มู่นวลนวลออกคำสั่งทันที: ” พาเธอไปส่งโรงพยาบาล ”
บอดี้การ์ดได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ลงมือปฏิบัติในทันที เเต่ได้หันไปมองโม่ถิงเซียวนิดหน่อย
โม่ถิงเซียวกวาดสายตามองบอดี้การ์ด: ” ไม่ได้ยินคำพูดของคุณหญิงหรือไง? พาคนไปส่งโรงพยาบาล! ”
พอมู่นวลนวลได้ยินที่เขาพูด เธอก็หันไปมองเขาทันที
โม่ถิงเซียวก้มหน้าลงนิดหน่อย เขานั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าไร้อารมณ์ของเขาดูน่ากลัวเล็กน้อย เเละทำให้คนเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
มู่นวลนวลมองเขา เธออยากพูดอะไรสักอย่าง เเต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
อุบัติเหตุทางรถยนต์ก่อนหน้านี้ มู่นวลนวลคิดไว้แล้วว่าคนก่อเรื่องอาจเป็นมู่หวันฉี
ถึงอย่างไร คนที่อยากให้เธอตายก็มีเเค่มู่หวันฉีคนเดียวเท่านั้น
นี่ไม่ใช่ครั้งเเรกที่มู่หัวฉีต้องการทำให้เธอตาย
เธอเดาได้ว่าโม่ถิงเซียวอาจจะรู้อยู่เเล้วว่ามู่หวันฉีคือคนก่อเรื่อง เเละเขาก็จะไม่ปล่อยเธอไปอย่างเเน่นอน
เเต่ตอนที่เธอเห็นวิธีที่โม่ถิงเซียวใช้ทรมานมู่หวันฉีเเล้ว เธอก็รู้สึกหนาวที่ด้านหลัง
อย่าว่าเเต่มู่หวันฉีเลย ใครก็ตามที่ยังได้สติเเละถูกเเล่เนื้อบนตัวทีละชั้นแบบนั้น ก็ทนไม่ไหวกันทั้งนั้นแหละ
” ครับ ”
พอบอดี้การ์ดได้รับคำสั่งของโม่ถิงเซียว ก็รีบพยุงมู่หวันฉีขึ้นมาเเละพาไปที่โรงพยาบาลทันที
ซือเย่ตามไปอย่างรู้งานเเละปล่อยให้โม่ถิงเซียวกับมู่นวลนวลอยู่ในห้องสองต่อสอง
เเสงไฟในห้องสว่างไสว เเละเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
มู่นวลนวลหันไปเห็นเนื้อบนพื้นที่ถูกบอดี้การ์ดเเล่ออกมาจากบนตัวของมู่หวันฉี……
” แหวะ…… ”
ความรู้สึกคลื่นไส้ตีขึ้นมาทันที ท้องไส้ของเธอปั่นป่วน มู่นวลนวลปิดปากโค้งตัวเเละรู้สึกคลื่นไส้เป็นระยะ
โม่ถิงเซียวลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ หลังจากนั้นเขาก็เดินไปพยุงมู่นวลนวล เขาตบหลังให้เธอด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงเเละพูดขึ้นเสียงทุ้ม: ” เราออกไปข้างนอกก่อนเถอะ ”
มู่นวลนวลรู้สึกทรมานมาก เธอเดินตามโม่ถิงเซียวออกไปอย่างว่าง่าย
โม่ถิงเซียวโอบกอดมู่นวลนวลเเละผลักประตูออกไป พอออกมาก็เห็นซือเฉิงยวี่ที่ไม่รู้ว่ายืนอยู่ตรงทางเข้ามานานเท่าไหร่เเล้ว
ซือเฉิงยวี่ใส่ชุดสูทจีบตรงสีดำ ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว เขาดูอ่อนโยนและสง่างาม บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มอ่อนโยนเสมอต้นเสมอปลาย
เมื่อก่อน มู่นวลนวลไม่เพียงดูหนังของเขาเท่านั้น เเต่ยังเป็นแฟนคลับของเขาด้วย ก็เพราะรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนและไม่เป็นอันตรายของซือเฉิงยวี่
ตอนนี้พอมองซือเฉิงยวี่อีกครั้ง มู่นวลนวลกลับรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
สายตาของซือเฉิงยวี่กวาดมองพวกเขาสองคน หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นยิ้มๆ: ” ถิงเซียว ฉันขอบคุณมากที่นายปล่อยหวันฉีไป ”
น้ำเสียงของเขายังอ่อนโยนเหมือนครั้งเเรกที่เจอกัน ทำราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
มู่นวลนวลขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าซือเฉิงยวี่จงใจยั่วยุโม่ถิงเซียว
เธอพลิกมือเเละจับมือของโม่ถิงเซียวไว้ เธอมองซือเฉิงยวี่อย่างเย็นชา: ” มู่หวันฉีจะต้องได้รับโทษที่เธอควรได้รับ ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่เราปล่อยเธอไป ”
” ที่นวลนวลพูดแบบนี้ก็ถูก ” รอยยิ้มของซือเฉิงยวี่ลึกซึ้งกว่าเดิม ลึกจนน่าประหลาดใจไปหน่อย
คำพูดของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและถามเธอ: ” นี่เป็นครั้งเเรกที่คุณเห็นวิธีการจัดการเรื่องราวของโม่ถิงเซียวใช่ไหม ถึงเเม้ว่าวิธีการของเขาจะโหดเหี้ยมไปหน่อย เเต่เขาทำเพื่อคุณนะ คุณก็อย่ากลัวเขาเพราะเรื่องนี้เเล้วกัน ”
ในดวงตาของซือเฉิงยวี่มีรอยยิ้มอยู่ในนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาได้ซ่อนเจตนาที่ไม่ดีอยู่เต็มไปหมด
ก่อนหน้าที่มู่นวลนวลจะเเต่งงานกับโม่ถิงเซียว เธอเป็นเพียงเเค่เด็กผู้หญิงธรรมดาทั่วไป
เด็กสาวที่อาศัยอยู่ในโลกที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง อย่างมากก็เเค่ถูกมีดบาด จะไปเคยเห็นวิธีการที่โหดเหี้ยมของโม่ถิงเซียวได้ยังไง เธอจะรู้สึกกลัวเป็นธรรมดา
ซือเฉิงยวี่เคยติดต่อกับมู่นวลนวลอยู่หลายครั้ง เขาจึงคิดไปเองว่าตัวเองรู้จักมู่นวลนวลเป็นอย่างดี
เขาคิดว่าพอผ่านเรื่องนี้ไป มู่นวลนวลจะต้องกลัวโม่ถิงเซียวอย่างแน่นอน
เเต่เขาไม่รู้ว่าในใจของมู่นวลนวลนั้น โม่ถิงเซียวเป็นผู้ชายที่โหดเหี้ยมเเละมีความคิดลึกซึ้งมาตั้งเเต่เริ่ม
ดังนั้น ไม่ว่าโม่ถิงเซียวจะทำเรื่องอะไร ถึงเเม้ว่ามู่นวลนวลจะรู้สึกประหลาดใจ เเต่เธอกลับไม่กลัวโม่ถิงเซียวอย่างที่ซือเฉิงยวี่คิด
บางทีเธออาจกลัวโม่ถิงเซียวอยู่นิดหน่อย เเต่เธอก็ไม่ได้กลัวโม่ถิงเซียวอย่างที่ซือเฉิงยวี่คิด
มู่นวลนวลหัวเราะเบาๆ ในน้ำเสียงของเธอมีความจริงใจอยู่ในนั้น: ” ในเมื่อพี่ชายพูดเเล้วว่าโม่ถิงเซียวทำแบบนี้เพื่อฉัน งั้นฉันจะกลัวเขาเพราะเรื่องนี้ทำไมล่ะ? ฉันต้องรักเขาสิถึงจะถูก ”
ซือเฉิงยวี่ไม่คิดว่ามู่นวลนวลจะตอบเขาแบบนี้
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปนิดหน่อย หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาสองคำด้วยใบหน้าที่เย็นชา: ” งั้นหรอ? ”
” ก็ใช่น่ะสิ ” มู่นวลนวลเลิกคิ้วเเละมองซือเฉิงยวี่อย่างยั่วยุ
ซือเฉิงยวี่กระตุกมุมปากนิดหน่อย: ” งั้นผมจะรอดู ”
พูดจบเขาก็หมุนตัวเเละเดินจากไป
พอเขาไป มู่นวลนวลก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเเละกำลังจะเดินไปด้านหน้า
เเต่เธอเดินไปไม่ได้ เพราะผู้ชายด้านข้างจับมือเธอไว้อยู่
เธอหันกลับไปเเละพบว่าโม่ถิงเซียวกำลังจ้องเธอด้วยสายตาที่เเวววาว
สายตาของเขาเหมือนมีเปลวไฟเล็กๆสองดวงถูกจุดอยู่ข้างใน
มู่นวลนวลขมวดคิ้ว: ” คุณเป็นอะไร? ”
โม่ถิงเซียวจับมือเธอไว้ น้ำเสียงของเขาเป็นความอ่อนโยนที่หาได้ยาก: ” พูดอีกครั้ง ”
พูดอีกครั้ง?
มู่นวลนวลคิดอยู่สักครู่ เธอจึงทำได้เพียงพูดอีกครั้ง: ” คุณเป็นอะไร? ”
” ก่อนประโยคนี้ ” โม่ถิงเซียวแสดงความอดทนอย่างมาก ใบหน้าของเขาดูมีความคาดหวังเล็กน้อย
” ก่อนหน้านี้ฉันพูดไปตั้งเยอะ ฉันจะรู้ได้ไงว่าคุณจะให้ฉันพูดประโยคไหน? ” เมื่อสักครู่ ตอนที่มู่นวลนวลต่อว่าซือเฉิงยวี่ เธอคิดอะไรออกก็พูดออกไปแบบนั้น เเละไม่รู้ว่าเขาอยากฟังประโยคไหนกันแน่
โม่ถิงเซียวเม้มปาก เขาดูเหมือนผิดหวังนิดหน่อย
เเต่วินาทีต่อมาโม่ถิงเซียวก็ประคองหน้ามู่นวลนวลเเละจูบลงไปทันที
ปฏิกิริยาแรกของมู่นวลนวลคือเหมือนตอนนี้พวกเขาจะอยู่ตรงทางเดินหน้าประตูห้อง
เธออาย เเละไม่อยากจูบเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย
อีกอย่าง ตอนนี้เธอกับโม่ถิงเซียวยังคงมีความขัดแย้งกันอยู่
เเต่โม่ถิงเซียวกลับไม่สนใจการกกีดกันของเธอเลย เขาจูบอย่างอ่อนโยนเเละดุเดือด จนกระทั่งมู่นวลนวลขาอ่อน เขาถึงจะปล่อยเธอ
เขายังรู้สึกดีอยู่นิดหน่อยเเละใช้นิ้วเเตะที่ริมฝีปากของมู่นวลนวลเบาๆ สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะฉกฉวยริมฝีปากของเธออีกครั้ง
มู่นวลนวลหายใจหอบ ตอนเธอเงยหน้าขึ้น สิ่งเเรกที่เห็นคือดวงตาของโม่ถิงเซียวที่ปกติจะลึกเหมือนน้ำหมึก เเต่ตอนนี้กำลังเปล่งประกาย เหมือนมีดาวพร่างพราวอยู่ในนั้นเเละสว่างลานตามาก
มู่นวลนวลครุ่นคิดอย่างงุนงง เมื่อสักครู่ตกลงว่าเธอพูดคำว่าอะไรกันแน่ ถึงทำให้โม่ถิงเซียวดีใจได้ถึงขนาดนี้?
เหมือนจะเป็น……
——ฉันจะกลัวเขาเพราะเรื่องนี้ได้ไงล่ะ?
ไม่ใช่ประโยคนี้ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก
เธอเคยเห็นมู่ถิงเซียวจัดการกับคนที่ลักพาตัวทั้งสองคนเเล้ว และเธอไม่ได้ทำราวกับว่าเธอกลัวเขา และปฏิกิริยาของโม่ถิงเซียวก็ไม่มีอะไรพิเศษ นี่จึงไม่ใช่สาเหตุอย่างแน่นอน
ด้านหลัง ดูเหมือนว่าเธอจะพูดอีกประโยค……
พอมู่นวลนวลรู้เเล้วว่าตัวเองได้พูดอะไรออกไปก่อนหน้านี้ เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะมอดไหม้
เธอเป็นคนที่เข้าข้างคนของตัวเอง ไม่ว่าก่อนหน้านี้ระหว่างเธอกับโม่ถิงเซียวจะมีความขัดเเย้งอะไรกัน เธอสามารถโทษเขาเเละไม่สนใจเขา เเต่คนอื่นห้ามมาว่าเขาไม่ดี