กูจื่อหยานพามู่นวลนวลออกทางประตูหลังของ Shengding Media
ที่ประตูหลังมีรถคันสีดำจอดรออยู่
ทั้งสองคนเดินเข้าไปใกล้ และมีบอดี้การ์ดสองคนเปิดประตูให้ กูจื่อหยานผลักมู่นวลนวลเข้าไป แล้วสังเกตดูรอบๆก่อนที่จะขึ้นรถ
เมื่อขึ้นรถแล้ว คนขับรถก็ขับออกไปทันที
หลังจากพามู่นวลนวลออกมาได้สำเร็จ กูจื่อหยานก็ดูเหมือนจะโล่งใจ
เขาหันหน้าไปมองที่มู่นวลนวล ใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นอีก
“นวลนวล คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หลังจากที่พูดจบ กูจื่อหยานก็รู้สึกว่าตัวเองถามคำถามโง่ๆ
เกิดเรื่องใหญ่อย่างนี้ขึ้น มู่นวลนวลจะไม่เป็นอะไรได้ยังไง
เดิมที่เธอกับโม่ถิงเซียวเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรม แต่พอทะเบียนสมรสถูกเปิดเผย มู่นวลนวลก็กลายเป็นมือที่สาม
ไม่ต้องพูดถึงมู่นวลนวล แม้แต่เขาที่เป็นผู้ชายก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่ารังเกียจ
มู่นวลนวลนั่งหน้าชาอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเธอไม่ขยับและไม่พูดอะไร ทำให้เขาเป็นกังวล
“คุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป เรื่องนี้ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น คุณต้องเชื่อใจถิงเซียว เขาต้องจัดการเรื่องนี้ได้” กูจื่อหยานพูดปลอบใจเธอ
แต่เขาพบว่าคำพูดของเขาไม่มีผลเลย
เขาเกาหัวด้วยความร้อนรน ในที่สุดเธอก็พูดประโยคแรกหลังจากที่ได้เจอเขา:“โม่ถิงเซียวอยู่ไหน?”
“เขา……” กูจื่อหยานเห็นสีหน้าท่าทางมู่นวลนวลไม่ปกติ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะโกหก:“เขาไปตรวจสอบงานที่ชานเมือง และกำลังกลับมา อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงน่าจะมาถึง”
“อา” มู่นวลนวลตอบ แล้วเอนหลังพิงเบาะ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก
……
รถมุ่งหน้าไปที่บ้านของกูจื่อหยาน
ห้องของกูจื่อหยานเป็นห้องระดับไฮเอนด์
เขาเปิดประตูไปด้วยและพูดอธิบายกับมู่นวลนวลไปด้วย:“ครั้งก่อนหลั๋วหยิ๋งตามไปที่คฤหาสน์ของถิงเซียว ตอนที้ที่นั่นคงมีนักข่าวจำนวนมากรออยู่ ดังนั้นฉันจึงพาคุณมาที่บ้านของฉันก่อน……”
เขาเป็นกังวลไม่กล้าพูดกระทบกระเทือนจิตใจของมู่นวลนวล นอกจากเซินเหลียงแล้ว ก็ยากที่จะเห็นกูจื่อหยานมีท่าทีอ่อนโยนกับผู้หญิงคนอื่น
“ขอบคุณนะ” มู่นวลนวลกล่าวขอบคุณ และเดินตามเขาเข้าไป
หลังจากที่เข้าไปแล้วกูจื่อหยานก็ถามเธอว่า:“ดื่มน้ำหน่อยไหม?หรือว่าอยากดื่มเครื่องดื่มอะไร?”
มู่นวลนวลส่ายหัว
แต่กูจื่อหยานก็รินน้ำอุ่นให้เธอหนึ่งแก้ว
ผ่านไปสักพัก มู่นวลนวลก็สะกิดมือเขา:“เอาโทรศัพท์มาให้ฉันหน่อย”
“โทรศัพท์หรอ……ไม่มีอะไรน่าดูเลย เรามาพูดคุยกันดีกว่า ใช่ไหม?” แน่นอนว่ากูจื่อหยานรู้ว่าในโซเซียลมีคนด่าเธอมากมายจนยากที่จะฟัง เขาจึงไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้มู่นวลนวล
มู่นวลนวลก็ไม่ได้บีบบังคับ
และเสียงกริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น
“ถิงเซียวน่าจะมาแล้ว” กูจื่อหยานพูดในขณะที่เดินไปเปิดประตู
ในที่สุดมู่นวลนวลก็มีปฏิกิริยา
เธอหันไปมองที่ประตู คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่โม่ถิงเซียว แต่เป็นเซินเหลียง
เซินเหลียงเป็นคนใจร้อนและบุ่มบ่ามมาตลอด เธอเดินตรงเข้ามาโดยที่เธอยังสวมเสื้อผ้าสำหรับที่จะถ่ายทำการแสดง กิ๊บติดผมของเธอยุ่งเหยิงมากพอที่จะบอกได้ว่าเธอกังวลมากแค่ไหนที่จะรีบมาที่นี่
“นวลนวล!” เซินเหลียงเดินตรงเข้ามากอดมู่นวลนวล เธออ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็พูดออกมาประโยคเดียว:“มันจะต้องมีทางออก”
มู่นวลนวลพยักหน้า:“อืม”
เซินเหลียงมองไปที่มู่นวลนวลและสังเกตอย่างละเอียด และพบว่านอกจากสีหน้าที่ซีดเซียวแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ
แต่เป็นเพราะมู่นวลนวลสงบเงียบมากเกินไป จึงทำให้เธอกังวลมากขึ้น
เธอกับกูจื่อหยานมองตากัน กูจื่อหยานก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญา
ทั้งสามคนนั่งอยู่ในห้องที่กว้าง แต่ไร้ซึ่งการพูดคุยกัน
หลังจากหนึ่งชั่วโมงแล้ว โม่ถิงเซียวก็ยังโอ้เอมาช้า
กูจื่อหยานเปิดประตู โม่ถิงเซียวก็เดินตรงไปที่มู่นวลนวล
เขารีบเดินมาตรงหน้ามู่นวลนวล แล้วจู่ๆของเขาก็มีท่าทางลังเล
เขาเดินไปถึงตรงหน้าเธอ เขานั่งยองๆแล้วกุมมือเธอ:“มู่นวลนวล”
มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้น สีหน้าเธอขาวเหมือนกับกระดาษแต่ไม่มีร่องรอยของการร้องไห้เลย:“คุณมาแล้ว”
“อืม” โม่ถิงเซียวพยักหน้า และดูลังเลที่จะพูด
แต่สุดท้ายก็พูดออกมาสามคำ:“เชื่อใจฉัน”
มู่นวลนวลไม่ได้พูดอะไร
ทำไมเธอจะไม่เชื่อใจเขา?
ที่ผ่านมา คนที่เธอเชื่อใจที่สุดก็คือโม่ถิงเซียว
แม้ว่าเธอจะเกี่ยวข้องกับหัวข้อประเด็นร้อน แต่เธอก็ไม่เคยกลัว เธอรู้ว่าโม่ถิงเซียวจะต้องจัดการปัญหานี้ได้
มู่นวลนวลจ้องมองไปที่โม่ถิงเซียวอย่างเย็นชา ดวงตาที่สวยงามของเธอไม่มีรอยยิ้ม แต่ดูว่างเปล่าและเฉยชา
หลังจากนั้นเธอก็ถามเบาๆว่า:“เขาเป็นคนทำใช่ไหม?”
กูจื่อหยานกับเซินเหลียงที่อยู่ข้างๆก็มองหน้ากันด้วยความสงสัยว่า“เขา”ที่มู่นวลนวลพูดถึงคือใคร
แต่มู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียวรู้ดีว่า“เขา”คนนั้นคือใคร
โม่ถิงเซียวรู้ว่าคนที่มู่นวลนวลพูดถึงคือซือเฉิงยวี่
มู่หวันฉีกับซือเฉิงยวี่ร่วมมือกัน เพราะซือเฉิงยวี่ต้องการเข้าสู่วงการบันเทิง
ถ้าเรื่องในวันนี้ เป็นมู่หวันฉีกับซือเฉิงยวี่ที่สมรู้ร่วมคิดกันทำ มันก็สมเหตุสมผล
นี่เป็นครั้งแรกที่โม่ถิงเซียวไม่กล้ามองตามู่นวลนวล เขาเม้มริมฝีปากแน่น หันไปมองด้านข้าง และมือที่ห้อยอยู่ข้างๆก็กำหมัดแน่น
“เหอะเหอะ”
จู่ๆมู่นวลนวลก็หัวเราะเบาๆ
“จนถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณ และจะเป็นอริกับคุณ” มู่นวลนวลหยุดพูดไปครู่หนึ่ง:“แม้ว่าเขาจะดึงฉันเข้าไปเป็นข่าวอื้อฉาวครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าหากว่าเรื่องนี้เป็นเขาที่ทำ คุณยังจะคิดว่าเขาเป็นพี่ใหญ่ของคุณไหม……”
“ฉันจะให้คำอธิบายกับคุณเอง” เสียงแหบแห้งและแน่แน่วของโม่ถิงเซียวพูดขัดจังหวะเธอ
ดูเหมือนมู่นวลนวลจะโมโห น้ำเสียงของเธอก็เปลี่ยนเป็นแหลมคม:“ฉันไม่ต้องการคำอธิบายอะไรจากคุณ!ฉันกับคุณมีอะไรเกี่ยวข้องกัน?เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย!”
โม่ถิงเซียวอธิบายกับเธอ:“ฉันไม่รู้เรื่องทะเบียนสมรส”
มู่นวลนวลดึงมือของตัวเองออก และไม่พูดอะไรอีก
แม้แต่เธอยังสงสัยซือเฉิงยวี่ แน่นอนว่าโม่ถิงเซียวก็ต้องสืบรู้นานแล้ว
ดูเหมือนว่าโม่ถิงเซียวคนนี้จะเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่อันที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่มีความรู้สึกมากที่สุด โดยเฉพาะกับคนใกล้ตัว
เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อซือเฉิงยวี่จะทำอย่างนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่แบไพ่ที่อยู่ในมือให้ซือเฉิงยวี่ดู
จนกระทั่งซือเฉิงยวี่ใช้กลอุบายเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก
โม่ถิงเซียวไม่ใช่คนที่จิตใจลังเลไม่เด็ดขาด แต่เป็นเพราะเขาแคร์มากเกินไป เขาจึงคิดที่จะให้โอกาสซือเฉิงยวี่อีกครั้ง
แต่โอกาสที่เขาให้ซือเฉิงยวี่ ก็กลับกลายเป็นการทำร้ายมู่นวลนวล
อาจพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่าสำหรับเขาแล้ว ซือเฉิงยวี่สำคัญมากกว่าเธอ
โม่ถิงเซียวปล่อยซือเฉิงยวี่ไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้เกินเรื่องในวันนี้ขึ้น
เมื่อกูจื่อหยานกับเซินเหลียงที่อยู่ข้างๆได้ยินที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน สีหน้าท่าทางของพวกเขาก็ตกตะลึง
เซินเหลียงพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า:“เรื่องนี้ซือเฉิงยวี่เป็นคนทำ?”
“ทำไมเขาถึงทำอย่างนี้?” กูจื่อหยานก็ไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันเหนื่อยนิดหน่อย อยากจะพักผ่อน” มู่นวลนวลมองไปที่เซินเหลียง:“เสี่ยวเหลียง ฉันไปบ้านเธอได้ไหม?”
เซินเหลียงลุกขึ้นยืน:“แน่นอนว่าได้”