มู่นวลนวลอยากจะโทรหาโม่ถิงเซียว เธอคิดว่าโม่ถิงเซียวน่าจะอยู่ที่โม่กรุ๊ป และเกรงว่าจะรบกวนเขา มู่นวลนวลก็เลยโทรไปหากูจื่อหยาน
กูจื่อหยานก็น่าจะยุ่งอยู่เลยไม่ได้รับสายของเธอ
แต่หลังจากนั้นไม่นานกูจื่อหยานก็โทรกลับมา
มู่นวลนวลยังไม่ทันได้พูด กูจื่อหยานก็พูดว่า:“ฉันรู้ว่าคุณจะถามเรื่องที่ซือเฉิงยวี่ยกเลิกสัญญา?”
มู่นวลนวลตอบว่า:“ใช่”
“เมื่อเช้านี้ถิงเซียวโทรหาฉัน บอกว่าต้องการจะยกเลิกสัญญากับซือเฉิงยวี่ และเขายังปล่อยข่าว จริงๆ……เห็นว่าจะถึงวันหยุดแล้ว ก็เลยเอาเรื่องใหญ่มาให้ฉัน……”
กู่จื่อหยานคร่ำครวญ มู่นวลนวลจึงปลอบเขาไปสองประโยค และวางสาย
หลังจากวางสาร โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เธอเหลือบมอง และเห็นว่ามู่ลี่หยานโทรมา
มู่ลี่หยานไม่ได้เจอเธอนานแล้ว จู่ๆก็โทรมาหาเธอ มีอะไร?
หรือว่าเป็นเรื่องของมู่หวันฉี?
เมื่อคิดว่าซือเฉิงยวี่จะกำจัดมู่หวั่นฉีออกไป มู่นวลนวลก็รู้สึกอึดอัดใจ
มู่หวันฉีคิดจะทำร้ายมู่นวลนวลหลายต่อหลายครั้ง และไม่ง่ายเลยที่จะจับตัวเธอเข้าคุก โดยคิดว่าเธอจะสามารถไตร่ตรองเรื่องนี้ในคุกสักสองสามปี แลัเป็นการตัดลู่ทางของซือเฉิงยวี่……
มู่นวลนวลมีความคิดว่ายังดีกว่าโม่ถิงเซียวจะทรมานเธอจนตาย
ทันทีที่ความคิดนี้เกิดขึ้นมู่นวลนวลก็สะดุ้งตกใจ
เธอลูบท้องตัวเอง และพึมพำว่า :“ลูกรัก เมื่อตะกี้ที่แม่คิดไม่ดี หนูไม่ต้องเรียนรู้นะ……”
และสายก็ตัดไปเพราะเธอไม่ได้รับสาย
มู่นวลนวลเก็บโทรศัพท์ และไม่ได้โทรกลับไป ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกเขาก็ไม่โทรหาเธอ
ผ่านไปไม่กี่นาที มู่ลี่หยานก็โทรมาอีกครั้ง
คราวนี้มู่นวลนวลรับโทรศัพท์
เสียงของมู่ลี่หยานเย็นชา:“แกไม่เจอแม่ของแกหรอ?”
“มีอะไรหรอ?” มู่นวลนวลนอกจากคุยโทรศัพท์กับเสี่ยวชูเหอ ก็ไม่ได้เจอกับเสี่ยวชูเหอนานแล้ว
มู่ลี่หยานหยุดพูดชั่วไปครู่:“เธอหายไปหลายวันแล้ว ไม่ได้ไปหาแกหรอ?”
เหมือนกับว่ามู่นวลนวลไม่ได้สนใจเสี่ยวชูเหอ เขาถึงได้พูดแบบนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเศร้า:“เปล่า”
เสี่ยวชูเหออยู่ที่บ้านตระกูลมู่ เธอมีความอดทนมาก และไม่ทีทางที่เธอจะไปจากตระกูลมู่ แต่โม่ลี่หยานบอกว่าเธอหายไปหลายวันแล้ว……
มู่นวลนวลถามมู่ลี่หยานว่า:“คุณทำอะไรเธอรึเปล่า?”
“ฉันจะอะไรเธอได้?เธอหนีออกไปเอง!” น้ำเสียงของมู่ลี่หยานเต็มไปด้วยความโกรธ และเสียงของเขาดังมาก จนมู่นวลนวลหูชา
“ถ้าคุณทำอะไรเธอ แล้วเธอหนีไปเอง คุณคิดว่าฉันโง่หรอ?” มู่นวลนวลไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่ดี แต่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แกไม่สนใจเธอแล้วหรอ?ถึงได้มาพูดโจมตีฉัน?แม้แต่พี่สาวของตัวเองก็สามารถถูกส่งเข้าคุกได้ ฉันไม่มีลูกสาวที่ใจดำอำมหิตอย่างแก!”
มู่ลี่หยานพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ในจของเขาก็โกรธมาก
มู่นวลนวลกัดฟันพูด:“บังเอิญจัง ฉันก็ไม่มีพี่สาวกับพ่อที่ไม่อยากให้ฉันมีชีวิตอยู่เหมือนกัน”
“อย่าพูดอะไรที่มันไม่น่าฟัง หวันฉีแค่ยังคิดไม่ได้เท่านั้น ตอนนี้ไม่ใช่ว่าแกก็ยังอยู่ดีหรอ!เธอนิสัยเสียตั้งแต่เด็ก แกก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แกก็ปล่อยเธอไปไม่ได้หรอ!”
มู่ลี่หยานคิดว่าเป็นความผิดของมู่นวลนวล
——เธอนิสัยเสียตั้งแต่เด็ก แกก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้!
——แกก็ปล่อยเธอไปไม่ได้หรอ!
มือของมู่นวลนวลจับโทรศัพท์แน่นขึ้นจนเห็นเส้นเลือดที่หลังมือได้อย่างชัดเจน
“ฉันปล่อยเธอไป แล้วใครจะปล่อยฉัน?คุณก็รู้ว่าเธอนิสัยเสีย ดังนั้นตอนนี้ส่งให้เธอเข้าไปรับการอบรมสั่งสอนในคุก ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะคุณ คุณเป็นพ่อที่ดีจริงๆ ลูกสาวของตัวเองไม่รู้จักสั่งสอนให้ดี จะต้องให้คนอื่นมาสอนแทน คุณทำให้เธอเสีย แต่ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะห้ามปรามเธอ คุณลองคิดดูว่าตอนนี้มู่หวันฉีเกลียดจะคุณไหม?”
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมู่ลี่หยานก็ตามใจมู่หวันฉี และไม่รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน รู้จักแต่จะโยนความผิดให้คนอื่น
และสิ่งที่มู่นวลนวลพูดก็ล้วนแต่สะกิดใจเขา
เมื่อวานตอนที่เห็นมู่หวันฉี มู่หวันฉีต่อว่าเขาว่าไม่มีประโยชน์
มู่ลี่หยานโกรธมากจนพูดไม่ออก และในที่สุดก็วางสายไป
มู่นวลนวลวางโทรศัพท์ลง คิดอย่างรอบคอบแล้วโทแจ้งตำรวจ
มู่ลี่หยานบอกว่าเสี่ยวชูเหอหายไปหลายวันแล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่เวลาสั้นๆ
หลังจากที่โทรแจ้งตำรวจแล้ว มู่นวลนวลคิดว่าเธอไม่สามารถนั่งรอข่าวได้ ดังนั้นเธอจึงวางแผนที่จะกลับไปที่บ้านตระกูลมู่
โม่ถิงเซียวไม่ได้สั่งว่าไม่ให้เธอออกไปข้างนอก แต่ถ้าไปข้างนอกเธอต้องมีบอดี้การ์ดตามไปด้วย
……
รถหยุดที่ประตูคฤหาสน์ตระกูลมู่
บอดี้การ์ดก็เปิดประตูให้มู่นวลนวล เธอกำลังจะก้าวลงจากรถ ก็ไม่รู้ว่ามีรถสปอร์ตโผล่มาจากไหนขับมาปาดหน้ารถ
บอดี้การ์ดตกตะลึงไปสองสามวินาที และถามเธอว่า:“คุณนาย คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เธอยังไม่ทันได้ลงจากรถก็เกิดเรื่อง!
มู่นวลนวลส่ายหัว:“คุณล่ะ?”
“ผมไม่เป็นไร” บอดี้การ์ดส่ายหัว
แต่มู่นวลนวลยังคงสังเกตเห็นว่าบอดี้การ์ดก้าวออกไปด้วยความเหม่อลอย ดูเหมือนจะตกใจ
มู่นวลนวลลงจากรถและมองไปยังรถที่กำลังขับออกไป และพบว่ารถสปอร์ตคันนั้นหายไปแล้ว
มู่นวลนวลละสายตา และได้ยินเสียงของรถดังขึ้น
รถสปอร์ตคันนั้นขับย้อนกลับมาอีกครั้งและขับปาดหน้ารถของพวกเขา ชายหนุ่มที่ขับรถคันนั้นถอกแว่นกันแดดออก และสะบัดผมเหมือนคิดว่าตัวเองเท่ จากนั้นก็หัยมาพูดกับมู่นวลนวล:“เฮ้ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม!”
ประโยคนี้ฟังดูไม่ค่อยจริงใจ
ชายหนุ่มที่ขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ ผมของเขาจัดทรงอย่างดี เขายังเจลใส่ผมเพื่อจัดแต่งทรงผม ดูเหมือนกับคนที่มีชื่อเสียง……
มู่นวลนวลรู้จักคนๆนี้
“เฮ้ ผู้หญิงคนนั้น เธอชื่ออะไร ดูเหมือนเราจะรู้จักกัน”
ในขณะที่พูดชายหนุ่มก็กระโดดลงจากรถ แล้วเดินตรงไปที่มู่นวลนวล
เมื่อเห็นหน้าตาของมู่นวลนวลแล้วชายหนุ่มก็ผิวปาก:“หน้าตาดีนะ”
บอดี้การ์ดยืนอยู่ตรงหน้ามู่นวลนวลดูเหมือนพร้อมที่จะต่อสู้
มู่นวลนวลขมวดคิ้ว:“พี่ใหญ่ ฉันเองมู่นวลนวล”
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอคือมู่ซือเหยี่ยน เป็นพี่ชายพ่อเดียวกันกับมู่นวลนวลที่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นพี่ชายพ่อแม่เดียวกันมู่หวันฉี
“หา?” สีหน้าของมู่ซือเหยี่ยนดูตกใจ:“เธอบอกว่าเธอเป็นใครนะ? มู่นวลนวลหรอ?แม้ว่าฉันจะไม่ได้กลับบ้านมาหลายปี แต่ก็จำได้ว่าเธอไม่ได้หน้าตา……”
มู่ซือเหยี่ยนไปอยู่ต่างประเทศมาเจ็ดแปดปีแล้ว จะจำเธอไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ
หลังจากได้ยินเสียงรถสปอร์ตมู่ลี่หยานก็เดินออกมาจากคฤหาสน์:“ซือเหยี่ยน แกไปแข่งรถอีกแล้วหรอ?”
เมื่อมู่ซือเหยี่ยนเห็นมู่ลี่หยาน ก็ยิ้มให้เขา:“พ่อ คนสวยคนนี้บอกว่าเธอคือมู่นวลนวล!”