สุดท้ายก็ไม่ได้ดูหนัง กลายเป็นว่ามู่นวลนวลคุยกับโม่เจียเฉิน
โม่เจียเฉินโตที่ต่างประเทศ และอยู่ที่นี่เขาก็ไม่มีเพื่อน คำพูดเหล่านี้คงอยู่ในใจของเขามานาน และเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดกับใคร
โชคดีที่มู่นวลนวลยินดีจะรับฟัง จนเขาบอกว่าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
จากสิ่งที่เขาพูด บางอย่างก็มีเงื่อนงำ
พ่อแม่ที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี พี่ชายที่ดูอ่อนโยนแต่กลับทรมานและฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบกับช่วงวัยของโม่เจียเฉิน
มู่นวลนวลออกมาจากห้องฉายหนัง และบังเอิญเจอกับโม่ถิงเซียวที่กำลังจะเข้าไปหาเธอ
เธอเดินนำหน้า และโม่เจียเฉินเดินตามหลัง
โม่ถิงเซียวหน้าตาบึ้งตึง เห็นได้ชัดว่าโกรธที่โม่เจียเฉินเรียกให้มู่นวลนวลไปดูหนัง
ก่อนหน้านี้มู่นวลนวลเหนื่อยหน่ายที่ต้องรับมือกับคนตระกูลโม่ เลยบอกให้เธอไปพักผ่อน แต่ก็ถูกโม่เจียเฉินลากไปดูหนังด้วยกัน แน่นอนว่าเขามองโม่เจียเฉินด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
โม่เจียเฉินโค้งริมฝีปากของเขา และเคลือนตัวไปข้างหลังมู่นวลนวล
นานแล้วที่ไม่ได้เห็นสายตาพิฆาตของลูกพี่ลูกน้อง
น่ากลัว
มู่นวลนวลเหลือบมองโม่ถิงเซียวด้วยความไม่พอใจ จากนั้นหันไปหาโม่เจียเฉินและพูดว่า:“เสี่ยวเฉิน นายกลับไปพักผ่อนที่ห้องเถอะ”
“ครับ” หลังจากที่ได้รับการอนุญาต โมเจียเฉินก็วิ่งไปอย่างราดเร็ว
โม่ถิงเซียวเม้มริมฝีปาก สายตาของเขาเย็นชา:“มู่นวลนวล ตอนนี้เธอมีสองคน ไม่จำเป็นต้องไปดูแลเขา เขาก็เป็นแค่เด็กที่ยุ่งวุ่นวาย……”
“ไม่ฟังบทสวดเทศนา” มู่นวลนวลพูดพลางเอามือปิดแล้วเดินกลับไปที่ห้อง
ใบหน้าของโม่ถิงเซียวมืดครึ้ม และอารมณ์ของเขาก็หงุดหงิด:“มู่นวลนวล!”
มู่นวลนวลหันกลับมา แล้วเอามือลูบท้องตัวเองเบาๆ จากนั้นก็กระพริบตาและพูดว่า:“อย่าเสียงดัง เดี๋ยวลูกตกใจ”
โม่ถิงเซียวสูดหายใจเข้าลึกๆ และบอกตัวเองว่าอย่าไปโต้เถียงกับผู้หญิงดื้อดึงอย่างมู่นวลนวล
มู่นวลนวลมองดูเขาระงับความโกรธ และอดไม่ได้ที่จะยิ้ม และคิดว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อเธอ เธอจึงเดินกลับไปจับมือของเขาเพื่อเอาใจ:“เอาล่ะๆ เรากลับห้องไปพักผ่อนกันเถอะ”
เมื่อมู่นวลนวลมาอยู่ข้างหน้า ความโกรธของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว
พอกลับมาถึงห้อง มู่นวลนวลถูกโม่ถิงเซียวกดลงบนเตียง เขาห่มผ้าให้เธอและพูดว่าว่า:“นอนซะ”
มู่นวลนวลคุยกับโม่เจียเฉินอยู่นานมาก ตอนนี้เธอเลยไม่รู้สึกง่วง:“ฉันมีอะไรจะคุยกับคุณ”
“ตื่นมาค่อยคุยกัน” โม่ถิงเซียวเพิกเฉยต่อสายตาที่เฝ้ารอของเธอ
มู่นวลนวลไม่สนใจ และพูดตรงๆว่า:“ความสัมพันธ์ระหว่างอาของคุณกับอาเขยดีไหม?”
“ในสายตาของคุณปู่พวกเขาเป็นสามีภรรยาที่รักกันมาก” โม่ถิงเซียวยิ้มให้ตนเองหลังจากที่พูดจบ ในสายตาของเจ้าสัวโม่ แม่ของเขากับโม่ชิงเฟิงก็เป็นสามีภรรยาที่รักกันมากเช่นกัน
“แต่เมื่อกี้เสี่ยวเฉินบอกกับฉันว่า พ่อแม่ของเขาไม่ได้รักกันมากอย่างนั้น รู้สึกเหมือนพวกเขาเข้ากันได้ดี……” มู่นวลนวลทอดถอนใจ:“ถ้าเราก็อยู่ด้วยกันไปนานๆ เราจะกลายเป็นสามีภรรยาที่เข้ากันไม่ได้ไหม?”
โม่ถิงเซียวตอบกลับอย่างมั่นใจ:“ไม่หรอก”
“จริงหรอ?” มู่นวลหวั่นไหว
ทำให้วินาทีถัดมาเธอได้ยินโม่ถิงเซียวพูดเบาๆว่า:“กำลังอุ้มท้องลูกของฉัน ยังจะมาคิดเรื่องนี้อยู่ เธอจะไปหาผู้ชายป่าเถื่อนคนอื่นรึไง?”
น้ำเสียงนี้ฟังดูเคร่งขรึม
มุ่นวลนวลมองเขาด้วยหางตา และพบว่าเขาจ้องมองเธออยู่ ราวกับว่าถ้าเธอให้คำตอบที่ไม่น่าพอใจกับเขา เขาก็จะจัดการเธอ
มู่นวลนวลเป็นคนที่รู้จักเอาตัวรอด
เธอจับมือของโมถิงเซียว และยิ้มอย่างสดใส:“จะเป็นไปได้ยังไง ผู้ชายป่าเถื่อนที่ไหนจะหล่อและรวยกว่าคุณ?”
“เธอหมายความว่าถ้ามีผู้ชายที่หล่อและรวยกว่าฉัน เธอก็ไม่ต้องการฉันแล้วงั้นสิ?” หน้าตาท่าทางของเขาดูเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม
มู่นวลนวลรู้สึกว่าคำตอบของเธอนั้นดูเอาอกเอาใจมาก แต่โม่ถิงเซียวก็ยังไม่เดินไปตามทางปกติ
ในเซี่ยงไฮ้ยังมีผู้ชายที่หล่อกว่าและรวยกว่าเขาอีกหรอ?
มันเป็นไปไม่ได้เลย!
เธอต้องเปลี่ยนวิธีเยินยอเขา!
สิ่งที่เขาให้ความสำคัญกับสิ่งที่เธอต้องการแสดงออกแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
เธอตามความคิดของคนฉลาดไม่ทันจริงๆ
“เป็นไปได้ยังไง!” มู่นวลนวลพูดเสียงสูง เพื่อทำให้น้ำเสียงของตัวเองดูจริงใจขึ้น
สีหน้าของโม่ถิงเซียวค่อยๆดีขึ้น และไม่ได้พูดอะไร
มู่นวลนวลจัมมือของเขามาที่ริมฝีปากของเธอ และจูบที่หลังมือเบาๆ:“ฉันพูดจริงนะ”
เธอรู้สึกว่ามือของโม่ถิงเซียวแข็งนิดหน่อย เมื่อเงยหน้าขึ้นเธอก็พบว่าสีหน้าของโม่ถิงเซียวดูไม่สบายใจ
เดิมที่โม่ถิงเซียวนั่งอยู่ที่ขอบเตียง เธอเหลือบมองและเห็นว่าเขาหันหน้ามา :“รีบนอน ฉันยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ”
มู่นวลนวลสะดุ้ง เขาก็แค่……เขินอาย?
เมือเธอจูบที่หลังมือของเขา เธอก็รู้สึกได้ถึงความเขินอายของผู้ชายคนนี้?
มู่นวลนวลอยากจะจูบอีกครั้ง แต่ดูเหมือนโม่ถิงเซียวจะคาดไว้แล้วว่าเธอจะจูบอีก เขาจึงดึงมือออกอย่างรวดเร็ว:“ฉันจะไปที่ห้องหนังสือ”
โม่ถิงเซียวออกไปนอกห้อง และก่อนที่จะปิดประตู เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของมู่นวลนวล
โมถิงเซียวสีหน้าเข้ม “ปัง” และปิดประตูเสียงดัง และเขาไม่ทันได้สังเกตว่าป้าหูเดินถือของเข้ามา
เขาเลยชนเข้ากับป้าหู
ในถาดที่ป้าหูถือมีแก้วน้ำหวานที่เตรียมจะไปเสิร์ฟให้มู่นวลนวล
ทำให้น้ำหวานนั้นหกใส่โม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขายกมือที่มู่นวลนวลจูบเมื่อครู่ขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพื่อไม่ให้มือเปียกน้ำหวาน
เมื่อเห็นเขายกมือขึ้น ป้าหูจึงถามด้วยความสงสัยว่า:“คุณชาย ไม่ได้ลวกมือใช่ไหม?”
“เปล่า”
ป้าหูยังไม่วางใจ:“ให้ฉันดูหน่อย?”
“ไม่ต้องหรอก” โม่ถิงเซียวถอยหลังไปหนึ่งก้าว จับมือที่มู่นวลนวลจูบด้วยมืออีกข้าง แล้วเดินผ่านป้าหูไป
ป้าหูมองดูโม่ถิงเซียวจากไป และพึมพำว่า:“ทำไมต้องถนอมมือขนาดนั้น?ต้องบาดเจ็บแน่ๆเลย……”
……
เมื่อมู่นวลนวลตื่นขึ้นมา เธอก็ได้ยินคนรับใช้พูดว่ามือของโม่ถิงเซียวได้รับบาดเจ็บ
มู่นวลนวลสีหน้าตึงเครียด:“บาดเจ็บได้ยังไง?”
ก่อนที่เธอจะหลับไม่ใช่ว่ายังดีๆอยู่หรอ ทำไมพอเธอตื่นขึ้นมามือของโม่ถิงเซียวถึงได้รับบาดเจ็บ?
“เขาอยู่ที่ไหน?” มู่นวลนวลถาม
คนรับใช้พูดอย่างเคารพว่า:“คุณชายยังอยู่ในห้องหนังสือ และไม่ได้ออกมาเลย”
มู่นวลนวลได้ยินเธอพูดอย่างนั้นก็รู้สึกสับสน อยู่ในห้องหนังสือตลอด แล้วได้รับบาดเจ็บได้ยังไง
มู่นวลนวลยืนอยู่ที่ประตูห้องหนังสือ เธอเคาะประตุแล้วผลักเข้าไป:“พวกเขาบอกว่ามือของคุณได้รับบาดเจ็บ?ให้ฉันดูหน่อย”
โม่ถิงเซียวที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
สีหน้าของเขาดูไม่เป็นธรรมชาติ และน้ำเสียงของเขาก็ดูหงุดหงิด:“ไม่ได้บาดเจ็บฉันยังต้องทำงาน เธอออกไปก่อน”