป็น “โม่ถิงเซียว” แม้ว่ามู่นวลนวลจะรู้ว่าคนสองคนนี้ คือคนคนเดียวกัน แต่สำหรับมู่หวันฉีแล้ว พวกเขาคือคนละคนกัน
เธอคิดว่าผู้ชายทุกคนบนโลกใบนี้หมุนรอบตัวเธอ
มั่นใจขนาดที่คิดว่า ผู้ชายทุกคนจะต้องหลงเสน่ห์เธอ
หมดหนทางจะเยียวยาแล้ว
มู่นวลนวลยิ้มเยาะ คิดที่จะยั่วยวนโม่ถิงเซียวอย่างงั้นหรอ เกรงว่า แม้มู่หวันฉีจะอยากพบหน้าเขา เธอก็คงจะไม่ได้พบ
……
เชิ่งติ่งมีเดีย
โม่ถิงเซียวเดินทางมาถึงบริษัท เพียงแค่ย่างเท้าเข้าห้องทำงานตน กูจื่อหยานก็ก้าวเท้าเข้าห้องตามมาติดๆ
“ได้ยินมาว่า ตอนกลางคืนวันเสาร์ นายให้ซือเย่เอาเสื้อไปให้ที่ร้านจินติ่งหรอ” กูจื่อหยานหัวเราะร่วน สายตาสื่อว่าตนมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ถ้าเขาไม่พูดถึงเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ตอนเย็นก็ว่าไปอย่าง แต่พอถูกพูดสะกิดขึ้นมา สีหน้าของโม่ถิงเซียวก็ขรึมขึ้น
“ว่างมากนักหรอ” โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมาจากกองงานเอกสาร
กูจื่อหยานรับรู้ได้ถึงลางไม่ดี “ก็ดี…..ก็พอตัวอยู่…..”
ช่วงนี้หลังจากที่โม่ถิงเซียวเข้าบริษัทมาจัดการงานเอกสารเอง เขาผู้อำนวยการในนามก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ
โม่ถิงเซียวตัดสินใจว่าค่อยสนใจเขาในภายหลัง เปิดคอมพิวเตอร์ แล้วกดไปดูที่หน้าข่าว
หัวข้อข่าวที่ดึงดูดสายตา “คนวงการบันเทิง ควงสองสาวเข้าร้านหรูไปสนุกกันทั้งคืน”
โม่ถิงเซียวเลื่อนเมาส์เพื่อกดเข้าไปอ่านเนื้อหาข่าว
เขามองเพียงปราดเดียวก็อ่านข่าวเสร็จ มุมปากยกขึ้นก่อนพูดว่า “นายนี่มันจริงๆ เลยนะ”
“ทำไม มีอะไร” กูจื่อหยานเดินเข้ามาหา ก็เห็นพาดหัวข่าวใหญ่ เนื้อหาข้างในมีรูปภาพประกอบ เป็นภาพตอนที่เขาพาผู้หญิงสองคนเดินเข้าร้านจินติ่งพอดี
ตอนนั้นเป็นตอนกลางคืนชัดๆ ปาปารัสซี่ที่แอบถ่ายยังถ่ายออกมาได้ชัดเจนขนาดนี้ ผู้หญิงสองคนเดินขนาบข้างเขา จากมุมในภาพที่ถูกถ่ายออกมา ดูจากท่าทางแล้วบอกได้เลยว่า พวกเขาจะต้องสนิทสนมมากกันเป็นพิเศษ
“เขียนใส่สีตีไข่มั่วไปทั่ว นั่นเป็นรูปเมื่อวันเสาร์ตอนกลางคืน ฉันพาพนักงานสองคนไปช่วยเอาของที่จินติ่ง ตอนนั้นพนักงานคนนั้นถือของจะล้ม ฉันก็เลยช่วยเธอต่างหาก”
กูจื่อหยานโกรธจนจะระเบิด
“อื้ม” โม่ถิงเซียวก็ไม่พูดเตือนเขาว่า เซินเหลียงอาจจะเห็นข่าวนี้แล้วก็ได้
เมื่อกูจื่อหยานด่าระบายอารมณ์เสร็จ จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ สบถคำโตก่อนจะหยิบโทรศัพท์โทรหาเซินเหลียง
เซินเหลียงรับโทรศัพท์ในชั่วอึดใจ ใจของกูจื่อหยานเต้นแรงขึ้น แต่ไหนแต่ไร เซินเหลียงไม่เคยรับโทรศัพท์เขาเร็วแบบนี้มาก่อน
พอรับโทรศัพท์ เซินเหลียงก็โพล่งคำด่าถาโถมเข้าใส่กูจื่อหยาน “ไอขยะหน้าไม่อาย โทรหาฉันทำไม ชอบเที่ยวโอ้อวดชาวบ้านเขาไปทั่ว ว่าตัวเองมีน้ำยาจนเล่นสนุกพร้อมกันสองคนได้งั้นหรอ ถ้าอย่างงั้นฉันก็ขออวยพรให้นายตายเพราะทำเรื่องอย่างว่ามากเกินไป ไสหัวไปให้ไกลเลยนะ แล้วก็ไม่ต้องโทรมาหาอีกล่ะ รังเกียจ! ”
พูดจบเธอก็วางหูใส่เขาทันที
“เซินเสี่ยวเหลียง ด่าจนไม่หยุดหายใจเลยนะ แล้วเก่งจังที่วางหูไปเฉยๆ แบบนี้” กูจื่อหยานร้อนรนขึ้น ปกติเซินเหลียงจะไม่รับโทรศัพท์เขา หรือถ้ารับโทรศัพท์ เธอก็มักจะอารมณ์ไม่ดี และคราวนี้ฟังดูแล้วน่าจะโกรธจนไม่ให้อภัยเขาง่ายๆ
และเขาก็โทรกลับไปอีกรอบ หากแต่เซินเหลียงไม่รับโทรศัพท์เขา
“ขออภัยค่ะ ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้”
“ขออภัยค่ะ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”
“ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกปิดให้บริการชั่วคราวค่ะ”
กูจื่อหยาน “……..”
บล็อคเบอร์เขาอีกแล้วหรอ
เขาทุ่มแรงอย่างมหาศาลเท่าที่มี เพื่อให้เอาเขาออกมาจากแบล็คลิสต์ ตอนนี้เพราะข่าวคาวข่าวหนึ่ง เขาก็ถูกผลักกลับไปอยู่ในแบล็คลิสต์อีกครั้ง
“แม่งเอ๊ย”
กูจื่อหยานไม่ล้อเลียนโม่ถิงเซียวต่อ ออกไปออกคำสั่งกับเลขา “ให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ประชุมเรื่องนี้ทันที”
ถ้าเขารู้ว่าใครเป็นคนเขียนข่าวนี้ขึ้นมา เขาจะเอามันตายอย่างแน่นอน
……
จู่ๆ มู่นวลนวลก็ได้รับโทรศัพท์จากเซินเหลียง
ช่วงนี้เซินเหลียงเหนื่อยอยู่ทุกๆ วัน เพราะต้องออกไปโปรโมตหนังตัวใหม่ของเธออยู่ ทั้งสองคนเลยไม่ได้ติดต่อกัน
เซินเหลียงติดต่อเธอมา เธอก็นึกว่าเซินเหลียงจะกลับมาแล้ว
กลายเป็นว่า เพียงแค่เธอกดรับโทรศัพท์ ก็ได้ยินเสียงโกรธขึ้งของเธอ “กูจื่อหยานก็เป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง ระยำ เลวทราม ดีแต่แพร่พันธ์ไปทั่ว! ”
มู่นวลนวลงุนงงสับสน พลางนวดหูตัวเองที่เกือบดับ “กูจื่อหยานทำอะไรอย่างงั้นหรอ”
“เธอยังไม่ได้อ่านข่าวหรอ เขาพาผู้หญิงสองคนไปเล่นสนุกกันตลอดทั้งคืน แล้วเธอคิดว่าคนที่น่าสะอิดสะเอียนแบบเขา จะพาผู้หญิงตั้งสองคนไปทำอะไรกันล่ะ ”
มู่นวลนวลหูก็ฟัง มือก็ขยับเมาส์เข้าไปอ่านข่าวบันเทิงยอดฮิต ก็เห็นรูปของกูจื่อหยานพาผู้หญิงสองคนเข้าไปในร้าน และความนิยมของข่าวนี้ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มู่นวลนวลก็นึกขึ้นออกว่า รูปนี้ถูกถ่ายที่หน้าร้านจินติ่ง ลักษณะท่าทางของเขากับผู้หญิงทั้งสองคนดูลึกซึ้งกันมาก