มู่นวลนวลขมวดคิ้วและมองไปที่หญิงอ้วนคนนั้นอย่างเย็นชา:“มีเด็กๆอยู่ที่นี่ คุณพูดให้มันดีหน่อย”
“คุณหมายความว่าไง?คุณว่าฉันหรอ?” หญิงอ้วนเดินมาตรงหน้ามู่นวลนวลมองอย่างร้อนรน ราวกับว่าจะกระโดดขึ้นมาตบมู่นวลนวล
ครูประจำชั้นเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบเข้ามาดึงเธอ:“คุณแม่ของเถาปิง คุณใจเย็นๆหน่อย”
เด็กผู้ชายที่ชกต่อยกับโม่เจียเฉินชื่อว่าเถาปิง หญิงอ้วนคนนี้คือแม่ของเถาปิง
แม่ไม่มีเหตุผลอย่างนี้ แล้วลูกจะดีได้ยังไง?
มู่นวลนวลไม่ได้อคติ แต่เด็กส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบมาจากคำพูดและการกระทำของพ่อแม่
“ให้ฉันใจเย็น แล้วคุณดูลูกฉันสิ!” หญิงอ้วนออกมาจากครู แล้วเดินไปดึงเถาปิงมาตรงหน้า บนใบหน้าของเขามีบาดแผล:“ถ้าลูกชายของคุณได้รับบาดเจ็บอย่างนี้ คุณจะใจเย็นได้หรอ?”
หญิงอ้วนบีบแขนของเถาปิงอย่างแรง มู่นวลนวลเห็นเถาปิงเบะปากด้วยความเจ็บ แต่ก็ไม่ร้องออกมา
หญิงวัยกลางคนคนนี้ดูก้าวร้าว เห็นได้ชัดว่าครูประจำชั้นไม่สามารถรับมือได้ เขาถอยหลังไปสองก้าว ดันแว่นที่ดั้งจมูกขึ้นแล้วพูดว่า:“ฉัน……ฉันยังไม่ได้แต่งงาน……”
หญิงอ้วนส่งเสียง“เอ๊ะ”ออกมา:“ครู ดูเหมือนคุณจะอายุสามสิบกว่าไหม?คุณยังไม่แต่งงาน?”
ครูประจำชั้นได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเขาก็ไม่ค่อยดีนัก เขากระแอมในลำคอและพูดว่า:“ในเมื่อโม่เจียหลินไม่อยากพูด งั้นก็ให้เถาปิงพูดถึงสถานการณ์ในตอนนั้นเถอะ”
เมื่อเถาปิงได้ยินชื่อของตัวเองก็เงยหน้าขึ้น และเหลือบมองไปที่โม่เจียเฉิน
โม่เจียเฉินเลิกคิ้วและมองกลับไปเถาปิง ก้มหน้าและพูดอ้ำๆอึ้งๆ:พวกผมก็แค่พูดเล่นกับโม่เจียเฉินสองประโยค แล้วมันก็ต่อยพวกผม”
“ล้อเล่น?” โม่เจียเฉินเอียงคอมองเถาปิง และพูดอย่างดุดันว่า:“แกบอกว่าคำพูดพวกนั้นเป็นเรื่องล้อเล่นหรอ?แกเชื่อไหมว่าถ้ามีครั้งหน้าฉันก็จะต่อยแกอีก?”
หลังจากพูดออกไปก็รู้สึกว่าความโกรธของเขายังไม่ลดลง โม่เจียเฉินกัดฟันและพูดเสริมอีกว่า:“จะต่อยให้แกเป็นอัมพาตเลย!”
สีหน้ามู่นวลนวลเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอพูดอย่างเย็นชา:“โม่เจียเฉิน!”
โม่เจียเฉินหันไปมองมู่นวลนวล แล้วเอียงคอพูดว่า:“พี่นวลนวล เรื่องนี้ผมไม่ผิด ถ้ามันกล้าพูดอีก ผมก็กล้าที่จะต่อยมันอีก ยังไงพี่ชายก็ต้องจัดการปัญหาให้ผม”
มู่นวลนวลสีหน้าเย็นชา:“หุบปาก!”
แม้ว่าปกติแล้วมู่นวลนวลจะไม่ทำหน้าเย็นชาเหมือนโม่ถิงเซียว แต่ตอนที่เธอโกรธก็ค่อนข้างหน้ากลัว
โม่เจียเฉินก้มหน้าไม่พูดอะไร เขาหันหน้าไปด้านข้างและไม่มองมู่นวลนวล เห็นได้ชัด่าเขาเชื่อฟัง
ที่นี้คนเยอะ ไม่ใช่เวลาที่จะสอนโม่เจียเฉิน
เวลามีคนมาหาเรื่อง แน่นอนว่าไม่สามารถอ่อนแอได้
แต่วิธีการของโม่เจียเฉินนั้นไม่ถูกต้อง เขาเพิ่งจะอายุสิบสี่ จะพูดเรื่องต่อสู้ฆ่าฟันมันไม่ใช่ แล้วยังบอกอีกว่าโม่ถิงเซียวจะจัดการปัญหาให้เขา
คิดอย่างนี้มันใช่ไม่ได้เลย!
ในอีกด้านหนึ่งของเถาปิง อาจจะรู้สึกว่ามู่นวลนวลควบคุมโม่เจียเฉินได้ ความกล้าของเขาจึงเพิ่มขึ้น
เขาทำเสียงฮึ และพูดอย่างเฉยเมยว่า:“ฉันพูดความจริง ปีนั้นคุณหญิงมู่ถูกลักพาตัวไปที่โรงงานเก่าไม่ไกลจากบ้านของพวกเรา มีคนเห็นว่าเธอถูกข่มขืนจนตาย!แต่คนที่รู้เรื่องนี้ก็ถูกตระกูลโม่เอาเงินยัดปาก และไม่มีใครกล้าพูด!ฉันพูดถึงเธอแล้วเกี่ยวอะไรกับมัน!และมันก็มาต่อยพวกเราเพราะเรื่องแค่นี้……อา!”
เถาปิงยังพูดไม่ทันจบ ก็กรีดร้อง
เมื่อมู่นวลนวลได้ยิน“คุณหญิงโม่”สามคำนี้ ก็ตกตะลึงและไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาของโม่เจียเฉิน
พอเธอหันไปมองก็เห็นโม่เจียเฉินกระชากเสื้อผ้าของเถาปิง กำหมัดและพูดอย่างโหดเหี้ยม:“ฉันเคยบอกแล้ว ถ้าแกยังพูดอีก ฉันก็จะต่อยแกอีก……”
“โม่เจียหลิน หยุดนะ!” มู่นวลนวลรีบเข้ามาดึงเขา
แม้ว่าโม่เจียเฉินจะยังเป็นวัยรุ่น แต่ปกติจะชอบเล่นกีฬา มีพละกำลังมาก มู่นวลนวลไม่สามารถดึงเขาได้
มู่นวลนวลปล่อยมือจากเขาและพูดอย่างสงบว่า:“ถ้าเธอต่อยอีก พี่ชายของเธอก็ต้องมา”
เมื่อโม่เจียเฉินได้ยินอย่างนั้นแล้วเขาก็หยุด
แม่ของเถาปิงวิ่งเข้ามากอดเถาปิงไว้ ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล:“ฉันบอกแล้วว่าเด็กคนนี้เกเรนิสัยไม่ดี!”
โม่เจียเฉินได้ยินอย่างนั้นก็ใจร้อนขึ้นมาอีก มู่นวลนวลรีบดึงเขาไว้
เธอหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกจากกระเป๋าเงินของเธอและโยนมันลงบนโซฟา:“นี่เป็นค่ารักษาพยาบาลของเถาปิง”
เถาปิงสามารถเดินและเคลื่อนไหวได้ บาดแผลตามร่างกายก็เป็นแค่ภายนอก ไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูก ค่ารักษาพยาบาลสองพันหยวนก็เพียงพอแล้ว
แม่ของเถาปิงไม่ยอม:“เงินน้อยนิดแค่นี้ คุณคิดว่าให้ขอทานหรอ!”
มู่นวลนวลไม่อยากพูดคุยกับเธอไปมากนัก และพูดอย่างเย็นชาว่า:“ถ้าไม่พอใจ คุณก็ไปฟ้องเราได้เลย”
เห็นได้ชัดว่าหญิงอ้วนหวาดกลัว แต่ก็แสร้งพูดว่า:“คุณอย่าคดว่าฉันไม่กล้า!”
“งั้นฉันจะรอนะ”
หลังจากที่มู่นวลนวลพูดจบ เธอก็ดึงโม่เจียเฉินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
……
มีคลินิกแห่งหนึ่งอยู่ใกล้โรงเรียน มู่นวลนวลกับโม่เจียเฉินออกจากโรงเรียนก็ตรงไปที่คลินิก
บนใบหน้าของเขามีบาดแผลเล็กๆหลายแห่ง ทั้งหมดถูกแปะด้วยพลาสเตอร์ยา
หลังจากแปลเสร็จ โม่เจียเฉินก็หันกลับไปถามมู่นวลนวลว่า:“พี่นวลนวล คพี่มีกระจกไหม?”
“ทำไม?” ชณะที่มู่นวลนวลพูดก็หยิบกระจกแต่งหน้าอันเล็กออกจากกระเป๋า และยื่นให้เขา
โม่เจียเฉินหยบกระจกขึ้นมาส่องดูซ้ายขวา สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วพูดว่า:“ผมเป็นแบบนี้แล้วก็ยังเท่อยู่!”
มู่นวลนวลไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี มองไปที่เขาแล้วลุกขึ้นยืน:“ไปเถอะ”
โม่เจียเฉินเดินตามหลังมู่นวลนวลมา แล้วยัดกระจกบานเล็กลงในกระเป๋าของ และถามเธอว่า:“พี่บอกว่าพี่ชายผมจะมา?เขาจะมาเมื่อไหร?อยู่ไหนหรอ?”
มู่นวลนวลกอดอกเดินไปข้างหน้า และพูดโดยไม่เหล่มองว่า:“เขาคงไม่มา”
โม่เจียเฉินถอนหายใจ:“อ่อ”
“คุณหญิงโม่ที่เถาปิงพูดถึง……” มู่นวลนวลเม้มริมฝีปากของเธอ แล้วเงียบไปสองสามวินาที และพูดต่อว่า:“ใช่แม่ของโม่ถิงเซียวไหม?”
ปีนั้นมู่นวลนวลอายุเพียงหกเจ็ดขวบ ถึงแม้ว่าการลักพาตัวคุณหญิงโม่จะเป็นคดีใหญ่ แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเด็กหญิงตัวเล็กๆอย่างเธอ สิ่งที่ทำให้เธอรำคาญที่สุดในตอนนั้น น่าจะเป็นตอนที่เสี่ยวชูเหอจะซื้อชุดลายดอกไม้ให้เธอ
เคยได้ยินคนรับใช้ในบ้านพูดคุยกัน แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้
โม่เจียเฉินพยักหน้า น้ำเสียงซึมลง:“อืม”
แล้วทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน
เรื่องนี้ผ่านไปนานหลายปีมากแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มู่นวลนวลได้ยิคคนอื่นพูดขึ้นมา
ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง……
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของมู่นวลนวลก็ดังขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นว่าโม่ถิงเซียวโทรมา
โม่เจียเฉินก็เห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยน:“พี่ห้ามบอกเรื่องนี้กับพี่ชายเด็ดขาด แม่ของผมบอกว่าความสัมพันธ์ของพี่ชายกับคุณป้านั้นพิเศษมาก!”
แม่ของโม่เจียเฉินคือน้องสาวแท้ๆของพ่อโม่ถิงเซียว แม่ของโม่ถิงเซียวก็คือป้าของโม่เจียเฉิน