โม่ถิงเซียวต้องการให้จะล้มมู่กรุ๊ป ทำให้มู่ลี่หยานควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ แล้วเจ้าสัวมู่จะได้กลับมา
เจ้าสัวมู่ไปใช้ชีวิตช่วงแก่อยู่ต่างประเทศมาแล้ว 11 ปี
11ปีก่อน เจ้าสัวมู่ไม่ค่อยได้กลับประเทศ
ถึงจะเป็นงานเลี้ยงครอบครัว มู่ลี่หยานก็เป็นคนพาทุกคนไปเจอเขาที่ต่างประเทศ ยกเว้นมู่นวลนวลพวกเขาไม่เคยพาเธอไปด้วย
เรื่องของซือเฉิงยวี่ครั้งนี้ มู่นวลนวลสงสัยว่าโม่ถิงเซียวจะมีส่วนเกี่ยวข้อง
เพราะถึงอย่างไรแล้ว Shengding Media ไม่มีทางให้ซือเฉิงยวี่รับงานนี้แน่นอน และอีกอย่างกูจื่อหยานและโม่ถิงเซียงก็เป็นเพื่อนกัน
แต่ถ้าหากว่าโม่ถิงเซียวมีส่วนเกี่ยวข้องจริง ทำไมเขาถึงอยากให้เจ้าสัวโม่กลับมา?
มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นมองเซินเหลียง : “ ถ้าสัญญาการแต่งงานของมู่หวั่นฉีและมู่ถิงเซียวเกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัวในตอนนั้น สามารถเดาได้ไหมว่าเหตุผลที่มู่ถิงเซียวต้องการบังคับให้คุณปู่ฉันกลับมา เพราะคุณปู่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัวในครั้งนั้นด้วย! ”
เซินเหลียงส่ายหน้าไม่เห็นด้วย : “ถ้าเกิดว่าคุณปู่เธอมีส่วนเกี่ยวข้องจริง ทำไมกระกูลโม่ถึงยอมปล่อยให้เขาไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ และให้ทั้งสองกระกูลแต่งงานกันละ”
มู่นวลนวลคิดว่าสิ่งที่เซินเหลียงพูดมีหตุผล
สิ่งที่ตระกูลโม่ทำ ให้ความรูสึกเหมือนกำลังให้ความกรุณาต่อตระกูลมู่อยู่
มู่นวลนวลขมวดคิ้ว : “คุณปู่ฉันร่างกายแข็งแรงดี และไม่จำเป็นที่เมื่อ 10 กว่าปีก่อนต้องออกไปใช้ชีวิตคนเดียวที่ต่างประเทศ มันต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างที่ทำให้คุณปู่ต้องทำเช่นนั้น และสัญญาการแต่งงานของมู่หวั่นฉีและมู่ถิงเซียวก็แปลกๆ พอเอาสองเรื่องนี้มารวมกันแล้ว……… ”
มู่นวลนวลเงียบไปสักพักแล้วกล่าวต่อ: “ฉันไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ในโลก ฉันสงสัยว่าคุณปู่ของฉันต้องรู้ความลับที่เป็นความลับของตระกูลโม่ และทำข้อตกลงการแต่งงานกับตระกูลโม่ แต่กระกูลโม่ระมัดระวังมากและบอกให้คุณปู่ของฉันไปต่างประเทศและห้ามไม่ให้เขากลับมา”
หลังจากที่เธอพูดจบเธอก็เห็นเซินเหลียงมองมาที่เธอด้วยสีหน้างงงวย
มู่นวลนวลยังรู้สึกว่าเธอคิดมากเกินไป: “เธอคิดว่าฉันคิดมากเกินไปไหม?”
เซินเหลียงส่ายหัว: “ ไม่ ฉันคิดว่าสิ่งที่เธอคิดก็เหตุผล ยิ่งไปกว่านั้นพ่อของฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับคดีนั้นบ้าง และคุณปู่ของเธอก็ส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนั้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีผลอะไรกับคดี……….”
…………
มู่นวลนวลเปิดน้ำล้างมือและดูความคิดเห็นของผู้คนในเวยป๋อเรื่องที่มีข่าวว่ามู่กรู๊ปข่มขู่ซือเฉิงยวี่
“พี่นวลนวล!”
เสียงของโม่เจียเฉิน
เสียงของเขาใกล้เข้ามา : “พี่นวลนวลกำลังทำอาหารอยู่หรอครับ!”
มู่นวลนวลวางโทรศัพท์ลงแล้วมองออกไปดูก็เห็นว่าโม่เจียเฉินกำลังวิ่งมาหาเธอที่นี้
พอไปถึงก็จะเปิดฝาหม้อ : “พี่ทำอะไรหรอครับ ทำไมหอมจัง!”
“หมูทอดน้ำแดง” โม่เจียเฉินเก็บมือสูดกลิ่นอาหารแล้วก็ออกไป
ถึงเวลาทานข้าวแล้ว โม่ถิงเซียวยังไม่กลับบ้าน
มู่นวลนวลมองไปที่ที่โม่งถิงเซียวนั่งทานข้าวอยู่ประจำเธอก็รู้สึกแปลก
โม่เจียเฉินเอาเนื้อหมูชิ้นใหญ่เข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างอร่อย : “พี่คิดถึงเขาก็โทรหาเขาสิครับ”
“ใครคิดถึงเขา” มู่นวลนวลคีบเนื้อหมูให้เขา: “กินข้าวไป”
“ครับ” โม่เจียเฉินไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด
ทั้งสองคนทานข้าวเสร็จโม่ถิงเซียวก็ยังไม่กลับบ้าน
มู่นวลนวลกลับห้องและอาบน้ำเสร็จก็นั้งลงบนเตียงมองห้องที่ว่างเปล่าให้ความรู้สึกแปลกๆ
หรือเป็นเพราะว่าโม่ถงเซียวไม่อยู่?
“ตรู๊ดตรู๊ด!”
เสียงโทรศัพท์เธอดังขึ้น
พอเธอดูก็เป็นสายจากโม่ถิงเซียว
เธอลังเลอยู่สามวินาที แล้วกดรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล?”
เสียงจากฝั่งนั้นกลับไม่ใช่โม่ถิงเซียว : “นวลนวล ฉันเองกูจื่อหยาน โม่ถิงเซียวมีเรื่องนิดหน่อย เธอมาที่ร้านอาหารจินติ่งตอนนี้ ฉันให้ซือเย่ไปรับเธอแล้ว”
น้ำเสียงของกูจื่อหยานที่ดูรีบร้อนทำให้เธอเป็งกังวล
เธอคิดถึงครั้งก่อนที่โม่ถิงเซียวโดนยิง…………
ใจในเป็นกังวลมาก เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบร้อนลงมาข้างล่าง
ซือเย่ก็มาถึงพอดี เห็นเธอรีบร้อนลงมา เขาพูดกับมู่นวลนวล : “คุณผู้หญิง ผมมารับคุณไปที่ร้านอาหารจิงติ่ง”
………….
ซือเย่ขับรถอย่างรวดเร็ว สักพักก็มาถึงร้านอาหารจิงติ่ง
เธอลงรถแล้วถามซือเย่ว่า: “เกิดอะไรขึ้นกับโม่ถิงเซียว?”
“คุณผู้หญิงเข้าไปดูก็รู้เองครับ” ซือเย่ก้มหน้าสีหน้าดูปกติ
มู่นวลนวลคิดในใจ ซือเย่ก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจแต่อย่างใด
พอเดินเข้าไปในร้านเธอก็เจอกับกูจื่อหยาน
กูจื่อหยานมองเห็นเธอ : “นวลนวล เธอมาแล้ว”
“โม่ถิงเซียวละ?” มู่นวลนวลถามถึง
กูจื่อหยานทำเสียงอะแฮ่มเบาๆ: “ผมพาคุณไปหาเขา”
ทั้งสองเดินเข้าลิฟท์ กูจื่อหยานอธิบายให้เธอฟัง : “โม่ถิงเซียวมีเรื่องนิดหน่อย และเขาก็ไม่ค่อยสนิทกับใครนอกจากเธอ”
“อ้อ” พูดราวกับว่าเธอและโม่ถิงเซียวสนิทกัน
เดินไปถึงหน้าห้อง กูจื่อหยานเปิดประตูห้อง : “มู่ถิงเซียวอยู่ข้างใน คุณเข้าไปสิ”
ภายในห้องไม่ได้เปิดไฟ มืดสนิท
มู่นวลนวลรู้สึกไม่สบายใจเหมือนมีอะไรแปลกๆ : “โมถิงเซียวเขามีเรื่องอะไรกันแน่”
กูจื่อหยานถอนหายใจ : “คุณเข้าไปข้างในเดี๋ยวก็รู้เอง”
มู่นวลนวลมองกูจื่อหยานหลังจากขั้นก็ยกเท้าเดินเข้าไป
ขณะที่เธอก้าวขาเข้าไปก้าวแรก “ปัง” ประตูห้องถูกปิด
มู่นวลนวลยื่นมือไปเปิดไฟแล้วดูรอบๆห้อง เดินเข้าไปข้างในพร้อมเรียกชื่อโม่ถิงเซียวไปด้วย
“โม่ถิงเซียว?”
เธอเรียกไปหลายรอบก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากใคร
โม่ถิงเซียวพักอยู่คือห้องใหญ่ ในห้องโถงไม่มีแม้แต่เงาของโม่ถิงเซียว มู่นวลนวลเดินไปดูที่ห้องนอน
มู่นวลนวลเปิดไฟในห้อง ในห้องนอนก็ไม่มีแม้แต่เงาของเขา ขณะที่เธอกำลังจะเดินออกไปเธอได้ยินเสียงน้ำจากห้องอาบน้ำ
เธอเดินไปที่หน้าห้องอาบน้ำแล้วเคาะประตู : “โม่ถิงเซียว?คุณอยู่ข้างในหรือเปล่า?”
ภายในห้องไม่ได้เปิดไฟ มู่นวลนวลกไม่ได้ยินเสียงตอบรับของใคร ฉนั้นเธอจึงไม่แน่ใจว่าข้างในมีคนอยู่หรือเปล่า
ขณะที่เธอกำลังจะหันหลังเดินออกไปก็ได้ยินเสียงที่ทุ้มและเย็นชาที่คุ้นเคย : “ออกไป!”
คือเสียงของโม่ถิงเซียว!
แต่น้ำเสียงของเขาดูแปลกไป
“โม่ถิงเซียวคุณเป็นอะไร?” มู่นวลนวลเคาะประตู: “นี้ฉันเองมู่นวลนวล”
ทันใดนั้น ประตูห้องอาบน้ำก็เปิดออก
หน้าซีดๆของโม่ถิงเซียวจ้องมองมาที่เธอ ตัวเขาเปียกน้ำและมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวบนร่างเขา มู่นวลนวลยื่นอยู่ตรงหน้าเขาห่างแค่หนึ่งก้าว เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นจากตัวเขา
มู่นวลนวลยื่นมือไปจับแขนโม่ถิงเซียว ตัวเขาเย็นมากจนเธอตกใจ!
โม่ถิงเซียวสะดุ้งและสะบัดมือเธอออก : “ใครสั่งให้คุณมาที่นี้?กลับไป!”