มู่นวลนวลใจเต้น เธอรีบปฏิเสธ : “ฉับขอบคุณพี่ใหญ่มากที่หวังดีกันเรา แต่ไม่เป็นไรจริงๆ ฉันต้องไปทำงานแล้วละค่ะจะสายแล้ว”
พูดจบ เธอหันไปกล่าวลาซูจวินแล้วลงจากรถไป
ซือเฉิงยวี่มองเธอเดินจากไปผ่านหน้าต่างรถ ร้อยยิ้มค่อยๆจางลง
เขารู้ว่าตอนนี้มู่นวลนวลและโม่ถิงเซียวมีปัญหากัน เพราะเรื่องที่โม่ถิงเซียวหลอกลวงเธอ
แต่ว่าเธอต้องการที่จะรักษาระยะห่างกับเขาถึงขนาดเรียนเขาว่า “พี่ใหญ่”
………..
มู่นวลนวลเดินเข้ามู่กรุ๊ปไปในใจลึกๆนึกสงสัย
ทำไมซือเฉิงยวี่ถึงพูดกับเธอแปลกๆ?
เวลาเขามองเธอสายตาราวกับมองทะลุเธอไปดูอีกคน
มู่นวลนวลคิดจนลืมเวลาไปชั่วขณะ ถึงขนาดไม่สังเกตุเห็นว่ามู่หวันฉีเดินเข้ามา
พอเธอพูดมู่นวลนวลถึงได้สติกลับมาและสังเกตุเห็นเธอ
“มู่นวลนวลหน้าที่ที่คุณพ่อให้เธอไปทำไปถึงไหนแล้ว?”
มู่หวันฉีอยู่ตรงหน้าทำหน้าเชิ่ดใสเธอ เหมือนกับจะอยากมีเรื่องกับมู่นวลนวล
มู่นวลนวลคิดถึงคำพูดของซือเฉิงยวี่ เธอหรี่ตามอง : “ยังไม่ถึงไหนเลย ถ้าอยากจะท้ำก็ให้ไปขอคุณพ่อ แล้วพี่ก็ไปจัดการเองได้”
สิ่งที่ต้องทำมันยากที่จะทำสำเร็จ แต่พ่อเธอก็มอบหน้านี้ให้เธอ
มู่หวันฉีไม่มีท่าทีว่าจะหาเรื่องแต่กลับลูบผมตัวเอง : “ฉันทำก็ได้ เธออย่าคิดว่าสิ่งที่เธอทำไม่ได้แล้วคนอื่นจะทำไม่ได้เหมือนเธอ”
มู่นวลนวลคิดว่าเรื่องนี้มอบให้มู่หวันฉีไปทำเหมาะสมที่สุดแล้ว
“โอ้! ขอให้เธอโชคดี” น้ำเสียงที่ไม่แยแสของมู่นวลนวลทำให้มู่หวั่นฉีโกรธทันที
อย่างไรก็ตามมู่นวลนวลไม่ได้เปิดโอกาสให้มู่หวั่นฉีต่อปากต่อคำด้วย เธอรีบหันหลังแล้วเดินจากไป
………..
มู่หวันฉีรับหน้าที่ต่อจากมู่นวลนวลตั้งแต่นั้นก็ไม่เห็นเธอมาที่มู่กรุ๊ปเลย
มู่นวลนวลก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเธอไม่สนใจ
แม้ว่าวันนั้นซือเฉิงยวี่มาหาเธอและพูดจาแปลกๆทำให้เธอแอบสงสัย แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไร
เธอตระหนักในตัวเองมากและเธอไม่คิดว่าซือเฉิงยวี่จะมีความรู้สึกดีๆให้กับเธอในเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ
ผู้หญิงสวยๆในวงการบันเทิงที่ชอบเขาก็ไม่ใช่น้อย
มู่นวลนวลเปรียบกับพวกเธอไม่ได้เลย เพราะเธอคิดว่าตัวเองเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา
วันนี้มู่นวลนวลไปถึงบริษัทก็ถูกมู่ลี่หยานเรียกเข้าพบ
มู่ลี่หยานดูตื่นเต้น : “นวลนวลมานี้พ่อมีเรื่องจะพูดด้วย”
“มีอะไรหรอคะคุณพ่อ?” มู่นวลนวลแปลกใจว่าอะไรที่ทำให้มู่ลี่หยานดีใจขนาดนี้
“เรื่องที่จะให้ซือเฉิงยวี่มาเป็นนายแบบรับรองสินค้าให้เรา พี่ลูกจัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่ลูกเหนื่อยมาก ฉนั้นพ่อจะให้ลูกเข้ามาดูแลต่อ”
มู่ลี่หยานท่าทางดีใจมาก:“ลูกเป็นคนทำพ่อจะได้ไม่ห่วงอะไรมาก”
มู่นวลนวลแปลกใจ : “ซือเฉิงยวี่ตอบตกลงจะมาทำงานให้เรา?”
น่าจะรู้ตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาคุยกับเธอ เธอคิด แม้ว่าเขายืนกรานจะเข้ามาช่วยแต่ทางเอเจนซี่และบริษัทของเขาคงไม่ยอมแน่
ยิ่งไปกว่านั้นต้นสังกัดของเขาคือ Shengding Media
กูจื่อหยานเป็นประธานบริษัท เขาไม่มีทางยอมให้ซือเฉิงยวี่ทำงานนี้แน่นอน
“ใช่ นี้เป็นน้ำพักน้ำแรงของพี่ลูก ลูกต้องไปคุยกับพวกเขาดีๆนะลูก”
“หนูรู้แล้วค่ะ” มู่นวลนวลพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้พูดต่อ
………….
กลับถึงบ้านเธอก็ตรงไปหาโม่ถิงเซียวที่ห้องสมุด
เขาต้องรู้เรื่องของซือเฉิงยวี่แน่
โม่ถิงเซียวก็พึ่งกลับมาถึง เธอเปิดประตูเข้าไปเขาคุยโทรศัพท์เสร็จพอดี
เขาหันกลับไปเจอมู่นวลนวล : “กลับมาแล้วหรอ”
“ฉันมีเรื่องจะถามคุณ” มู่นวลนวลเดินเข้าไปยืนตรงหน้าเขา
โม่ถิงเซียวฟังที่เธอพูดแล้วพยักหน้าเล็กน้อยแสดงให้เธอรู้ว่าถามได้
“คุณรู้เรื่องที่ซือเฉิงยวี่รับเป็นนายแบบสินค้าให้กับมู่กรุ๊ปไหม?” มู่นวลนวลไม่อ้อมค้อมถามออกไปตรงๆ
โม่ถิงเซียวก็ไม่รู้ เขาไม่แสดงท่าทีอะไรแล้วแตอบไป : “ไม่รู้”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมกูจื่อหยานถึงยอมให้ซือเฉิงยวี่รับงานนี้ละ ถ้าเกิดเขารับงานนี้มันจะมีผลกระทบต่ออาชีพนักแสดงของเขาและมีผลกระทบต่อตัวเขา”
มู่นวลนวลรู้สึกเป็นห่วงแทนซือเฉิงยวี่ และน้ำเสียงเป็นกังวล
โม่ถิงเซียวมองที่เธออย่างจับจ้องจากนั้นก็หรี่ตามองเธอ : “คุณเป็นแฟนตัวยงของเขาเลยสินะถึงได้เป็นห่วงเขาขนาดนี้”
มู่นวลนวลไม่สนใจในน้ำเสียงของเขาและพูดว่า : “ฉันเป็นแฟนคลับเขาใช่ แต่เขาก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณด้วยคุณไม่สนใจเรื่องนี้เหรอ?”
“คุณพูดแล้วไงว่าเขาเป็นพี่ชายผม ผมในฐานะน้องชายจะทำอะไรได้” โม่ถิงเซียวพูดจบก็เดินไปนั่งที่โต๊ะไม่สนใจมู่นวลนวล
มู่นวลนวลคิด ผู้ชายคนนี้แปลกจริงๆ
เขาสนิทกับซือเฉิงยวี่ แต่พอซือเฉิงยวี่เจอเรื่องแบบนี้เขากลับไม่สนใจ
และบางครั้งก็ดีกับเธอแต่บางครั้งก็ร้ายกับเธอ
ช่างมันเถอะ ความคิดของคุณชายโม่เธอเหนื่องที่จะคาดเดา ถึงแม้จะเดาก็เดาไม่ถูก
………….
มู่นวลนวลรับผิดชอบงานติดตามทำเอกสารสัญญากับซือเฉิงยวี่ มู่ลี่หยานให้สิทธิพิเศษแก่เธอ ถ้าเกิดเธอทำสำเร็จ เธอจะไม่ได้ปวดหัวกับงานบริษทอีก แค่เข้ามาติดตามงานหรือดูงานเล็กน้อยก็พอ
ตอนเช้า มู่นวลนวลเข้าไปเอาข้อมูลติดต่อเอเจนซี่ของซือเฉิงยวี่ที่บริษัทแล้วก็ออกไป
มู่นวลนวลเคยเจอซู่จวินครั้งหนึ่ง เธอรู้สึกได้เลยว่าซู่จวินเป็นคนที่น่าเกรงขาม
เธอกดโทรศัพท์โทรหาซู่จวิน เสียงโทรศัพท์ดังสองถึงสามครั้งก็มีคนรับ
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นเอเจนซี่ของซือเฉิงยวี่ ซู่จวิน”
มู่นวลนวลพูดอย่างมีมารยาท : “ฉันคือมู่นวลนวลค่ะ”
“คุณมู่นี้เอง” ซู่จวินยังจำเธอได้
มู่นวลนวลไม่อ้อมค้อมพูดถึงเรื่องที่โทรหา : “ฉันได้ยินว่าพวกคุณจะรับเป็นนายแบบรับรองสินค้าให้กับเรา?”
“เรื่องนี้คุณมู่คุยกับซือเฉิงยวี่โดยตรงได้เลยค่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ข้างนอกเดี๋ยวฉันเอาที่อยู่บ้านเขาให้คุณ คุณไปพบเขาที่นั้นนะคะ”
ซู่จวินไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูด พอเธอพูดจบก็ตัดสายไป
ไม่ถึงหนึ่งนาทีเธอก็ส่งที่อยู่ของซือเฉิงยวี่มาให้
ที่อยู่ที่เธอส่งมาเป็นพื้นที่ทรัพย์สินที่คนร่ำรวยและคนมีชื่อเสียงในเมืองเซี่ยงไห้อาศัยอยู่และยังมีดาราอีกทั้งคนชนชั้นสูงมากมายอาศัยอยู่ด้วย
ข้างหลังที่อยู่มีเบอร์ของซือเฉิงยวี่ พอเธอไปถึงให้โทรหาเขา
เพราะที่นี้เป็นชุมชนที่คนรวยอยู่และคุณภาพสูง คนธรรมดาเข้าไปไม่ได้