ประชุมเสร็จมู่ลี่หยานพูดกับมู่นวลนวล : “นวลนวลไปที่ห้องทำงานพ่อ”
“ค่ะ”
มู่นวลนวลรู้ดีว่าพ่อเรียกเขาไปทำไม
ในที่ประชุมตอนที่เสนอแนวคิดที่จะให้ซือเฉิงยวี่มาเป็นนายแบบรับรองสินค้าให้ มันชัดเจนมากว่ามู่ลี่หยานชอบข้อเสนอนี้
มู่นวลนวลเดินออกจากห้องประชุม มู่หวันฉีก็ยืนขวางเธอไม่ให้ไป
“พี่มีเรื่อวอะไรหรอคะ?” มู่หวันฉีฉีดน้ำหอมกลิ่นฉุนมาก ทำให้นวลนวลต้องเดินถ่อยออกห่างเพราะทนกลิ่นน้ำหอมไม่ได้
มู่นวลนวลไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเธอแต่อย่างใด แต่เธอกลับรู้สึกว่ามู่นวลนวลแสดงอาการเช่นนี้เหมือนรังเกียจเธอ
มู่หวันฉีสีหน้าเปลี่ยนไป เธอไม่พอใจพูดเสียงแข็ง : “มู่นวลนวล!เธออย่าคิดนะว่าโม่ถิงเซียวช่วยมู่กรุ๊ปให้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ทำให้คุณพ่อชอบใจแล้วเธอจะได้หน้า อย่าลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมีตอนนี้ใครเป็นคนให้เธอ!”
ช่วงนี้เธอเหมือนไม่มีตัวตนเลยในบริษัท
พนักงานทุกคนหันไปชื่นชมมู่นวลนวล อีกทั้งมู่ลี่หยานยังทำให้เธอกลายเป็นคนไม่มีอำนาจอะไรเลยในบริษัท
มันทำให้เธอรู้สึกระแวงและไม่ปลอดภัย
“พี่ให้ฉันหรอ?”
มู่นวลนวลยิ้มแหยะๆ : “คำหมั้นสัญญาที่จะให้แต่งานกับคนตระกูลโม่คุณปู่เป็นคนให้ไว้ ชวิตของฉันคือคุณพ่อและคุณแม่ให้ฉันมา ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพวกเขา และแน่นอนว่าฉันไม่มีทางลืมว่าใครให้มันกับฉัน”
“มู่นวลนวล!” มู่หวันฉีเรียกด้วยความโมโห
ตั้งแต่เล็กจนโต มู่นวลนวลเป็นเพี่ยงแค่ของเล่นของเธอเท่านั้น
ในตอนแรก เธอบอกเสี่ยวชูเหอให้เอามู่นวลนวลไปเป็นสะใภ้ตระกูลโม่ เพราะหวังให้โม่ถิงเซียวที่คนอื่นมองว่าเขาไม่ปกติรังแกเธอ
มู่หวันฉีไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งมู่นวลนวลจะได้ดีกว่าเธอ
ทำให้เธอรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม
ผู้หญิงที่ธรรมดาและน่าเกรียดไม่มีอะไรดีเลย มาวันนี้ทำไมถึงได้ดีกว่าเธอ
เธอโมโหมากจนหลุดปากพูด ฉันเกรียดเธอมู่นวลนวล!
“ทำไมพี่ต้องโมโหขนาดนั้นละคะ! กลับไปให้แม่เคี่ยวซุปที่ช่วยบำรุงและลดไฟในตัวให้นะคะ ”หลังจากที่มู่นวลนวลพูดจบเธอก็ผลักเธอออกไปเบา ๆ : “พ่อยังรอฉันอยู่ที่ห้องทำงาน ลาก่อนนะคะ”
มู่หวั่นฉีมองไปที่มู่นวลนวลอย่างคับแค้นใจ เธอกำมือแน่น โกรธถึงขั้นไม่รู้ตัวว่ากัดปากตัวเองจนเลือดออก
…………
ห้องทำงานมู่ลี่หยาน
“มีอะไรหรอคะคุณพ่อ?” ถึงเธอจะรู้อยู่แล้วว่าพ่อเธอเรียกมาทำไมแต่เธอก็ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
มู่ลี่หยานพูดเสียงเบา : “นวลนวล เป็นเพราะความช่วยเหลือจากลูกทำให้บริษัทผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ พ่อต้องขอบใจลูกมากจริงๆ ”
“คุณพ่อพูดกับหนูเองไม่ใช่หรอคะว่าหนูก็นามสกุลมู่ มันเป็นสิ่งที่หนูควรทำพ่อไม่ต้องของคุณหนูหรอกค่ะ” เธอลดเปลือกตาลงเพื่อปกปิดแววตาของตัวเอง
มู่ลี่หยานไม่ใช่คนโง่ เขารู้ตัวดีว่าเมื่อก่อนเขาไม่ได้ดีกับมู่นวลนวล ตอนนี้เลยกลัวว่ามู่นวลนวลจะจำฝังใจแล้วทำอะไรให้เขาเสียหาย
แต่นิสัยของคนเราถูกปลูกฝังสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูแลมู่นวลนวลเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม จากที่มู่นวลนวลดีกับเสี่ยวชูเหอทำให้เขารู้ว่ามู่นวลนวลเป็นคนขี้ใจอ่อน
แต่เขาลืมไปว่าคนเราไม่ว่าจะเป็นคนใจออนแค่ไหนถ้าเกิดโดนทำรายโดนรังแกบ่อยครั้งมันก็อาจจะเปลี่ยนไปกลับกลายเป็นคนใจแข็งดั่งหิน
มู่ลี่หยานได้ยินมู่นวลนวลพูดเช่นนั่นก็รู้สึกพอใจมาก : “พอลูกแต่งงานแล้วลูกก็เข้าใจอะไรง่ายยิ่งขึ้น ข้อเสนอในที่ประชุมลูกมีความเห็นว่าอย่างไร?”
“เป็นข้อเสนอที่ดีค่ะ แต่หนูกลัวว่าจะยาก งานที่ซือเฉิงยวี่รับเป็นงานใหญ่ ตารางงานก็คงแน้นมาก อย่าพูดถึงงานที่พวกเราเสนอให้เลยค่ะ แค่งานนายแบบรับรองของสินค้าระดับนานาชาติและงานโฆษณาเขาก็ยุ่งจนไม่มีเวลาว่างทำอะไรแล้วค่ะ”
อีกอย่างไม่มีดารานักแสดงคนไหนที่จะเป็นนายแบบรับรองสินค้าขององกรค์ที่อาจจะมีผลเสียต่อตัวพวกเขา เพราะมันจะทำให้แฟนคลับไม่พอใจ
ยิ่งเป็นซือเฉิงยวี่แล้วยิ่งเป็นไปได้ยาก
มู่ลี่หยานเข้าใจในสิ่งนี้ดี
เพียงแต่ว่า ถึงแม้ว่ามู่กรุ๊ปจะทำให้ซือเฉิงยวี่ลดตัวลงมาเป็นายแบบรับรองสินค้าให้ไม่ได้ แต่ตระกูลโม่ทำได้
ถ้าหากว่ามู่นวลนวลไปขอร้องคนตระกูลโม่ให้ช่วย ให้คนตระกูลโม่ไปกดดันซือเฉิงหยี่ ซือเฉิงหยี่คงไม่กล้าที่จะปฏิเสธ
ความคิดของเขาประทุขึ้นมา ใบหน้าแสดงออกถึงความมั่นใจ
มู่ลี่หยานเดินเข้าไปตบไหล่มู่นวลนวล : “งานนี้มันยากที่คนอื่นจะทำสำเร็จ เพราะฉนั้นพ่อจะมอบหน้าที่นี้ให้เป็นหน้าที่ของลูก พ่อเชื่อว่าลูกทำได้!”
“คือ……….” มู่นวลนวลกังกล : “หนูไม่แน่ใจว่าจะทำได้ เพราว่า……….”
“ตอนนี้อย่าพูดว่าทำไม่ได้ แม้ว่าจะทำไม่ได้แต่ลูกก็มีโม่ถิงเซียวไม่ใช่หรอ……….” แล้วเขาก็ไม่พูดต่อ
มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อ “หนูจะพยายามค่ะ”
พยายามก็แปลกละ!
มู่ลี่หยานพบว่าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากมู่นวลนวลได้ จึงกดดันเธอให้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ
เขาไม่คิดถึงเลยว่ามู่นวงลนวลเคยขอให้โม่ถิงเซียวช่วยเหลือมู่กรุ๊ปให้ผ่านวิกฤตไปแล้ว ครั้งนี้จะไปขอให้เขาช่วยอีกมันจะสร้างความไม่พอใจให้กับมู่ถิงเซียว และอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของมู่นวลนวลและโม่ถิงเซียวได้
เขาคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเอง
มู่นวลนวลเดินออกจากห้องก็เจอกับมู่หวันฉี
มู่หวันฉีทำเสียงฮึ!ไม่พอใจ เบียดมู่นวลนวลออกแล้วก็เดินเข้าไป
ก่อนจะเดินจากไป มู่นวลนวลได้ยินมู่หวันฉีพูด : “เรื่องแค่นี้หนูก็ทำได้ ก็แค่ให้ซือเฉิงยวี่มาเป็นนายแบบรับรองสินค้าให้ ก็ไปหาเขาแล้วก็จับเขามา………”
พอมู่นาลนาลได้ยินเช่นนั้นเธอรู้เลยว่ามู่หวันฉีโง่แค่ไหน
แม้ว่าซือเฉิงหยี่ไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของโม่ถิงเซียว แต่จากชื่อเสียงใยวงการของเขาแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าใครที่จะสามารถจับตัวเขาได้
แค่ฐานะของเขาก็สามารถเที่ยบได้กับมู่กรุ๊ปทั้งองกรค์แล้ว
เซินเหลียงช่วงนี้ไม่ได้รับข้อมูลใหม่ก็พักผ่อนอยู่ที่บ้าน
พอมู่นวลนวลเลิกงานเดินออกจากมู่กรุ๊ปก็เห็นรถของเซินเหลียง
สีแดงแสบตาเหมือนกับนิสัยของเซินเหลียงที่กระตือรือร้นมีไฟตลอดเวลา
มู่นวลนวลมองไปรอบๆดูให้แน่ใจว่าไม่มีปาปารัสซี่ แล้วก็เดินไปที่รถ
เธอเปิดประตูแล้วเข้านั่งในรถ : “ทำไมไม่โทรหาฉัน? มารอที่หน้าบริษัทโดนปาปารัสซี่ถ่ายรูปขึ้นมาจะทำยังไง?”
เป็นเพราะตระกูลมู่ตอนนี้มู่นวลนวลนับว่าก็มีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่ภาพลักษณ์ของเธอไม่ค่อยดีนัก ถ้าเกิดว่าเธอโดนถ่ายรูปตอนที่อยู่กับมู่หวันฉีสื่อคงได้เล่นข่าวเธอแน่
เฉินเหลียงก็เป็นคนในวงการที่กำลังจะดังมู่นวลนวลกลัวว่าจะมีผลกระทบต่อเฉินเหลียงด้วย
เฉินเหลียงลดแว่นกันแดดลง ก็พบว่าตาเธอแดงมากจนทำให้มู่นวลนวลตกใจ
“เธอเป็นอะไร? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“บริษัทฉันขายฉันให้กับ Shengding Media!” เฉินเหลียงกัดฟันพูด : “พอเขาให้เงินนิดหน่อยก็ก้มหัวให้ บริษัทห่วยแตก!”