ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 202 ซือเฉิงยวี่สำคัญมากกว่าเธอ

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

กูจื่อหยานพามู่นวลนวลออกทางประตูหลังของ Shengding Media

ที่ประตูหลังมีรถคันสีดำจอดรออยู่

ทั้งสองคนเดินเข้าไปใกล้ และมีบอดี้การ์ดสองคนเปิดประตูให้ กูจื่อหยานผลักมู่นวลนวลเข้าไป แล้วสังเกตดูรอบๆก่อนที่จะขึ้นรถ

เมื่อขึ้นรถแล้ว คนขับรถก็ขับออกไปทันที

หลังจากพามู่นวลนวลออกมาได้สำเร็จ กูจื่อหยานก็ดูเหมือนจะโล่งใจ

เขาหันหน้าไปมองที่มู่นวลนวล ใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นอีก

“นวลนวล คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

หลังจากที่พูดจบ กูจื่อหยานก็รู้สึกว่าตัวเองถามคำถามโง่ๆ

เกิดเรื่องใหญ่อย่างนี้ขึ้น มู่นวลนวลจะไม่เป็นอะไรได้ยังไง

เดิมที่เธอกับโม่ถิงเซียวเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรม แต่พอทะเบียนสมรสถูกเปิดเผย มู่นวลนวลก็กลายเป็นมือที่สาม

ไม่ต้องพูดถึงมู่นวลนวล แม้แต่เขาที่เป็นผู้ชายก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่ารังเกียจ

มู่นวลนวลนั่งหน้าชาอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเธอไม่ขยับและไม่พูดอะไร ทำให้เขาเป็นกังวล

“คุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป เรื่องนี้ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น คุณต้องเชื่อใจถิงเซียว เขาต้องจัดการเรื่องนี้ได้” กูจื่อหยานพูดปลอบใจเธอ

แต่เขาพบว่าคำพูดของเขาไม่มีผลเลย

เขาเกาหัวด้วยความร้อนรน ในที่สุดเธอก็พูดประโยคแรกหลังจากที่ได้เจอเขา:“โม่ถิงเซียวอยู่ไหน?”

“เขา……” กูจื่อหยานเห็นสีหน้าท่าทางมู่นวลนวลไม่ปกติ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะโกหก:“เขาไปตรวจสอบงานที่ชานเมือง และกำลังกลับมา อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงน่าจะมาถึง”

“อา” มู่นวลนวลตอบ แล้วเอนหลังพิงเบาะ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก

……

รถมุ่งหน้าไปที่บ้านของกูจื่อหยาน

ห้องของกูจื่อหยานเป็นห้องระดับไฮเอนด์

เขาเปิดประตูไปด้วยและพูดอธิบายกับมู่นวลนวลไปด้วย:“ครั้งก่อนหลั๋วหยิ๋งตามไปที่คฤหาสน์ของถิงเซียว ตอนที้ที่นั่นคงมีนักข่าวจำนวนมากรออยู่ ดังนั้นฉันจึงพาคุณมาที่บ้านของฉันก่อน……”

เขาเป็นกังวลไม่กล้าพูดกระทบกระเทือนจิตใจของมู่นวลนวล นอกจากเซินเหลียงแล้ว ก็ยากที่จะเห็นกูจื่อหยานมีท่าทีอ่อนโยนกับผู้หญิงคนอื่น

“ขอบคุณนะ” มู่นวลนวลกล่าวขอบคุณ และเดินตามเขาเข้าไป

หลังจากที่เข้าไปแล้วกูจื่อหยานก็ถามเธอว่า:“ดื่มน้ำหน่อยไหม?หรือว่าอยากดื่มเครื่องดื่มอะไร?”

มู่นวลนวลส่ายหัว

แต่กูจื่อหยานก็รินน้ำอุ่นให้เธอหนึ่งแก้ว

ผ่านไปสักพัก มู่นวลนวลก็สะกิดมือเขา:“เอาโทรศัพท์มาให้ฉันหน่อย”

“โทรศัพท์หรอ……ไม่มีอะไรน่าดูเลย เรามาพูดคุยกันดีกว่า ใช่ไหม?” แน่นอนว่ากูจื่อหยานรู้ว่าในโซเซียลมีคนด่าเธอมากมายจนยากที่จะฟัง เขาจึงไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้มู่นวลนวล

มู่นวลนวลก็ไม่ได้บีบบังคับ

และเสียงกริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น

“ถิงเซียวน่าจะมาแล้ว” กูจื่อหยานพูดในขณะที่เดินไปเปิดประตู

ในที่สุดมู่นวลนวลก็มีปฏิกิริยา

เธอหันไปมองที่ประตู คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่โม่ถิงเซียว แต่เป็นเซินเหลียง

เซินเหลียงเป็นคนใจร้อนและบุ่มบ่ามมาตลอด เธอเดินตรงเข้ามาโดยที่เธอยังสวมเสื้อผ้าสำหรับที่จะถ่ายทำการแสดง กิ๊บติดผมของเธอยุ่งเหยิงมากพอที่จะบอกได้ว่าเธอกังวลมากแค่ไหนที่จะรีบมาที่นี่

“นวลนวล!” เซินเหลียงเดินตรงเข้ามากอดมู่นวลนวล เธออ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็พูดออกมาประโยคเดียว:“มันจะต้องมีทางออก”

มู่นวลนวลพยักหน้า:“อืม”

เซินเหลียงมองไปที่มู่นวลนวลและสังเกตอย่างละเอียด และพบว่านอกจากสีหน้าที่ซีดเซียวแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ

แต่เป็นเพราะมู่นวลนวลสงบเงียบมากเกินไป จึงทำให้เธอกังวลมากขึ้น

เธอกับกูจื่อหยานมองตากัน กูจื่อหยานก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญา

ทั้งสามคนนั่งอยู่ในห้องที่กว้าง แต่ไร้ซึ่งการพูดคุยกัน

หลังจากหนึ่งชั่วโมงแล้ว โม่ถิงเซียวก็ยังโอ้เอมาช้า

กูจื่อหยานเปิดประตู โม่ถิงเซียวก็เดินตรงไปที่มู่นวลนวล

เขารีบเดินมาตรงหน้ามู่นวลนวล แล้วจู่ๆของเขาก็มีท่าทางลังเล

เขาเดินไปถึงตรงหน้าเธอ เขานั่งยองๆแล้วกุมมือเธอ:“มู่นวลนวล”

มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้น สีหน้าเธอขาวเหมือนกับกระดาษแต่ไม่มีร่องรอยของการร้องไห้เลย:“คุณมาแล้ว”

“อืม” โม่ถิงเซียวพยักหน้า และดูลังเลที่จะพูด

แต่สุดท้ายก็พูดออกมาสามคำ:“เชื่อใจฉัน”

มู่นวลนวลไม่ได้พูดอะไร

ทำไมเธอจะไม่เชื่อใจเขา?

ที่ผ่านมา คนที่เธอเชื่อใจที่สุดก็คือโม่ถิงเซียว

แม้ว่าเธอจะเกี่ยวข้องกับหัวข้อประเด็นร้อน แต่เธอก็ไม่เคยกลัว เธอรู้ว่าโม่ถิงเซียวจะต้องจัดการปัญหานี้ได้

มู่นวลนวลจ้องมองไปที่โม่ถิงเซียวอย่างเย็นชา ดวงตาที่สวยงามของเธอไม่มีรอยยิ้ม แต่ดูว่างเปล่าและเฉยชา

หลังจากนั้นเธอก็ถามเบาๆว่า:“เขาเป็นคนทำใช่ไหม?”

กูจื่อหยานกับเซินเหลียงที่อยู่ข้างๆก็มองหน้ากันด้วยความสงสัยว่า“เขา”ที่มู่นวลนวลพูดถึงคือใคร

แต่มู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียวรู้ดีว่า“เขา”คนนั้นคือใคร

โม่ถิงเซียวรู้ว่าคนที่มู่นวลนวลพูดถึงคือซือเฉิงยวี่

มู่หวันฉีกับซือเฉิงยวี่ร่วมมือกัน เพราะซือเฉิงยวี่ต้องการเข้าสู่วงการบันเทิง

ถ้าเรื่องในวันนี้ เป็นมู่หวันฉีกับซือเฉิงยวี่ที่สมรู้ร่วมคิดกันทำ มันก็สมเหตุสมผล

นี่เป็นครั้งแรกที่โม่ถิงเซียวไม่กล้ามองตามู่นวลนวล เขาเม้มริมฝีปากแน่น หันไปมองด้านข้าง และมือที่ห้อยอยู่ข้างๆก็กำหมัดแน่น

“เหอะเหอะ”

จู่ๆมู่นวลนวลก็หัวเราะเบาๆ

“จนถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณ และจะเป็นอริกับคุณ” มู่นวลนวลหยุดพูดไปครู่หนึ่ง:“แม้ว่าเขาจะดึงฉันเข้าไปเป็นข่าวอื้อฉาวครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าหากว่าเรื่องนี้เป็นเขาที่ทำ คุณยังจะคิดว่าเขาเป็นพี่ใหญ่ของคุณไหม……”

“ฉันจะให้คำอธิบายกับคุณเอง” เสียงแหบแห้งและแน่แน่วของโม่ถิงเซียวพูดขัดจังหวะเธอ

ดูเหมือนมู่นวลนวลจะโมโห น้ำเสียงของเธอก็เปลี่ยนเป็นแหลมคม:“ฉันไม่ต้องการคำอธิบายอะไรจากคุณ!ฉันกับคุณมีอะไรเกี่ยวข้องกัน?เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย!”

โม่ถิงเซียวอธิบายกับเธอ:“ฉันไม่รู้เรื่องทะเบียนสมรส”

มู่นวลนวลดึงมือของตัวเองออก และไม่พูดอะไรอีก

แม้แต่เธอยังสงสัยซือเฉิงยวี่ แน่นอนว่าโม่ถิงเซียวก็ต้องสืบรู้นานแล้ว

ดูเหมือนว่าโม่ถิงเซียวคนนี้จะเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่อันที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่มีความรู้สึกมากที่สุด โดยเฉพาะกับคนใกล้ตัว

เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อซือเฉิงยวี่จะทำอย่างนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่แบไพ่ที่อยู่ในมือให้ซือเฉิงยวี่ดู

จนกระทั่งซือเฉิงยวี่ใช้กลอุบายเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก

โม่ถิงเซียวไม่ใช่คนที่จิตใจลังเลไม่เด็ดขาด แต่เป็นเพราะเขาแคร์มากเกินไป เขาจึงคิดที่จะให้โอกาสซือเฉิงยวี่อีกครั้ง

แต่โอกาสที่เขาให้ซือเฉิงยวี่ ก็กลับกลายเป็นการทำร้ายมู่นวลนวล

อาจพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่าสำหรับเขาแล้ว ซือเฉิงยวี่สำคัญมากกว่าเธอ

โม่ถิงเซียวปล่อยซือเฉิงยวี่ไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้เกินเรื่องในวันนี้ขึ้น

เมื่อกูจื่อหยานกับเซินเหลียงที่อยู่ข้างๆได้ยินที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน สีหน้าท่าทางของพวกเขาก็ตกตะลึง

เซินเหลียงพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า:“เรื่องนี้ซือเฉิงยวี่เป็นคนทำ?”

“ทำไมเขาถึงทำอย่างนี้?” กูจื่อหยานก็ไม่อยากจะเชื่อ

“ฉันเหนื่อยนิดหน่อย อยากจะพักผ่อน” มู่นวลนวลมองไปที่เซินเหลียง:“เสี่ยวเหลียง ฉันไปบ้านเธอได้ไหม?”

เซินเหลียงลุกขึ้นยืน:“แน่นอนว่าได้”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท