ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 176 รั้งมันไว้ทำไม!ให้มันไปซะ!

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ตลอดทางไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีคนรับใช้และบอดี้การ์ด พวกเขาจะหยุดทักทายมู่นวลนวลและโม่ถิงเซียว

แล้วพวกเขาก็จะโค้งตัวเหมือนๆกัน และจัดเรียงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ เห็นได้ชัดว่าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

มู่นวลนวลแอบกลัว และสีหน้าของเธอก็ดูเคร่งเครียด

บ้านเก่าของตระกูลโม่ใหญ่มาก ทั้งสองเดินผ่านสนามหน้าบ้าน และเดินผ่านห้องโถงไปยังสวนหลังบ้าน

เจ้าสัวโม่อายุมากแล้ว เขาชอบความสงบ จึงย้ายไปอยู่ที่ในสวนหลังบ้านที่เงียบสงบ

เมื่อมาถึงเจ้าสัวโม่ โม่ถิงเซียวก็ถามคนรับใช้ที่ยืนอยู่ที่ประตูว่า:“คุณปู่อยู่ข้างในไหม?”

“ใช่” คนรับใช้เห็นโม่ถิงเซียวแล้วสีหน้าก็ดูดีใจ เขาผลักประตูเข้าไปเบาๆ และพูดอย่างระมัดระวัง:“นายท่าน คุณชายกลับมาแล้ว”

ประตูเปิดเพียงช่องเล็กๆ แค่พอให้คนรับใช้ยืนอยู่ตรงนั้น มู่นวลนวลมองไม่เห็นข้างใน ได้ยินเพียงเสียงของคนสูงอายุดังขึ้น:“มาแล้วก็ให้พวกเขาเข้ามา”

คนใช้หันมาแล้วพยักหน้าให้โม่ถิงเซียว

โม่ถิงเซียวจับมือมู่นวลนวลไว้แน่น:“พวกเราเข้าไปกัน”

มู่นวลนวลถูกโม่ถิงเซียวพาเข้าไปในห้อง

ในห้องมีเครื่องทำความร้อน มีกลิ่นน้ำหมึกและกลิ่นชา มีเฟอร์นิเจอร์เรียบง่าย ชั้นวางหนังสือ โต๊ะทำงาน และมีชุดน้ำชาบางส่วน

เจ้าสัวโม่สวมชุดเสื้อคลุมจีน ยืนอยู่หน้าโต๊ะที่เขียนอักษรจีนด้วยพู่กันจีน แม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าเจ็ดสิบแล้ว แต่เขาก็ยังมีกำลังวังชา เขายืนตัวตรงมีกลิ่นอายของความสุขุม

โม่ถิงเซียวที่อยู่ข้างๆก็เรียก:“คุณปู่”

เจ้าสัวโม่เงยหน้าขึ้นมา และบังเอิญสบตากับมู่นวลนวลที่กำลังจ้องมองมาที่เขา เขาไม่พูดอะไรสักคำ แต่ก็ไม่โกรธ

มู่นวลนวลลดสายตาลง และโม่ถิงเซียวก็ดึงมู่นวลนวลไปข้างหลัง

ท่าทางที่แสดงออกถึงการปกป้องของโม่ถิงเซียวอยู่ในสายตาของนายท่าน ทำให้เขาตะคอกเบาๆ:“สาวน้อยคนนี้เป็นใคร?”

โม่ถิงเซียวขมวดคิ้ว:“คุณต้องการพบคน”

น้ำเสียงของเขาอาจพูดได้ว่าก้าวร้าว ทำให้นายท่านเป่าเคราแล้วถลึงตามอง และขว้างแปรงในมือของเขา:“คณเป็นใครกัน?”

มู่นวลนวล:“……”

เจ้าสัวโม่เป็นโรคอัลไซเมอร์หรอ?

ความคิดในใจของเธอเพิ่งออกมา เจ้าสัวโม่มองมาที่มองเธออย่างเย็นชา และพูดออกมาว่า:“ว่าใครเป็นคนแก่อัลไซเมอร์ห่ะ?”

มู่นวลนวลผงะกับสิ่งที่เขาพูด

คนนามสกุลโม่มีความสามารถในการอ่านใจคน?

แต่เจ้าสัวโม่จ้องมองเธออย่างนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้กลัวขนาดนั้น แต่กลับมีความรู้สึกใกล้ชิดที่อธิบายไม่ได้

มู่นวลนวลยิ้ม:“ไม่นะคะ แค่คิดว่ามีกำลังวังชาและดูมีชีวิตชีวา”

คำพูดนี้มีประโยชน์กับเจ้าสัวโม่ เขาจ้องมองมูนวลนวลอยู่หลายนาที:“เธอมานี่”

มู่นวลนวลหันหน้าไปมองโม่ถิงเซียวแล้วก็สบตากัน โม่ถิงเซียวส่งสยตาวางใจ และผลักหลังเธอเบาๆ เพื่อบอกใบ้ให้เธอไป

ถึงแม้ว่าการสนทนาระหว่างโม่ถิงเซียวกับเจ้าสัวโม่เมื่อตะกี้จะดูแปลกๆ แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างโม่ถิงเซียวกับเจ้าสั่วโม่นั้นไม่เลวเลย และอาจพูดได้ว่าสนิทสนมกัน

มู่นวลนวลเดินไปอย่างเชื่อฟัง หน้าตาเรียบร้อย และพูดอย่างจริงจัง:“คุณปู่ หนูเป็นภรรยาของโม่ถิงเซียว มู่นวลนวล”

เจ้าสัวโม่ไม่ได้พูดในทันที เพียงแค่ระงับอารมณ์และคำพูด มู่นวลนวลถูกเขาอย่างละเอียด เธอรู้สึกประหม่า

ดูเหมือนเจ้าสัวโม่จะดูออกว่าเธอประหม่า รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาที่เหมือนกับเด็กๆที่ทำให้คนอื่นอับอายสำเร็จ เขายิ้มตาหยี:“อืม หน้าตาสะสวย นั่งสิ”

มู่นวลนวลตะลึงไปชั่วขณะ แล้วก็อยากจะหันหน้าไปมองโม่ถิงเซียว แต่ก็ถูกเจ้าสัวโม่จ้องมอง:“จะไปมองไอ้หมอนี่ทำไม บอกให้เธอนั่งก็นั่งสิ!”

“……” เอาเถอะ แล้วเธอก็นั่ง

แต่ได้ยินที่เขาเรียกโม่ถิงเซียว“ไอ้หมอนี่” เธอก็รู้สึกชอบ

มู่นวลนวลนั่งอยู่ข้างๆเจ้าสัวโม่

เมื่อโม่ถิงเซียวเห็นอย่างนั้นแล้วก็เดินมา และกำลังจะนั่งลงข้างๆมู่นวลนวล แต่เจ้าสัวโม่ก็เตะขาเขา:“ใครใช้ให้แกนั่ง!”

เจ้าสัวโม่เตะขาอย่างรวดเร็ว และเห็นได้ชัดว่ายังมีความแข็งแกร่งไม่เบา

มู่นวลนวลเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บ และโม่ถิงเซียวก็ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเจ็บ

“คุณปู่……” น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวทำอะไรไม่ถูก:“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพาหลานสะใภ้กลับบ้าน คุณไม่ไว้หน้าผมเลย?”

“ฉันไว้หน้าแก แล้วใครจะไว้หน้าฉัน?” เห็นได้ชัดว่าเจ้าสัวโม่โกรธมากกว่าเขา:“แกคิดเอาเอง แกยังจำครั้งสุดท้ายที่กลับบ้านเก่ามาเยี่ยมฉันได้ไหมว่าเมื่อไหร่?”

เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินอย่างนั้นแล้วก็เงียบไม่พูดไม่จา

ในห้องเงียบจนหายใจไม่ออก

มู่นวลนวลเข้าใจอย่างชัดเจนว่าการสนทนาระหว่างโม่ถิงเซียวกับเจ้าสัวโม่เมื่อตะกี้ หมายความว่าอย่างไร

โม่ถิงเซียวสงสัยคดีของแม่เขาในปีนั้น คนในตระกูลโม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธคนในตระกูลโม่ และกลับมาที่บ้านตระกูลโม่

วันนี้เป็นครั้งแรกที่โม่ถิงเซียวพาเธอกลับมาบ้านเก่า นี่เป็นเรื่องระหว่างหลานกับปู่ และเธอไม่ควรพูด

ในขณะนี้ประตูก็ถูกผลักให้เปิดออกอีกครั้ง

คนที่เข้ามาคือพ่อของโม่ถิงเซียว โม่ชิงเฟิง

โม่ชิงเฟิงเรียกเจ้าสัวโม่:“พ่อ”

จากนั้นเขาก็หันไปมองโม่ถิงเซียว:“ก่อนหน้านี้มีคนโทรไม่บอกฉันว่าถิงเซียวกลับมาแล้ว ฉันไม่เชื่อ จะกลับมาทำไมถึงไม่บอกฉันก่อนล่วงหน้า วันนี้ก็อยู่ทานอาหารกันที่บ้าน คืนนี้ก็นอนที่นี่เถอะ คนรับใช้ทำความสะอาดห้องของแกมาตลอด ดังนั้นแกสามารถพักได้”

เจ้าสัวโม่ตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“รั้งมันไว้ทำไม!ให้มันไปซะ!”

……

สุดท้ายโม่ถิงเซียวกับมู่นวลนวลก็อยู่ที่นี่

ระหว่างรับประธานอาหารมีหลายคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารขนาดใหญ่ โดยมีคนรับใช้คอยเฝ้าอยู่ ทำให้มู่นวลนวลอึดอัดมาก

หลังทานอาหารเสร็จแล้ว โม่ชิงเฟิงมีธุระจึงไปก่อน มู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียวตามไปส่งนายท่านที่ห้อง

คนรับใช้ต้มน้ำและส่งชาให้ เจ้าสัวโม่หยิบซองแดงออกมาและส่งให้มู่นวลนวล

มู่นวลนวลไม่ได้รับไว้ในทันที

เจ้าสัวโม่จ้องมองเธอ:“ทำไม?คนแก่อย่างฉันให้ของขวัญ เธอยังไม่กล้าจะรับไว้?”

มู่นวลนวลรู้แล้วว่านิสัยที่เย่อหยิ่งของโม่ถิงเซียว ได้รับการถ่ายทอดมาจากไหน

“ขอบคุณค่ะคุณปู่” หลังจากที่มู่นวลนวลรับไว้ก็รู้สึกว่าซองแดงบางมาก เธอเดาว่าข้างในอาจจะเป็นเช็ค

ไม่สนว่าข้างในจะมีอะไร มู่นวลนวลรู้สึกแปลกใจ

ก่อนมาเธอคิดว่าเธอจะทำให้นายท่านลำบากใจ คิดไม่ถึงว่าเจ้าสัวโม่จะยอมรับเธออย่างง่ายดาย

หลังจากดื่มชาเป็นเพื่อนเจ้าสัวโม่สักพัก มู่นวลนวลก็ถูกส่งกลับไปพักผ่อนที่ห้อง

ห้องนี้คือห้องที่โม่ถิงเซียวเคยอยู่ตอนวัยเด็ก หลังจากเกิดเรื่องในปีนั้น เขาก็ไปต่างประเทศ หลังจากกลับมาเขาไม่ได้กลับไปที่บ้านเก่า และอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์กลางเขานั่น

ของตกแต่งในห้องยังคงมีร่องรอยของชีวิตในวัยเด็ก โปสเตอร์ดารานักบาส หุ่นยนต์ หนังสือ เครื่องเล่นเกม……

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท