ตลอดทางไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีคนรับใช้และบอดี้การ์ด พวกเขาจะหยุดทักทายมู่นวลนวลและโม่ถิงเซียว
แล้วพวกเขาก็จะโค้งตัวเหมือนๆกัน และจัดเรียงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ เห็นได้ชัดว่าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
มู่นวลนวลแอบกลัว และสีหน้าของเธอก็ดูเคร่งเครียด
บ้านเก่าของตระกูลโม่ใหญ่มาก ทั้งสองเดินผ่านสนามหน้าบ้าน และเดินผ่านห้องโถงไปยังสวนหลังบ้าน
เจ้าสัวโม่อายุมากแล้ว เขาชอบความสงบ จึงย้ายไปอยู่ที่ในสวนหลังบ้านที่เงียบสงบ
เมื่อมาถึงเจ้าสัวโม่ โม่ถิงเซียวก็ถามคนรับใช้ที่ยืนอยู่ที่ประตูว่า:“คุณปู่อยู่ข้างในไหม?”
“ใช่” คนรับใช้เห็นโม่ถิงเซียวแล้วสีหน้าก็ดูดีใจ เขาผลักประตูเข้าไปเบาๆ และพูดอย่างระมัดระวัง:“นายท่าน คุณชายกลับมาแล้ว”
ประตูเปิดเพียงช่องเล็กๆ แค่พอให้คนรับใช้ยืนอยู่ตรงนั้น มู่นวลนวลมองไม่เห็นข้างใน ได้ยินเพียงเสียงของคนสูงอายุดังขึ้น:“มาแล้วก็ให้พวกเขาเข้ามา”
คนใช้หันมาแล้วพยักหน้าให้โม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวจับมือมู่นวลนวลไว้แน่น:“พวกเราเข้าไปกัน”
มู่นวลนวลถูกโม่ถิงเซียวพาเข้าไปในห้อง
ในห้องมีเครื่องทำความร้อน มีกลิ่นน้ำหมึกและกลิ่นชา มีเฟอร์นิเจอร์เรียบง่าย ชั้นวางหนังสือ โต๊ะทำงาน และมีชุดน้ำชาบางส่วน
เจ้าสัวโม่สวมชุดเสื้อคลุมจีน ยืนอยู่หน้าโต๊ะที่เขียนอักษรจีนด้วยพู่กันจีน แม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าเจ็ดสิบแล้ว แต่เขาก็ยังมีกำลังวังชา เขายืนตัวตรงมีกลิ่นอายของความสุขุม
โม่ถิงเซียวที่อยู่ข้างๆก็เรียก:“คุณปู่”
เจ้าสัวโม่เงยหน้าขึ้นมา และบังเอิญสบตากับมู่นวลนวลที่กำลังจ้องมองมาที่เขา เขาไม่พูดอะไรสักคำ แต่ก็ไม่โกรธ
มู่นวลนวลลดสายตาลง และโม่ถิงเซียวก็ดึงมู่นวลนวลไปข้างหลัง
ท่าทางที่แสดงออกถึงการปกป้องของโม่ถิงเซียวอยู่ในสายตาของนายท่าน ทำให้เขาตะคอกเบาๆ:“สาวน้อยคนนี้เป็นใคร?”
โม่ถิงเซียวขมวดคิ้ว:“คุณต้องการพบคน”
น้ำเสียงของเขาอาจพูดได้ว่าก้าวร้าว ทำให้นายท่านเป่าเคราแล้วถลึงตามอง และขว้างแปรงในมือของเขา:“คณเป็นใครกัน?”
มู่นวลนวล:“……”
เจ้าสัวโม่เป็นโรคอัลไซเมอร์หรอ?
ความคิดในใจของเธอเพิ่งออกมา เจ้าสัวโม่มองมาที่มองเธออย่างเย็นชา และพูดออกมาว่า:“ว่าใครเป็นคนแก่อัลไซเมอร์ห่ะ?”
มู่นวลนวลผงะกับสิ่งที่เขาพูด
คนนามสกุลโม่มีความสามารถในการอ่านใจคน?
แต่เจ้าสัวโม่จ้องมองเธออย่างนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้กลัวขนาดนั้น แต่กลับมีความรู้สึกใกล้ชิดที่อธิบายไม่ได้
มู่นวลนวลยิ้ม:“ไม่นะคะ แค่คิดว่ามีกำลังวังชาและดูมีชีวิตชีวา”
คำพูดนี้มีประโยชน์กับเจ้าสัวโม่ เขาจ้องมองมูนวลนวลอยู่หลายนาที:“เธอมานี่”
มู่นวลนวลหันหน้าไปมองโม่ถิงเซียวแล้วก็สบตากัน โม่ถิงเซียวส่งสยตาวางใจ และผลักหลังเธอเบาๆ เพื่อบอกใบ้ให้เธอไป
ถึงแม้ว่าการสนทนาระหว่างโม่ถิงเซียวกับเจ้าสัวโม่เมื่อตะกี้จะดูแปลกๆ แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างโม่ถิงเซียวกับเจ้าสั่วโม่นั้นไม่เลวเลย และอาจพูดได้ว่าสนิทสนมกัน
มู่นวลนวลเดินไปอย่างเชื่อฟัง หน้าตาเรียบร้อย และพูดอย่างจริงจัง:“คุณปู่ หนูเป็นภรรยาของโม่ถิงเซียว มู่นวลนวล”
เจ้าสัวโม่ไม่ได้พูดในทันที เพียงแค่ระงับอารมณ์และคำพูด มู่นวลนวลถูกเขาอย่างละเอียด เธอรู้สึกประหม่า
ดูเหมือนเจ้าสัวโม่จะดูออกว่าเธอประหม่า รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาที่เหมือนกับเด็กๆที่ทำให้คนอื่นอับอายสำเร็จ เขายิ้มตาหยี:“อืม หน้าตาสะสวย นั่งสิ”
มู่นวลนวลตะลึงไปชั่วขณะ แล้วก็อยากจะหันหน้าไปมองโม่ถิงเซียว แต่ก็ถูกเจ้าสัวโม่จ้องมอง:“จะไปมองไอ้หมอนี่ทำไม บอกให้เธอนั่งก็นั่งสิ!”
“……” เอาเถอะ แล้วเธอก็นั่ง
แต่ได้ยินที่เขาเรียกโม่ถิงเซียว“ไอ้หมอนี่” เธอก็รู้สึกชอบ
มู่นวลนวลนั่งอยู่ข้างๆเจ้าสัวโม่
เมื่อโม่ถิงเซียวเห็นอย่างนั้นแล้วก็เดินมา และกำลังจะนั่งลงข้างๆมู่นวลนวล แต่เจ้าสัวโม่ก็เตะขาเขา:“ใครใช้ให้แกนั่ง!”
เจ้าสัวโม่เตะขาอย่างรวดเร็ว และเห็นได้ชัดว่ายังมีความแข็งแกร่งไม่เบา
มู่นวลนวลเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บ และโม่ถิงเซียวก็ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเจ็บ
“คุณปู่……” น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวทำอะไรไม่ถูก:“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพาหลานสะใภ้กลับบ้าน คุณไม่ไว้หน้าผมเลย?”
“ฉันไว้หน้าแก แล้วใครจะไว้หน้าฉัน?” เห็นได้ชัดว่าเจ้าสัวโม่โกรธมากกว่าเขา:“แกคิดเอาเอง แกยังจำครั้งสุดท้ายที่กลับบ้านเก่ามาเยี่ยมฉันได้ไหมว่าเมื่อไหร่?”
เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินอย่างนั้นแล้วก็เงียบไม่พูดไม่จา
ในห้องเงียบจนหายใจไม่ออก
มู่นวลนวลเข้าใจอย่างชัดเจนว่าการสนทนาระหว่างโม่ถิงเซียวกับเจ้าสัวโม่เมื่อตะกี้ หมายความว่าอย่างไร
โม่ถิงเซียวสงสัยคดีของแม่เขาในปีนั้น คนในตระกูลโม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธคนในตระกูลโม่ และกลับมาที่บ้านตระกูลโม่
วันนี้เป็นครั้งแรกที่โม่ถิงเซียวพาเธอกลับมาบ้านเก่า นี่เป็นเรื่องระหว่างหลานกับปู่ และเธอไม่ควรพูด
ในขณะนี้ประตูก็ถูกผลักให้เปิดออกอีกครั้ง
คนที่เข้ามาคือพ่อของโม่ถิงเซียว โม่ชิงเฟิง
โม่ชิงเฟิงเรียกเจ้าสัวโม่:“พ่อ”
จากนั้นเขาก็หันไปมองโม่ถิงเซียว:“ก่อนหน้านี้มีคนโทรไม่บอกฉันว่าถิงเซียวกลับมาแล้ว ฉันไม่เชื่อ จะกลับมาทำไมถึงไม่บอกฉันก่อนล่วงหน้า วันนี้ก็อยู่ทานอาหารกันที่บ้าน คืนนี้ก็นอนที่นี่เถอะ คนรับใช้ทำความสะอาดห้องของแกมาตลอด ดังนั้นแกสามารถพักได้”
เจ้าสัวโม่ตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“รั้งมันไว้ทำไม!ให้มันไปซะ!”
……
สุดท้ายโม่ถิงเซียวกับมู่นวลนวลก็อยู่ที่นี่
ระหว่างรับประธานอาหารมีหลายคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารขนาดใหญ่ โดยมีคนรับใช้คอยเฝ้าอยู่ ทำให้มู่นวลนวลอึดอัดมาก
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว โม่ชิงเฟิงมีธุระจึงไปก่อน มู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียวตามไปส่งนายท่านที่ห้อง
คนรับใช้ต้มน้ำและส่งชาให้ เจ้าสัวโม่หยิบซองแดงออกมาและส่งให้มู่นวลนวล
มู่นวลนวลไม่ได้รับไว้ในทันที
เจ้าสัวโม่จ้องมองเธอ:“ทำไม?คนแก่อย่างฉันให้ของขวัญ เธอยังไม่กล้าจะรับไว้?”
มู่นวลนวลรู้แล้วว่านิสัยที่เย่อหยิ่งของโม่ถิงเซียว ได้รับการถ่ายทอดมาจากไหน
“ขอบคุณค่ะคุณปู่” หลังจากที่มู่นวลนวลรับไว้ก็รู้สึกว่าซองแดงบางมาก เธอเดาว่าข้างในอาจจะเป็นเช็ค
ไม่สนว่าข้างในจะมีอะไร มู่นวลนวลรู้สึกแปลกใจ
ก่อนมาเธอคิดว่าเธอจะทำให้นายท่านลำบากใจ คิดไม่ถึงว่าเจ้าสัวโม่จะยอมรับเธออย่างง่ายดาย
หลังจากดื่มชาเป็นเพื่อนเจ้าสัวโม่สักพัก มู่นวลนวลก็ถูกส่งกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
ห้องนี้คือห้องที่โม่ถิงเซียวเคยอยู่ตอนวัยเด็ก หลังจากเกิดเรื่องในปีนั้น เขาก็ไปต่างประเทศ หลังจากกลับมาเขาไม่ได้กลับไปที่บ้านเก่า และอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์กลางเขานั่น
ของตกแต่งในห้องยังคงมีร่องรอยของชีวิตในวัยเด็ก โปสเตอร์ดารานักบาส หุ่นยนต์ หนังสือ เครื่องเล่นเกม……