เซินเหลียงได้ยินดังนั้นก็พูดว่า:“งั้นก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
“อืม” มู่นวลนวลลุกขึ้นแล้วเข้าห้องไป
ตอนที่เธอจะปิดประตู เธอเห็นเซินเหลียงก้มมองที่โทรศัพท์แล้วขมวดคิ้วแน่น
เซินเหลียงน่าจะกำลังอ่านความคิดเห็นในโซเชียล
ปิดประตูแล้ว ในห้องก็มีแค่เธอคนเดียว
มู่นวลนวลพิงประตูแล้วทรุดลงที่พื้น จากนั้นน้ำตาก็ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว
เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจมากนัก เพียงแต่รู้สึกเหนื่อยมาก
ตั้งแต่เด็กเธออิจฉาพ่อแม่และญาติคนอื่นๆ หลังจากที่เธอเข้าเรียนสาขาภาพยนตร์ เธอก็เริ่มรับเขียนบท และเริ่มหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ เธอรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้อิจฉาคนอื่นมากขนาดนั้น
การใช้ชีวิตคนเดียวก็ไม่ยากเท่าไหร่
ต่อมาเธอแต่งงานเข้าตระกูลโม่ ก็ถูกโม่ถิงเซียวหลอกว่าเป็น“โม่เจียเฉิน” ได้นานขนาดนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะโกรธ แต่ก็เทียบไม่ได้กับการที่โม่ถิงเซียวปฏิบัติต่อเธออย่างดี
เธอต้องการความอบอุ่นและความรักมาก
เพราะเธอไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นเมื่อมีคนเข้าใกล้ชิดกับเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปและทุ่มเททั้งกายใจของเธอเข้าไปในนั้นด้วย
เมื่อพูดถึงความรู้สึก คนก็มีความโลภ
แต่ในใจของโม่ถิงเซียว เธอไม่ได้สำคัญที่สุด
ไม่ได้สำคัญที่สุด
เขาใช้เธอเพื่อทดสอบซือเฉิงยวี่
ที่แท้ในใจของเขา เธอก็เป็นแค่เครื่องมือ
……
มู่นวลนวลไม่รู้ว่าคืนนี้ตัวเองจะนอนหลับได้ยังไง และจะตื่นมายังไง
แต่หลังจากผ่านคืนนี้ไป มู่นวลนวลก็สงบลงมาก
ตอนนี้เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อเธอมาก
ต่อไปเธอจะเข้าสู่วงการบันเทิงในฐานะคนเขียนบท
แต่ตอนนี้ความผิดที่เป็น“มือที่สาม”สวมอยู่บนหัวเธอ หลังจากนี้อย่าว่าแต่ชื่อเสียงของเธอเลย สิ่งที่พวกเขาจะนึกถึงเธอเป็นอับดับแรกคือเป็น “มือที่สาม”
แต่เธอไม่สามารถที่จะละทิ้งการเขียนบทได้ และไม่สามารถยอมรับได้ว่าตัวเองเป็น“มือที่สาม”
ถึงอย่างไรคนที่แต่งงานเข้าตระกูลโม่ก็คือเธอ
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเข้าไปในเวยป๋อ
มีแต่คนด่าเธอ
แม้ว่าเธอจะทำใจไว้แล้ว แต่เมื่อเห็นว่ามีคนแสดงความคิดเห็นด่าเธอมากขนาดนี้ เธอก็รู้สึกอึดอัดใจ
“นวลนวล ตื่นมากินข้าวเช้าได้แล้ว”
เสียงของเซินเหลียงดังอยู่ข้างนอก น้ำเสียงของเธอก็ดูระมัดระวังเล็กน้อย
มู่นวลนวลปิดโทรศัพท์ ใสรองเท้าและเดินออกไป:“มาแล้ว”
เมื่อเธอเปิดประตู ก็พบว่าเซินเหลียงยืนอยู่ตรงประตูด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก
มู่นวลนวลยิ้มให้เธอ:“ไปเถอะ ไปกินข้าวเช้ากัน”
“อ่า” เซินเหลียงเดินไปอย่างเฉื่อยชา
เมื่อวานเธอเห็นเซินเหลียงตื่นตะลึงอย่างนั้น ในใจเธอก็เป็นกังวล ยังคิดอยู่ว่าวันนี้เธอจะปลอบมู่นวลนวลยังไง
แต่มู่นวลนวลดูเหมือนจะโอเค ถึงได้ออกมาอย่างนี้……
เธอนั่งลงที่โต๊ะอาหาร:“นวลนวล……”
มู่นวลนวลพูดขัดจังหวะเธอว่า:“อีกเดี๋ยวฉันจะกลับไปที่บ้านตระกูลมู่”
“เธอจะกลับไปที่บ้านตระกูลมู่ทำไม?”เซินเหลียงวางตะเกียบลงทันทีและมองไปที่เธอ
“เรื่องทะเบียนสมรสนั่น ต้องเกี่ยวข้องกับมู่หวันฉีแน่ๆ เรื่องนี้ฉันกับโม่ถิงเซียวก็ไม่รู้ แต่คนตระกูลมู่ต้องรู้อะไรแน่ๆ”
มู่นวลนวลพูดจบแล้วก็ดื่มนมจนหมดแก้ว ลุกขึ้นยืนและพูดว่า:“เธอมีอะไรก็ไปทำเถอะ ฉันกลับไปคนเดียวได้”
“แต่……” เซินเหลียงยังรู้สึกเป็นห่วงเธอ
“เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่ปั้นแต่งขึ้นมา สีดำไม่สามารถพูดว่าเป็นสีขาวได้” มู่นวลนวลยิ้ม :“เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
ทุกอย่างจะผ่านไป ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับโม่ถิงเซียว เธอเองก็คิดไม่ตก แต่เรื่องที่สำคัญที่สุด คือการแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้า
……
มู่นวลนวลเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าของเซินเหลียง ก่อนที่จะออกจากไป
และเธอยังสวมแว่นกันแดดและหน้ากากด้วย
หลังจากปลอมตัวเสร็จ ก็เห็นเซินเหลียงแสยะยิ้ม มู่นวลนวลก้พูดให้เธอคลายกังวลว่า:“ถือว่าเป็นการเสพสุข หลังจากที่มีชื่อเสียงแล้ว”
เมื่อเดินออกไปถึงประตู มู่นวลนวลก็เห็นซือเย่
“คุณหญิง” ผมของซือเย่ยุ่งเหยิง เหมือนกับว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้นอน
มู่นวลนวลขมวดคิ้วและถามว่า:“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”
“คุณชายให้ผมมารอที่นี่ ถ้าคุณหญิงต้องการไปที่ไหน ก็ให้ผมไปส่งคุณ” ซือเย่พูดด้วยนำเสียงที่ความเคารพ
มู่นวลนวลสีหน้าตะลึง และเธอไม่ได้พูดอะไรสักพัก
โม่ถิงเซียวผู้ชายคนนั้น บางครั้งก็ฉลาดจนน่ากลัว
เขาเหมือนจะรู้ว่าเธอจะกลับไปที่บ้านตระกูลมู่
“งั้นก็รบกวนคุณแล้ว”
สถานการณ์ตอนนี้เป็นเรื่องด่วน มีซือเย่ไปส่งเธอก็จะสามารถลดปัญหาได้มาก
หลังจากขึ้นรถ มู่นลนวลก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเข้าเวยป๋อ
ในเวยป๋อหัวข้อประเด็นร้อนที่เกี่ยวกับเธอถูกถอนออกแล้ว ไม่เห็นแม้แต่เงา
แม้แต่เพจหลักๆก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเธอ
อย่างไรก็ตามบางเว็บยังมีเนื้อหาบางส่วนที่เป็นหัวข้อประเด็นร้อน
“ว่ากันว่าในตอนแรกคุณชายของตระกูลโม่มีการหมั้นหมายกับคุณหนูรองของตระกูลมู่ ซึ่งตอนนี้คือพี่สาวของสะใภ้ตระกูลโม่……แต่สุดท้ายคนที่แต่งงานคือคุณหนูสามของตระกูลมู่……”
“ว่ากันว่าคุณหนูสามของตระกูลมู่ทั้งขี้เหร่ทั้งโง่ไม่ใช่หรอ?”
“ใครจะรู้?คนรวยอาจะมีรสนิยมแปลกๆ?”
“อาจเป็นไปได้ว่าสองพี่น้องนั้นกำลังปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างๆคุณชายโม่”
“น้ำที่อุดมสมบูรณ์นั้นมักจะลึกมาก……”
“อย่างไรก็ตามสองพี่น้องตระกูลมู่นั่นคงไม่ได้ดีเท่าไหร่……”
มู่นวลนวลอ่านความคิดเห็นแล้วก็รู้สึกโกรธ
แต่หลังจากอ่านจบเธอก็ปลอบใจตัวเองว่าพวกเขาไม่ได้สำคัญอะไร แล้วเธอก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย
แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
ไม่ใช่ของมู่นวลนวล แต่เป็นของซือเย่
ซือเย่หยิบโทรศัพท์และมองไปที่หมู่นวลนวลในกระจกมองหลัง
เป็นโม่ถิงเซียวที่โทรเข้ามา
เขาไม่ได้นอนทั้งคืน จึงพูดเสียงแหบๆ:“มู่นวลนวลอยู่ในรถ?”
ซือเย่ตอบกลับ:“ครับ”
“ฉันจัดบอดี้การ์ดให้ไปที่นั่นแล้ว ไปถึงที่นั่นแล้วก็ระวังตัวด้วย ถ้าเธอเป็นอะไรแม้แต้น้อย นายก็ไม่ต้องกลับมาให้ฉันเจอ”
เสียงของโม่ถิงเซียวเป็นปกติ ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้วไม่มีการข่มขู่ใดๆ แต่ได้ยินเสียงเหงื่อที่หน้าผากของซือเย่
“รับทราบครับ”
เมื่อซือเย่วางสาย ก็พบว่ามู่นวลนวลหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นให้เขา:“เครื่องปรับอากาศอุณหภูมิสูงเกินไปหรอ?ทำไมคุณร้อนจนเหงื่อออก?”
เขาไม่ได้ร้อน แต่เขาตกใจกลัว
แต่ในวินาทีถัดมา ซือเย่ก็ฝืนใจพูดว่า:“ขอบคุณครับคุณหญิง ผมร้อนนิดหน่อย”
ไม่นานก็ถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่
มีรถสองคันจอดอยู่ที่ทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลมู่
มู่นวลนวลก็สงสัยว่าใครมา แล้วเธอก็เห็นผู้ชายที่ใส่ชุดสูทเหมือนบอดี้การ์ดลงมาจากรถทั้งสองคัน
ดูเหมือนว่าจะเป็นคนในคฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว
บอดี้การ์ดพวกนั้นเดินเข้ามาที่มู่นวลนวล แลเปิดประตูรถให้เธอ:“คุณหญิง”
มู่นวลนวลลงจากรถ:“พวกคุณมาทำอะไรที่นี่?”
บอดี้การ์ดดูเหมือนจะนัดกันมาล่วงหน้า และพูดพร้อมกันว่า:“รอคุณ”
“……” จู่ๆมู่นวลนวลก็รู้สึกว่าพวกเขาดูซื่อๆ
ทันใดนั้นก็มีนักข่าวโผล่ออกมาจากป่าฝั่งตรงข้ามถนน:“สวัสดีค่ะคุณหญิงโม่ ขอสัมภาษณ์ได้ไหมคะ?”