ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 156 คุณจะพอได้หรือยัง

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

โม่ถิงเซียวถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างชำนาญมือ ซ้ำยังเจนจัดกับร่างกายมู่นวลนวลจึงหาจุดอ่อนไหวบนร่างของเธอเจออย่างรวดเร็ว

มู่นวลนวลไม่อยากทำเรื่องอย่างว่ากับโม่ถิงเซียวภายใต้สถานการณ์แบบนี้ แต่ว่าร่างกายก็อ่อนยวบไร้ซึ่งเรี่ยวแรง สุดท้ายจึงต้องสมยอมให้โม่ถิงเซียวประสบผลตามแผนไป

เวลาที่เขาทำเรื่องแบบนี้นั้น ก็เหมือนกับลักษณะนิสัยตอนปกติของเขา ไม่อ่อนโยนเลยแม้สักนิดเดียว แต่ทว่าก็ราวกับจะระมัดระวังไม่ให้ไปโดนข้อเท้าเธอที่บวมเป่งอยู่

การอาบน้ำในครั้งนี้ ใช้เวลาอาบค่อนข้างนาน

ตอนที่ถูกโม่ถิงเซียวเอาผ้าขนหนูห่อตัวแล้วอุ้มออกมา เปลือกตาของมู่นวลนวลก็หนักจนยกไม่ขึ้นแล้ว จึงนอนหลับไปทั้งอย่างนั้นเลย

………

เช้าวันรุ่งขึ้น

มู่นวลนวลตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าที่ย่างเดินอย่างเบาๆ อยู่ในห้อง

แม้ว่าคนที่เดินไปมานั้นจะเดินย่างอย่างเงียบเชียบระมัดระวัง แต่ในห้องเงียบสงัดจนเกินไป ทำให้มู่นวลนวลก็ยังคงได้ยินเสียงนั้นอยู่ดี

เธอเปิดเปลือกตาขึ้นก็เห็นโม่ถิงเซียวสวมชุดอย่างเป็นทางการเดินออกมาจากห้องแต่งตัวแล้ว

พอเขาออกมาก็เลื่อนสายตาไปมองที่เตียง จึงสบตาเข้ากับดวงตาที่ยังง่วงซึมของมู่นวลนวล

โม่ถิงเซียวนิ่งหยุดไปชั่วขณะ จากนั้นก็เดินเข้ามาหา “ตื่นแล้วเหรอ”

มู่นวลนวลพูดเหน็บแนมจิกกัดออกมาเบาๆ “ตัวเองมีตาแล้วดูไม่ออกเหรอ”

กล่าวจบก็พลิกตัวหันหลังเข้าใส่โม่ถิงเซียว

เมื่อคืนตอนที่กลับมาในใจลึกๆ ของเธอนั้นไม่มีความสุขเลย ผลปรากฏว่าโม่ถิงเซียวก็ยังจะ……….

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห

โม่ถิงเซียวจ้องมองด้านหลังของศรีษะเธอ สีหน้ายากที่จะอธิบายว่ารู้สึกอย่างไรอยู่

สุดท้ายเขาก็แค่พูดออกมาอย่างเรียบๆ ว่า “ฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอก แต่ว่าเดี๋ยวเดียวก็กลับมาแล้ว”

มู่นวลนวลส่งเสียงกลับไปอย่างนิ่งๆ “อื้อ”

โม่ถิงเซียวไม่พอใจกับท่าทีที่นิ่งเฉยเมยของเธอแบบนี้จึงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย กำมือแน่นขึ้นเบาๆ แต่ก็พลันคลายออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนเตียงแล้วโน้มตัวไปที่บริเวณไหล่ของเธอแล้วพรมจูบลงไปทั่ว ใจจึงชื้นขึ้นมาหน่อย

“โม่ถิงเซียวคุณจะพอได้หรือยัง มีธุระก็รีบไปได้แล้ว!” สุดท้ายแล้วมู่นวลนวลก็ทนไม่ไหวระเบิดออกมา

เธอพลิกตัวลุกขึ้นมานั่ง แล้วตะคอกเข้าใส่เขา

มู่นวลนวลพึ่งตื่น ทรงผมยุ่งเหยิง ผมหน้าม้าที่ปรกหน้าผากเธออยู่นั้นชี้ไปคนละทิศคนละทาง ใบหน้าไร้ซึ่งเครื่องแต่งเติมใดๆ ดูราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน

โม่ถิงเซียวไม่เพียงแต่จะไม่โกรธ แต่กลับรู้สึกว่าท่าทางของเธอที่เป็นแบบนี้ดูน่ารักดี มุมปากจึงยกขึ้นยิ้มออกมา

มู่นวลนวลรู้สึกว่าท่าทางของเขาเหมือนกับคนบ้า

โม่ถิงเซียวบุคคลที่ไม่เคยเขินอายให้กับอะไรเลย เธอไม่อาจที่จะสู้เขาในด้านนี้ให้ไม่มีความละอายใจได้เลยจริงๆ

เธอที่พึ่งจะพ่ายให้กับเขาจึงคิดว่าการไม่สนใจเขาก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะมั้ง!

มู่นวลนวลลงจากเตียง ลืมไปว่าตัวเองเท้าเคล็ด เพียงแค่วางเท้าลงกับพื้นเท่านั้นก็เจ็บเสียจนเหงื่อซึมออกมาจากหน้าผาก

โม่ถิงเซียวคิ้วขมวดยุ่งแล้วเข้ามาพยุงเธอ “เธอเป็นหมูเหรอ”

“ฉันเป็นหมูไหม แล้วคุณที่เป็นสามีฉันไม่รู้เหรอ” มู่นวลนวลตอกกลับอย่างประชดประชัน

แม้ว่าการที่เธอวางเท้าข้างที่เจ็บลงไปจะดูเปิ่นและโง่อยู่หน่อยๆ แต่ก็จะมาพูดด่ากันแบบนี้ไม่ได้

โม่ถิงเซียวเลิกคิ้วขึ้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ซ้ำยังไม่ได้ออกจากบ้านไปในทันที กลับยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำจ้องมองมู่นวลนวลที่กำลังอาบน้ำอยู่ ราวกับว่ากลัวเธอจะเผลอลงน้ำหนักไปที่เท้าข้างที่เคล็ดอยู่

มู่นวลนวลอาบน้ำเสร็จก็ออกมา และเห็นโม่ถิงเซียวถือเสื้อผ้าออกกำลังกายอยู่หนึ่งชุดแล้วโยนลงไปที่เตียง

“ทำอะไร”

“ใส่ชุดนี้ซะ”

“นายสนใจด้วยว่าฉันจะใส่อะไร!” มู่นวลนวลรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ร่ำไรไปเรื่อย ครึ่งชั่วโมงที่แล้วยังพูดอยู่เลยว่าจะออกไปข้างนอก แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ออกไปไหนเลย แล้วยังมีการไปหยิบเอาชุดมาให้เธออีก

โม่ถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร มองมู่นวลนวลที่กำลังทำตัวดื้อรั้นอย่างลุ่มลึกด้วยนัยน์ตาคู่นั้นที่ดูราวกับเป็นห้วงหลุมลึกดำดิ่งลงไปในความมืด

คิดได้ดังนี้ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองเช้านี้ค่อนข้างจะทำตัวได้ใจต่อหน้าโม่ถิงเซียว โกรธโมโหเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าเขาก็ไม่ได้โกรธเธอเลย

หรือว่าเพราะเรื่องเมื่อวานทำให้เขารู้สึกผิดและละอายใจ เขาถึงได้ให้ท้ายเธอแบบนี้

ขณะที่เธอจมลึกเข้าไปในห้วงความคิดนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงประตูห้องถูกเปิดดังขึ้น

มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้น ก็เห็นแผ่นหลังของโม่ถิงเซียวกำลังหายลับออกจากประตูไปพอดี

ในที่สุดก็ไปแล้ว……

……..

สุดท้ายมู่นวลนวลก็ใส่ชุดออกกำลังกายที่โม่ถิงเซียวหยิบมาให้ชุดนั้น

ชุดออกกำลังกายเป็นชุดที่หลวมและสบาย แถมยังเป็นชุดสำหรับฤดูหนาว สวมใส่แล้วทำให้ดูหลวมเทอะทะเป็นอย่างมาก ดูแล้วไม่มีความสวยงามเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เธอก็สวมใส่ได้เพียงแค่ชุดนี้

ตอนที่ลงมาข้างล่าง ในห้องโถงว่างเปล่าไร้ผู้คน

เพียงทว่าทันทีที่เธอลงมาถึงบอดี้การ์ดนายหนึ่งก็ได้โผล่ออกมาจากตรงไหนก็ไม่อาจทราบได้ ปรากฏอยู่ข้างหน้าเธอ “นายหญิง ไม่ทราบว่าอยากทานอะไรครับ”

“อะไรก็ได้” มู่นวลนวลตะลึงอยู่ชั่วครู่ นิสัยที่ผลุบๆ โผล่ๆ ราวกับผีสางนี่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนโม่ถิงเซียวอยู่นิดๆ

มู่นวลนวลนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว มือหนึ่งก็กินข้าว อีกมือหนึ่งก็โทรหาเซินเหลียง

“เมื่อคืนเธอปล่อยให้โม่ถิงเซียวแบกฉันกลับไปทั้งอย่างนั้นเลยเหรอ ไหนบอกว่าจะเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันไปตลอดชีวิตไง”

“จะเป็นพี่น้องกันตลอดชีวิตได้ ก็ต้องรับประกันดวงชีวิตน้อยๆ ให้รอดก่อนเถอะ! โม่ถิงเซียวตอนนี้เป็นบอสใหญ่ของฉัน ถ้าฉันต่อต้านไม่เชื่อฟังเขา ไม่ใช่ว่าเขาจะบีบฉันให้แหลกคามือเหรอ”

“……..” เธอกับเซินเหลียงอาจจะเป็นเพียงแค่พี่น้องดอกไม้พลาสติก ความสัมพันธ์นี้คงเป็นได้แค่ของปลอม

ทั้งสองคนคุยเจื้อยแจ้วกันไปสักพักจึงค่อยวางสายกันไป

มีการแจ้งเตือนใหม่จากเวยป๋อ

มู่นวลนวลเปิดขึ้นมาดู ปรากฏว่ามีคนขอเพิ่มเธอเป็นเพื่อน

รูปโปรไฟล์เป็นรูปมหาสมุทร ชื่อผู้ใช้เป็นคำง่ายๆ เพียงแค่คำเดียว “ยวี่”

มู่นวลนวลค้างนิ้วมือทิ้งไว้ ลังเลซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ

เธอพอจะเดาออกว่าคนคนนี้เป็นใคร

เรื่องเมื่อคืนทำให้มู่นวลนวลมีความรู้สึกสร้างกำแพงระยะห่างขึ้นกับซือเฉิงยวี่และโม่ถิงเซียวผู้ชายทั้งสองคนนี้

ลังเลอยู่ได้สักพักหนึ่ง มู่นวลนวลก็กดตอบรับเป็นเพื่อน

เมื่อกดเพิ่มเป็นเพื่อน “ยวี่” ก็ส่งข้อความมาหาเธอทันที

[นวลนวล ฉันคือซือเฉิงยวี่]

มู่นวลนวลไม่ได้ตอบข้อความกลับไปในทันที ซือเฉิงยวี่ก็ส่งข้อความต่อไปมาอีก

[เรื่องเมื่อคืนฉันขอโทษด้วยนะ จะไม่มีครั้งถัดไปอีกแล้ว]

[เธอยังดีกับโม่ถิงเซียวอยู่ไหม]

เขาส่งข้อความมาติดกันถึงสามข้อความ มู่นวลนวลไม่ได้พิมพ์ตอบเลย

อันที่จริงแล้วตัวเธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไรดี

ผ่านไปสักครู่ มู่นวลนวลก็พิมพ์ตอบไปว่า [อื้ม]

เธอเข้าใจกระจ่างแล้วว่าทำไมโม่ถิงเซียวถึงชอบตอบคำถามโดยใช้คำว่า “อื้ม” ทั้งง่ายและสะดวก แถมยังสามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย

ซือเฉิงยวี่ [งั้นก็ดีแล้ว]

[ฉันอยากขอเลี้ยงข้าวเธอกับโม่ถิงเซียวสักมื้อ]

เรื่องนี้มู่นวลนวลไม่แม้แต่จะคิดก็พิมพ์กลับไปเลยทันทีว่า [เรื่องนี้นายไปถามโม่ถิงเซียวเถอะ]

มู่นวลนวลจ้องดูโทรศัพท์ เหม่อลอยราวกับจิตหลุดออกจากร่างไปแล้ว

“พี่นวลนวล”

เสียงของโม่เจียเฉินลอยมาจากข้างหลังเธอ

มู่นวลนวลหันกลับไปมองเขา “กินข้าวแล้วหรือยัง”

โม่เจียเฉินอ้าปากหาวพลางนั่งลงตรงข้ามเธอ “กินแล้ว”

เช้านี้เขาลงมาข้างล่างและได้กินอะไรไปบ้างแล้ว หลังจากนั้นก็กลับไปนอนต่ออีกรอบ

“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของเมื่อวานเลย” มู่นวลนวลจู่ๆ ก็พูดขึ้นมา โม่เจียเฉินไม่มีปฏิกิริยาไปชั่วขณะ

“คำถามอะไร”

มู่นวลนวลเอ่ยต่ออย่างเรียบๆ “ที่เกี่ยวกับชิงหนิง”

คำถามนี้ถามกับโม่เจียเฉินเป็นอันเหมาะสมที่สุดแล้ว

โม่เจียเฉินตะลึงไปชั่วครู่ พยายามเก็บซ่อนสีหน้าบนใบหน้าเล็กๆ ของเขาเอาไว้ “เธอเป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวเรา ชอบมาเล่นที่บ้านเราบ่อยๆ เป็นคนดีมากเลย”

มู่นวลนวลก็เดาเอาไว้อยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่าง “ชิงหนิง” คนนี้กับพวกเขาจะต้องใกล้ชิดกัน พอได้ฟังโม่เจียเฉินพูดแบบนี้จึงไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรนัก

เธอถามคำถามถึงเรื่องที่เธออยากรู้มากที่สุดออกไป “โม่ถิงเซียวเองก็รู้จักเธอเหรอ”

“อื้ม เขาเองก็รู้จักเธอ ตอนนั้นเขากับพี่ชายผม แล้วก็ยังมีเธออีกคนหนึ่ง ทั้งสามคนเป็นเหมือนกับเล่าปี่ กวนอู และเตียวหุยแห่งตำนานสามก๊กร่วมสาบาน สองคนนั้นต่างก็ทำดีกับเธอ……..”

โม่เจียเฉินกล่าวจบ ถึงพึ่งรู้สึกตัวว่าได้เผลอพูดสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกไปแล้ว

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท