ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 153 ชิงหนิงคือใคร

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

เท้าเจ็บจนเกินจะทนไหว เวลาที่มู่นวลนวลขยับขาก้าวเท้าเดินแต่ละทีก็จะมีท่าทีกะเผลกไปมา

เธอรู้สึกได้ถึงสายตาอันแหลมคมมาจากทิศทางด้านหลังของเธอ เธอกัดริมฝีปาก ฝืนเดินไม่หยุดแม้แต่ก้าวเดียวแล้วเข้าลิฟต์ไป

ขณะที่มู่นวลนวลกดปุ่มปิดลิฟต์ ก็ไม่สังเกตเห็นว่าโม่ถิงเซียวกำลังเดิมตามเข้ามาหาเธอ

เธอรู้สึกหนาวไปจนจับขั้วหัวใจ สีหน้าซีดขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

ลิฟต์ค่อยๆ เคลื่อนลงไปข้างล่างอย่างช้าๆ มู่นวลนวลรู้สึกว่าใจของเธอเองก็กำลังดิ่งลงไปเบื้องล่างเช่นกัน

……….

เมื่อออกมาจากลิฟต์มู่นวลนวลก็เห็นโม่เจียเฉิน

โม่เจียเฉินเห็นมู่นวลนวลที่ขอบตาแดงก่ำเดินออกมาด้วยเท้าเปล่า ก็มีสีหน้าตื่นตกใจ เดินเข้าไปช่วยพยุงเธอ ส่งเสียงเรียกเธอออกมาเบาๆ “พี่นวลนวล”

“ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” เท้าของมู่นวลนวลเจ็บระบมถึงขีดสุด เท้าข้างที่เคล็ดนั้นเดิมทีก็ไม่สามารถที่จะยืนอยู่บนพื้นได้แล้ว จึงได้แต่พิงไปทางโม่เจียเฉินที่ช่วยพยุงเธออยู่

โม่เจียเฉินแอบเหล่มองเธอหนึ่งที จากนั้นจึงขมุบขมิบปากพูดออกมาว่า “พี่ผม……เขา…..เขาไม่ได้ตั้งใจนะ…….”

“อื้ม” มู่นวลนวลตอบกลับอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก

ตอนนี้ ไม่ว่าซือเฉิงยวี่จะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ไม่สำคัญสำหรับเธอแล้ว

ที่สำคัญก็คืออารมณ์ของโม่ถิงเซียว

คนที่ให้เธอเข้าร่วมงานเลี้ยงก็คือเขา คนที่จู่ๆ ก็มาโผล่ที่งานและระเบิดลงก็คือเขา

หรือว่าการที่ซือเฉิงยวี่จับมือเธอแล้วนั้น ตอนนี้ละเรื่องที่ว่าเขาตั้งใจหรือไม่ตั้งใจไปก่อน จะเป็นเหตุผลที่โม่ถิงเซียวโมโหจนฟาดงวงฟาดงาไปทั่วอย่างไม่กริ่งเกรงอะไรอย่างงั้นเหรอ

โม่เจียเฉินมีความรู้สึกไว รับรู้ได้ถึงอารมณ์ตอนนี้ของมู่นวลนวลที่ไม่ดีเอามากๆ เขาจึงไม่เอ่ยอะไรออกมาอีกเลย ได้เพียงแต่ช่วยพยุงมู่นวลนวลอย่างระมัดระวัง

ก่อนหน้านี้ตอนที่โม่ถิงเซียวมาถึง โม่เจียเฉินเป็นคนแรกที่เห็นเขา หลังจากนั้นก็เห็นโม่ถิงเซียวลากเธอออกไป แล้วดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกัน จากนั้นมู่นวลนวลก็เข้าลิฟต์ไป

หลังจากที่มู่นวลนวลเข้าลิฟต์ไป โม่ถิงเซียวยังคงยืนอยู่ที่เดิม เมื่อโม่เจียเฉินเห็นดังนั้นก็รู้สึกร้อนรน แต่ก็รับรู้ได้ว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับโม่ถิงเซียวในตอนนั้น เขาจึงย้อนกลับไปใช้ลิฟต์อีกตัวแล้วลงไปรอมู่นวลนวลที่ข้างล่าง

โม่เจียเฉินที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแผ่วๆ ของมู่นวลนวลเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “ชิงหนิงคือใคร”

“ใครนะ” โม่เจียเฉินหันหน้าขวับมาทางมู่นวลนวล ในดวงตาสั่นไหวอย่างตกตะลึง

มู่นวลนวลคลายมือของเขาออก จ้องมองโม่เจียเฉินอย่างนิ่งๆ แล้วจึงพูดซ้ำขึ้นอีกรอบ “ชิงหนิง”

ก่อนหน้านี้ในงานเลี้ยง เธอได้ยินซือเฉิงยวี่เรียกชื่อนี้ออกมา

โม่เจียเฉินทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของเขาก็ปรากฏร่องรอยแห่งความเศร้า “ทำไมเธอรู้จักเขาด้วยล่ะ”

แม้ว่าตอนนี้โม่เจียเฉินจะอยู่ในช่วงที่เสียงเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม จึงมีความทุ้มต่ำอยู่เล็กน้อย แต่ว่ามู่นวลนวลก็ฟังออกว่าในน้ำเสียงของเขามีความแหบพร่าเจือมาอยู่

เท่านี้ก็เพียงพอที่จะตอบคำถามมากมายแล้ว

ซือเฉิงยวี่รู้จัก “ชิงหนิง” แถมความสัมพันธ์ระหว่างเขาก็ยังไม่ธรรมดาเสียด้วย โม่เจียเฉินเองก็รู้จักเธอ และก็มีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยเช่นกัน

หรือว่า โม่ถิงเซียวเองก็จะรู้จัก “ชิงหนิง” เหมือนกัน

ทันใดนั้นมู่นวลนวลก็นึกขึ้นออกถึงเรื่องคราวที่แล้ว ตอนที่เธอไปพูดแทนให้ที่บ้านซือเฉิงยวี่ ซือเฉิงยวี่มองเข้ามาในดวงตาเธอ แต่กลับรู้สึกราวกับว่ากำลังมองเป็นคนอีกคนเสียอย่างงั้น

“หน้าตาฉันดูเหมือนเธอคนนั้นไหม”

มู่นวลนวลกล่าวจบ ก็พึ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองได้นำความคิดที่อยู่ภายในใจพูดออกมาเสียแล้ว

โม่เจียเฉินพยักหน้าอย่างไม่รู้สึกตัว จากนั้นก็พลันส่ายหน้าแทนขึ้นมาทันที “ไม่…….”

“พูดความจริงมา” มู่นวลนวลเพิ่มน้ำเสียงหนักแน่นลงไปในคำพูด

โม่เจียเฉินก้มหน้าลง เอ่ยออกมาเบาๆ ว่า “เหมือน”

“อื้ม เข้าใจแล้ว” มู่นวลนวลปล่อยมือเขา “‘งั้นฉันกลับก่อนนะ”

ดูจากปฏิกิริยาจากซือเฉิงยวี่กับโม่เจียเฉินแล้ว มู่นวลนวลก็รู้ได้เลยว่า “ชิงหนิง” เป็นคนที่สำคัญมากคนหนึ่งเลยสำหรับพวกเขา

คิดได้ดังนี้ เธอก็รู้สึกว่าที่ซือเฉิงยวี่ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี กับโม่เจียเฉินที่ให้ความสนิทสนมใกล้ชิดกับเธอ ทั้งหมดล้วนราวกับว่าเป็นสิ่งที่เธอขโมยมากจากคนอื่น

ล้วนราวกับว่าเธอขโมยมันมา

ซือเฉิงยวี่เป็นซุปเปอร์สตาร์ขวัญใจวัยรุ่น ถ้าสมมติว่าเขาไม่ใช่ซุปเปอร์สตาร์ พื้นเพของครอบครัวเขาเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะเข้าหาได้ง่ายๆ แต่เขากลับปฏิบัติต่อเธอเสียอย่างอบอุ่นและสนิทสนมขนาดนั้น

โม่เจียเฉินมีอายุน้อยที่สุด เป็นเด็กฉลาดสายตากว้างไกลนิสัยดี อยู่กับตระกูลโม่ก็ยังได้รับความกรุณาจากนายน้อยแล้ว ทว่าแล้วด้วยเหตุผลอะไรเขาจึงเข้ามาตีสนิทกับเธอเสียขนาดนี้ล่ะ

หรือว่าจะเป็นเพราะเธอมีหน้าตาเหมือนกับ “ชิงหนิง” คนนั้น

แล้วสำหรับโม่ถิงเซียวล่ะ

มู่นวลนวลมีลางสังหรณ์ที่ไม่อาจบรรยายได้ เธอรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวเองก็รู้จักผู้หญิงคนนั้น “ชิงหนิง”

แล้วก็ด้วยเหตุที่ว่าเธอมีหน้าตาเหมือน “ชิงหนิง” หรือเปล่า เขาถึงได้มีความสนใจต่อเธอมากเป็นพิเศษตั้งแต่แรก

มู่นวลนวลแค่นยิ้มกับตัวเอง หันหน้ากลับไปมองโม่เจียเฉินที่เดินตามมาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล “ไม่ต้องตามมา”

มู่นวลนวลยืนอยู่หน้าประตูโรงแรมด้วยสีหน้านิ่งเยียบ ใบหน้าขาวราวกับหิมะ ทั่วทั้งกายแผ่ความรู้สึกที่ดุเดือดรุนแรงเสียจนเย็นเข้ากระดูก ไม่ได้ดูเหมือนมู่นวลนวลคนที่มักจะส่งรอยยิ้มให้เขาเสมอเลยแม้แต่นิด

โม่เจียเฉินรู้สึกแย่อยู่ในใจลึกๆ คิดอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยออกมาว่าอะไรดี กลัวว่าตัวเองจะพูดอะไรผิดออกไป

สุดท้ายแล้ว เขาก็ลองเอ่ยถามออกไปดู “แล้วเธอจะกลับไปอยู่กับลูกพี่ลูกน้องผมเหรอ”

เขาอยู่กับมู่นวลนวลมานานพอสมควรแล้ว จึงพอจะเข้าใจอารมณ์ของมู่นวลนวลอยู่บ้าง

มู่นวลนวลมองดูเขาที่มีท่าทีระแวดระวัง แม้แต่ท่าทางปกติที่เหมือนหมาพุดเดิ้ลก็ไม่มี ตอนนี้กลับดูว่าหวาดระแวงกลัวว่าจะทำให้เธอลำบากใจเป็นอย่างมาก

“ไม่รู้”

ตอนนั้นนั่นเองที่พนักงานโรงแรมเอารองเท้ามาให้มู่นวลนวล

มู่นวลนวลกล่าวขอบคุณ สวมรองเท้าแล้วจึงเดินออกไปเลย

เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ไม่จำเป็นที่จะต้องโทษตัวเองให้รู้สึกผิด

เธอถึงขนาดที่ว่ารู้สึกเสียดายที่ก่อนหน้านี้เอารองเท้าเขวี้ยงไปที่โม่ถิงเซียวเบาไปเสียด้วยซ้ำ กระทบไปโดนตัวเขาแบบนั้นคงจะไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย

ช่างน่าเสียดายจริงๆ

สภาพอากาศของช่วงปลายฤดูหนาวนั้นทำให้มู่นวลนวลที่ยืนอยู่ข้างนอกหนาวจนตัวสั่นไปทั้งตัว

ที่หน้าประตูโรงแรมเจ็ดดาวแบบนี้ก็ไม่มีรถแท็กซี่สักคัน มู่นวลนวลเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ

จนกระทั่งในที่สุดเธอก็สามารถเรียกรถแท็กซี่ได้ โทรศัพท์ก็พลันส่งเสียงร้องขึ้นมา

ใจของเธอหล่นวูบลงมาทันที เป็นกังวลเสียจนกัดริมฝีปากตัวเอง เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าไม่ใช่โม่ถิงเซียวที่โทรเข้ามา แต่เป็นเซินเหลียง

น้ำเสียงของเซินเหลียงยังคงสดใสมีพลังมาโดยตลอด

“วันนี้เธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลโม่มาเหรอ ฉันเห็นรูปเธอในกลุ่มวีแชท! สวยโดดเด่นเป็นราชินีที่สุดเลย! ”

มู่นวลนวลหัวเราะออกมาอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ในเสียงไม่มีพลังชีวิตเลย “ไม่หรอก ที่งานเลี้ยงมีผู้หญิงสวยๆ ตั้งเยอะ”

“พวกหญิงพวกนั้นจะไปสวยสู้เธอได้อย่างไรกัน! ” เซินเหลียงพูดจบก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของมู่นวลนวล “เธอเป็นอะไร ฟังเสียงแล้วดูเหมือนเธอไม่มีแรงเลย เกิดอะไรขึ้นที่งานเลี้ยงหรือเปล่า”

มู่นวลนวลไม่ได้ตอบคำถาม ซ้ำยังถามกลับไปว่า “เธออยู่บ้านเหรอ”

เซินเหลียงตอบกลับหนึ่งคำ “อื้ม”

“งั้นฉันไปหาเธอนะ” มู่นวลนวลพูดจับก็กดวางสาย แล้วบอกที่อยู่ของเซินเหลียงให้กับคนขับรถฟัง

ทันทีที่คนขับรถได้ฟังที่อยู่นี้ก็ถามมู่นวลนวล “เพื่อนคุณเป็นดาราเหรอ”

บริเวณที่พักอาศัยของเซินเหลียงเป็นย่านที่มีระดับชั้นสูง มีดารานักแสดงมากมายอยู่แถวนั้น เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับอะไรที่เซี่ยงไฮ้

มู่นวลนวลก็พยักหน้า “อื้ม”

ตอนที่ลงจากรถ คนขับรถแท็กซี่ถอดเสื้อโค้ทตัวเองออกแล้วยื่นให้มู่นวลนวล “กลางฤดูหนาวแบบนี้ใส่กระโปรงแบบนั้นเดี๋ยวก็หนาวแย่ กว่าคุณจะรอเพื่อนมารับก็คงจะอีกสักพัก เอาเสื้อไปสวมเถอะ จะได้ไม่หนาวจนแข็งเดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท