เสี่ยวชูเหอได้ยินเช่นนั้นแล้วมองไปหาต้นเสียงที่อยู่บนรถ
ไฟสลัวเธอจึงมองเห็นเขาไม่ชัด
สักพักประตูรถก็เปิดออก ผู้ชายที่อยู่บนรถก็เดินลงมาอยู่ตรงหน้าเธอ : “คุณป้า ผมเอง ชูฮัน”
“ชูฮัน?”
พอเธอมองไปที่เขาก็รู้สึกว่าคุ้นตาผู้ชายคนนี้
คิดทวบอยู่หลายรอบจึงนึกขึ้นได้ว่าใช่ผู้ชายที่เคยหมั่นหมายกับมู่หวันฉีที่ชื่อว่าซินชูฮันหรือเปล่า?
ซินซูฮันเคยไปที่บ้านตระกูลมู่ เธอจำเขาได้ เขาอายุยังน้อยไม่อย่างนั้นคงไม่สนใจในตัวหวันฉี
แต่หลังจากนั้นมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น มู่หวันฉีและซินชูฮันก็ได้เลิกรากันไป
“ดึกขนาดนี้แล้วทำไมคุณป้าถึงมาอยู่ที่นี้ละครับ?”
เสี่ยวชูเหอทำตัวไม่ถูก ลังเลไม่กล้าพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
แม้ว่าเธอจะไม่พูดถึงซินชูฮันก็พอจะเดาออก
“บ้านของผมอยู่ห่างจากที่นี้ไม่ไกล ถ้าเกิดคุณป้าไม่ลำบากใจก็ไปพักที่นั้นสักคืนนะครับ” ซินชูฮันพูดจบ สีหน้าเสี่ยวชูเหอดูเหมือนลำบากใจ เขาพูดขึ้นอย่างมีน้ำใจ: “เป็นบ้านของผมเองครับ”
เสี่ยวชูเหอไปที่บ้านซินชูฮันตอนนี้คงจะไม่เหมาะสม
พอซินชูฮันพูดขึ้นว่าเป็นบ้านของเขาเองสีหน้าเธอก็เปลี่ยนไป : “จะดีหรอ คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่………..”
“ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมครับ” ซินชูฮันพูดขึ้น และเปิดประตูให้เธอขึ้นรถอย่างสุภาพ
เสี่ยวชูเหอยิ้มแล้วขึ้นรถไป
ทั้งสองคุยกันตลอดทาง
และซินชูฮันก็ได้พูดถึงมู่นวลนวล
เขาถามเสี่ยวชูเหอ : “ไม่ได้เจอมู่นวลนวลนานแล้ว ช่วงนี้เธอเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
“เธอรู้จักมู่นวลนวล?” เสี่ยวชูเหอถามด้วยความแปลกใจ นึกขึ้นได้ว่ามู่หวันฉีเคยมาบ่นกับเธอบอกว่ามู่นวลนวลคิดแย้งแฟนเธอ
ในตอนนั้นแฟนของมู่หวันฉีก็คือซินชูฮัน
มู่นวลนวลเคยชอบซินชูฮัน?
“รู้จักสิครับ ผมเป็นรุ่นพี่ของเธอ รู้จักกันนานแล้วครับ” น้ำเสียงของเขาให้ความรู้สึกที่นึกถึงวันเก่าๆราวกับว่าความสัมพันธ์ของเขาและมู่นวลนวลไม่เลวเลยทีเดียว
เสี่ยวชูเหอถามเขาไปตรงๆ : “เหตุผลที่เธอช่วยป้าเป็นเพราะหวันฉีหรือนวลนวล?”
“แน่นอนว่าคือมู่นวลนวลครับ” ซินชูฮันพูดจบแล้วแทรกขึ้นมาอีก: “นวลนวลเป็นเพื่อนที่ดีของผม”
ในตอนนี้รถก็ขับมาถึงหมู่บ้านที่ซินชูฮันอาศัยอยู่
ซินชูฮันจอดรถแล้วเปิดประตูรถให้เสี่ยวชูเหอ : “ที่นี้แหละครับ ถึงแล้ว”
พูดจบก็เดินไปหยิบของที่หลังรถ : “รอผมสักครู่นะครับ ผมหยิบของก่อน”
ซินชูฮันหยิบของเสร็จแล้วเดินนำเธอไป
เสี่ยวชูเหอเดินตามเขาไป มองเขาจากด้านหลังแล้วเธอคิดในใจ ถ้าเกิดลูกเขยของเขาคือซินชูฮันคงจะดี
ผู้ชายที่สุภาพและมีมารยาทดีกว่าโม่ถิงเซียวเป็นร้อยเท่า
พอเธอนึกถึงโม่ถิงเซียวเธอก็ร็สึกกลัวขึ้นมาและเดินเข้าไปในบ้าน
…………
เช้าวันรุ่งขึ้น
มู่นวลนวลลงไปทานข้าวก็เห็นฉินซุ่ยซานที่กำลังยกอาหารมาวางไว้บนโต๊ะทานข้าว
เธอไท่ได้ตั้งใจจะมองไปที่ฉินซุ่ยซานเพียงแต่ว่าหล่อนเป็นคนที่โดดเด่นสะดุดตา
แม้ว่าฉินซุ่ยซานคิดจะแย้งโม่ถิงเซียว แต่เธอก็ยอมรับว่าฉินซุ่ยซานเป็นคนสวย หุ่นดีและยังแต่งหน้ามาสวย และแม้ว่าจะเป็นแค่เสื้อผ้าสาวใช้ เมื่อเธอสวมใส่กลับดูดีและเป็นที่น่าจับตามอง
จากเรื่องเมื่อวานฉินซุ่ยซานสงบลงมาก เธอตั้งใจจะค่อยเป็นค่อยไป
เมื่อเห็นมู่นวลนวลเดินเข้ามาเธอก้มหน้าเล็กน้อย : “คุณผู้หญิง”
โม่ถิงเซียวนั่งอยู่ที่โต๊ะก่อนหน้าแล้ว
ช่วงนี้เธอตื่นสาย โม่ถิงเซียวจะออกไปทำงานจึงตื่นเช้าและทุกครั้งส่วนมากโมถิงเซียวทานข้าวเสร็จแล้วเตรียบตัวจะออกไปทำงาน เธอถึงตื่นลงมาทานข้าว
บ้างครั้งเธอนอนขี้เซา พอลงมาทานข้าวโม่ถิงเซียวก็ออกไปทำงานแล้ว
พอเธอนั่งลง โม่งถิงเซียวบอกกับเธอ : “วันนี้ผมจะไปที่ศาลอาจจะกลับมาดึกหน่อย”
โม่ถิงเซียวพูดถึงก็คือคดีของมู่หวันฉี
คดีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา แม้ว่ามู่นวลนวลไม่ได้บาดเจ็บก็ตาม
อย่างไรก็ตามทนายความคือฟู่ถิงซี มู่หวันฉีถูกตัดสิ้นว่ามีความผิดอย่างแน่นอน
มู่นวลนวลคิดแล้วคิดอีกแล้วพูด : “ฉันไปด้วย”
เธออยากเข้าไปฟังคำตัดสิน เธอไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ เพียงแค่อยากไปดูว่ามู่หวันฉีจะร็สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นหรือเปล่า
โม่ถิงเซียวขมวดคิ้ว : “ผมไปคนเดียวดีแล้ว”
มู่นวลนวลได้ยินเช่นนั้นสีหน้าเธอก็เปลี่ยนไป เธอวางช้อนลงและหรี่ตาจ้องไปที่โม่ถิงเซียว
เพราะคิดว่าคำขอของเธอมันไม่ได้มากเกินไปทำไมโม่ถิงเซียวไม่อนุญาต
และตอนนี้ฉินซุ่ยซานยืนอยู่ที่นี้ด้วย เขาจะหักหน้าเธอหรอ?
เธอให้ฉินซุ่ยซานอยู่ทำงานต่อมีอีกเหตุผลหนึ่งคืออยากรู้ว่าโม่ถิงเซียวจริงใจและรักเธอเพียงคนเดียวหรือเปล่า
เธอเชื่อใจโม่ถิงเซียวแต่ในใจยังรู้สึกไม่เป็นสุข
ไม่ว่าจะมองอย่างไร เธอไม่มีอะไรดีเหมาะสมกับโม่ถิงเซียวเลย
ความหล้าหาญที่เธอมีอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพราะโม่ถิงเซียวรักเธอและให้ความสำคัญกับเธอแค่นั้น
โม่ถิงเซียวไม่อยากให้เธอไปด้วย : “อากาศเย็น ไม่ดีต่อร่างกายคุณ”
มู่นวลนวลไม่ฟังสิ่งที่เขาพูด : “ฉันจะใส่เสื้อผ้าหลายๆตัว และคุณหมอก็บอกว่าฉันแข็งแรง”
เรื่องคราวก่อนที่โม่ถิงเซียวไม่อนุญาตให้เธอออกไปข้างนอกยังทำให้เธอรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่นึกถึงมัน ทั้งสองไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย แต่เรื่องนี้ก็ยากที่จะลืมไปง่ายๆ
โม่งถิงเซียวเงยหน้ามองเธอ ไม่นานก็พูดขึ้น : “ถึงเวลาแล้วผมจะกลับมารับคุณ”
มู่นวลนวลนึกถึงเรื่องคราวก่อน เธอรู้สึกไม่ดีแต่ก็ก้มหน้าทานข้าวต่อ ปากก็พูดราวกับไล่เขา : “ค่ะ คุณไปทำงานเถอะ”
โม่ถิงเซียวเดินออกไปด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ฉินซุ่ยซานมองโม่ถิงเซียวเดินออกไปเช่นนั้นจึงหันกลับมามองมู่นวลนวล
ในมุมมองของเธอ มู่นวลนวลเป็นคนเอาแต่ใจและยังกล้าขัดคำสั่งของโม่ถิงเซียว
มู่นวลนวลรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังมองเธออยู่จึงเงยหน้าขึ้นมามองฉินซุ่ยซาน : “ฉันรู้นะว่าเธอคิดอะไรอยู่”
ฉินซุ่ยซานสีหน้าเปลี่ยนและตกใจเล็กน้อย: “หรอคะ?”
เธอไม่เชื่อว่ามู่นวลนวลจะรู้ว่าเธฮคิดอะไรอยู่
“โม่ถิงเซียวเป็นผู้ชายที่เพรียบพร้อมทุกอย่าง ข้อนี้ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว ฉนั้นที่พวกเธออยากจะเข้าหาเขาฉันก็พอเข้าใจ แต่ว่า………….”
มู่นวลนวลหยุดพูด สีหน้าจริงจัง : “ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเองและไม่ใช่เครื่องประดับของใคร มีความคิดและวิถีชีวิตของตัวเอง ถ้าเกิดได้อยู่กับผู้ชายที่ดีและเพรียบพร้อมทุกอย่าง ตัวเราเองก็ต้องรู้จักวางตัวให้ถูกต้อง”
สีหน้าฉินซุ่นซานเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร
มู่นวลนวลยิ้มเยาะเย้ย: “อ้อ หรือว่าเธอไม่ได้ชอบโม่ถิงเซียวเท่าไหร่นัก แต่ให้ความสำคัญกับการเป็นคุณผู้หญิงของตะกูลมู่ มีหลายคนที่จ้องจะเข้ามาเป็นคุณหญิงของบ้านนี้และเธอเอาความมั่นใจมาจากไหนมากขนาดนั้นที่คิดว่าโม่ถิงเซียวจะสนใจในตัวเธอ? ”
มู่นวลนวลพูดแทงใจดำเธอทำให้เธอโมโห : “มู่นวลนวลเธอหุบปากเดี๋ยวนี้นะ เธอพูดจาราวกับว่าเธอดีนักหนา เธอก็ไม่ต่างไปจากพวกฉันหรอก!”
มู่นวลนวลชักสีหน้า : “ฉันต่างจากพวกเธอแน่นอน เพราะฉันเป็นคุณหญิงของบ้านนี้”
ได้เห็นฉินซุ่นซานโมโหจนเลือดขึ้นหน้า มู่นวลนวลก็รู้สึกสนุกขึ้นมา