ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 222 ไม่คิดว่ามันสายเกินไปแล้วหรอ

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

เสี่ยวชูเหอหน้าเสีย ลุกขึ้นมาอธิบายกับพวกเขา: “ฉันเป็นแม่ของเธอ!ฉันเป็นแม่ของมู่นวลนวล!”

ถึงเสื้อผ้าที่เธอใส่จะแพงแต่ตอนนี้หน้าเธอที่โดนตบก็บวมขึ้นแล้วยังโดนบอดี้การ์ดโยนทิ้งข้างถนน ตอนนี้เธอราวกับคนเร่ร่อน

บอดี้การ์ดสงสัย: “คุณบอกว่าคุณเป็นแม่ของเธอ ทำไมคุณไม่โทรหาเธอก่อนละ?”

“ฉัน…….”

บอดี้การ์ดถามเธอแบบนั้นเธอถึงกับพูดไม่ออก

เธอเองก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอและมู่นวลนวลทำไมกลายมาเป็นแบบนี้

เมื่อก่อนเป็นมู่นวลนวลที่คอยเอาใจใส่คอยเข้าหาเธอตลอด

แต่ตอนนี้ โทรศัพท์ของเธอมู่นวลนวลก็ไม่รับ อยากจะเจอเธอก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

“คุณรีบไปเถอะ” บอดี้การ์ดบอกกับเธอเช่นนั้นแล้วเดินจากไป

เสี่ยวชูเหอก็ไม่ได้ตามตอแยอีก

เธอนึกถึงเขาพูดว่ามูนวลนวลไม่อยู่บ้านจึงไม่ตามไปและนั่งรอที่ข้างถนน รอมู่นวลนวลกลับมา

มู่นวลนวลกลับมาคงผ่านถนนเส้นนี้ เธอจึงนั่งรออยู่ตรงนั้น

มู่นวลนวลมองเห็นเธอต้องรับเธอกลับบ้านด้วยแน่นอน

ถึงยังไงแล้วเธอก็ยังเป็นแม่ของมู่นวลนวล

พอคิดแบบนี้แล้วเสี่ยวชูเหอก็มั่นใจขึ้นมา และนั่งรอเธออย่างใจจดใจจ่อ

เธอรอจนถึง 5 โมงเย็นและเธอก็หนาวมาก ขณะนั้นเธอมองเห็นรถที่กำลังจะขึ้นเขามา

เสี่ยวชูเหอดีในมาก เธอวิ่งไปขวางรถไว้

ซือเย่เป็นคนขับรถ โม่ถิงเซียวนั่งอยู่ข้างหลัง กำลังใช้โทรศัพท์ดูโพสที่มู่นวลนวลโพสไว้ในเวยป๋อ

“คุณชายข้างหน้ามีคนยืนขวางรถอยู่”

ได้ยินซือเย่พูดเช่นนั้น เขาก็พูดแค่ว่า : “ดูสิว่าเป็นใคร”

ซือเย่ได้ยินเช่นนั้นก็จอดรถ

เสี่ยวชูเหอเห็นรถจอดเธอก็วิ่งเข้ามา

พร้อมเรียก : “นวลนวล นวลนวลอยู่ในรถไหม?”

ได้ยินเสียงเธอ โม่ถิงเซียวจึงเงยหน้าขึ้นมอง

โม่ถิงเซียวได้เห็นสีหน้าของเธอจึงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา แล้วเปิดประตูรถ

เสี่ยวชูเหอเห็นคนขับนถอยู่ข้างหน้าเธอจึงเดินมาประตูหลังเพราะคิดว่ามูนวลนวลอยู่ข้างหลังและประตูก็เปิดออก

โม่ถิงเซียวออกมาจากรถ เสี่ยวชูเหอเธอตกใจ พูดติดติดขัดขัด : “นวล….นวลนวลไม่อยู่ในรถหรอ?”

โม่ถิงเซียวปิดประตูรถ พูดอย่างเย็นชา : “มาหาเธอ?”

“ใช่……ฉันมาหาเธอ” แม้ว่าข้างหน้าเธอจะเป็นลูกเขย แต่เธอก็ไม่กล้าจะสบตาเขา

ลมหายใจของเขาแรงมาก แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดสลัวและเธอไม่สามารถมองเห็นการแสดงออกของเขาได้ชัดเจน เธอก้มศีรษะลงและรู้สึกได้ถึงความเย็นชาของ

“มาหาเธอทำไม?”

น้ำเสียงของเขาทำให้เสี่ยวชูเหอรู้สึกกลัว

“ฉันแค่มาเยี่ยมเธอ…….”

“คุณไม่คิดว่ามันสายเกินไปแล้วหรอ?” น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวเริ่มน่าฟังขึ้น

เธอได้ยินเช่นนั้นกลับไม่เข้าใจว่าเขาจะสื่ออะไร: “อะไรคือสายเกินไป?”

“คราวหลังไม่ต้องมาหามู่นวลนวลอีก”

ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากบ้านไม่ไกล และสามารถมองเห็นไฟจากที่บ้านได้

โม่ถิงเซียวมองไปที่บ้าน น้ำเสียงเย็นชา : “บนโลกนี้มีหลายวิธีที่ทำให้คนคนหนึ่งสามารถหายตัวไปตลอดกาล”

น้ำเสียงของโม่งถิงเซียวที่ขู่เธอทำให้เสี่ยวชูเหอกลัว

“ฉันแค่จะมาหาเธอฉันไม่ได้จะทำอะไร………….” เสียงของเธอสั่นรัว

“คุณคิดว่าคุณมีคุณสมบัติมากพอจะเจอเธอหรอ?” โม่ถิงเซียวเดินเข้าหาเธอ เสี่ยวชูเหอตกใจกลัวแล้วนั่งลงไปที่พื้น

โม่งถิงเซียวเห็นเช่นนั้นก็ไม่แยแสและเดินขึ้นรถไป

รถขับตรงไปที่บ้าน มองกลับหลังยังเห็นเงาของเสี่ยวชูเหอที่เดินลงไปจากเขา

เธอน่าสงสารมาก

อย่างไรก็ตามความน่าสงสารอาจหันกลับมาทำร้ายพวกเขาได้

รถจอดที่หน้าประตูบ้าน โม่งถิงเซียวเดินเข้าบ้านไปก็มีคนรับใช้ออกมาตอนรับอย่างดีใจ : “คุณชายกลับมาแล้ว”

เขาไม่มองเธอเลย และถอดเสื้อสูทให้ป้าหู

ป้าหูรับเสื้อ ไม่รอให้โม่งถิงเซียวเอ่ยปากถามและพูดขึ้น: “คุณผู้หญิงช่วงบ่ายทานอะไรเล็กน้อยแล้วก็ขึ้นไปนอนและเธอก็ยังไม่ตื่น กำลังว่าจะขึ้นไปปลุกค่ะ”

โม่ถิงเซียวพยักหน้า : “ผมไปปลุกเอง”

พอโม่งถิงเซียวขึ้นไปแล้ว ป้าหูหันกลับมามองเด็กคนรับใช้คนนั้น เธอไม่พอใจ: “ทำงานอยู่ที่นี้มีสติหน่อย อย่าคิดเอาคุณชายไปเปรียบเทียบกับคุณชายบ้านอื่น เขาต่างจากคนพวกนั้น”

เธอได้ยินเช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก พยักหน้าตอบรับ : “รับทราบค่ะ”

คุณผู้หญิงตอนนี้กำลังตั้งท้อง และคุณผู้ชายเป็นคนที่เลือดร้อน เธอไม่เชื่อว่าคุณผู้ชายจะทนไม่มีหญิงอื่นได้

คุณชายหน้าตาหล่อเหลาและรวย ถ้าเกิดเธอทำให้คุณชายถูกใจได้ เธอก็ไม่ต้องเป็นคนรับใช้อีกต่อไป

เมื่อก่อนเจ้าสัวโม่มองหาคนรับใช้ เขาสั่งให้หาคนที่คล่องแคล่ว ฉลาดและดูดี สุดท้ายจึงได้คนรับใช้ที่ทั้งเด็กแล้วก็ยังสาวอยู่เป็นจำนวลนวลมาก

ป้าหูแกอยู่ที่นี้มานาน และเธอก็รู้สึกได้ว่ามีคนรับใช้สาวๆที่คิดไม่ซื่ออยู่บ้าง

แต่คนพวกนี้เป็นเด็กของเจ้าสัวโม่ เธอจะไล่ออกก็ไม่ได้เพราะกลัวจะทำให้เจ้าสัวโม่ไม่พอใจ

ป้าหูถอนหายใจแล้วส่ายหัว

โม่งถิงเซียวเดินเบาๆเข้าไปในห้อง

มู่นวลนวลก็ตื่นพอดี นอนนานเกินไปทำให้เธอไม่มีแรงและนอนอยู่อย่างนั้น จะยืนมือไปเอาโทรศัพท์ที่วางไว้ตรงหัวเตียงแต่ก็หาไม่เจอ

มือที่ใหญ่และเรียวยื่นไปเอาโทรศัพท์ส่งให้เธอ

มู่นวลนวลมองมือและมองไปมี่เขาก็พบว่าเป็นโม่ถิงเซียว ที่สีหน้าให้ควมรู้สึกอบอุ่น

สองสามวันนี้เขาอารมณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ

โม่นวลนวลถือโทรศัพท์ไว้แล้วถามเขา : “พึ่งจะกลับมาหรอ?”

โม่ถิงเซียวพยักหน้าแล้วพยุงเธอลุกขึ้น: “ลุกขึ้นไปล้างหน้าแล้วลงไปทานข้าวกัน”

ทั้งสองกำลังทานข้าวอยู่ สาวรับใช้สองคนที่ยื่นอยู่ข้างหลังโม่ถิงเซียว สายตามองไปที่โม่ถิงเซียวตลอด

มู่นวลนวลยิ้มและมองไปที่สาวใช้ทั้งสอง และพูดออกมาว่า : “อยากกินกุ้งจากร้านจินติง”

โม่งถิงเซียวได้ยินเช่นนั้นก็ว่างตะเกียบลง : “ผมให้คนส่งมาให้”

“ไม่! คุณต้องไปเอามาเอง” มู่นวลนวลทำหน้างอเหมือนคนไม่มีเห็นผล

โม่ถิงเซียวรู้สึกแปลกใจ แต่ปากก็พูดไปว่า : “ได้”

“คุณต้องรีบกลับมานะ ถ้าเกิดว่าอาหารเย็นแล้วฉันไม่กินนะ” มู่นวลนวลกำลังแสดงละคร

โม่งถิงเซียวรู้สึกเช่นนั้นจึงหันกลับไปมองสาวใช้ที่ยื่นอยู่ข้างหลัง ทั้งสองเกิดอาการเขินอาย

โม่ถิงเซียวพูดอย่างเย็นชา : “พวกเธอทั้งสองกลับไปเก็บของออกไปจากที่นี้และตอนนี้”

สาวใช้ทั้งสองตกใจมาก : “คุณชาย!”

“ขี้เหร่เกินไป มองแล้วขวางหูขวางตา” โม่ถิงเซียวไม่มองพวกเธอ หันกลับมาถามมู่นวลนวล: “ยังอยากกินกุ้งจากร้านจินติงอยู่ไหม?”

มู่นวลนวลทำหน้าตาเฉย: “ไม่ค่อยอยากกินแล้ว”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท