เจ้าสัวโม่ขมวดคิ้วพร้อมพูด“พวกเธอทานกันก่อนได้เลย”
อาหารมื้อเที่ยงนี้ ก็แจ้งให้ทุกคนรู้ก่อนว่าต้องทานอาหารพร้อมกัน
ถึงแม้ว่าเจ้าสัวโม่จะเกษียณแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นผู้ดูแลตระกูลโม่ เป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดและคำสั่งสูงสุดในตระกูลโม่
ทุกคนต้องเคารพเขา
แน่นอน นอกจากโม่ถิงเซียว
แม้แต่เจ้าสัวโม่ก็ไม่วิธีที่จะทำให้โม่ถิงเซียวเชื่อฟังได้
เจ้าสัวโม่อนุรักษ์นิยม ให้ความสำคัญกับเทศกาลตรุษจีนมาก
เวลาที่มู่นวลนวลเข้ามาตอนเช้า เจ้าสัวโม่ก็ส่งคนเข้ามาบอก วันนี้กับพรุ่งนี้ ถ้าหากไม่มีเรื่องใหญ่ จำเป็นต้องกลับมาบ้านเก่าทานอาหารพร้อมกับทุกคนในบ้าน
พรุ่งนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า วันมะรืนเป็นวันปีใหม่วันแรก
ตระกูลโม่เป็นครอบครัวใหญ่ วันปีใหม่วันแรกก็คงมีแขกเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทุกคนก็ต้องยุ่งกันมาก
แต่ซือเฉิงยวี่วันนี้ตอนเที่ยงก็ยังไม่อยู่บ้านทานอาหาร เป็นธรรมชาติที่เจ้าสัวโม่จะไม่พอใจ
มู่นวลนวลคิดเจตนาไม่ดี ถ้าหากว่าเจ้าสัวโม่รู้ว่าวันนี้ซือเฉิงยวี่ไปรับมู่หวันฉีออกมาจากคุก ไม่รู้จะโมโหมากแค่ไหน
จะโมโหจนสามารถให้คนตีซือเฉิงยวี่สักชุด?
จนกระทั่งพวกเขาทานอาหารเสร็จแล้ว ซือเฉิงยวี่เพิ่งจะรีบกลับมา
“คุณตา”
ซือเฉิงยวี่เดินจากด้านนอกเข้ามา ท่าทางรีบร้อน ดูออกว่ารีบกลับมา
ทุกคนทานอาหารเสร็จก็ยังไม่ได้ลุกออกจากโต๊ะอาหาร
เจ้าสัวโม่เงยหน้ามองซือเฉิงยวี่ พูดเสียงต่ำแต่มีพลัง“ยังรู้ว่าจะต้องกลับมา!”
เขาตีหน้าขรึม ขมวดคิ้วขึ้นสูง นั่งตัวตรงอยู่บนที่นั่งหัวโต๊ะ ไม่โมโหแต่น่าเกรงขาม
มู่นวลนวลก็อดไม่ได้ที่จะยืดหลังและนั่งตัวตรง สายตาแหลมคมของเธอพบว่าท่วมตัวของซือเฉิงยวี่สั่นเทานิดหน่อย
ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด
เดิมทีซือเฉิงยวี่ก็กลัวเจ้าสัวโม่
“ขอโทษครับ คุณตา เกิดความล่าช้าในการทำงานนิดหน่อย”ซือเฉิงยวี่ก้มศีรษะ ท่าทางว่านอนสอนง่าย กลับทำให้เจ้าสัวโม่หายโมโห
ถึงแม้ว่าเจ้าสัวโม่จะหายโมโห แต่น้ำเสียงยังคงเข้มงวด“วงการบันเทิงโหวกเหวกวุ่นวาย มีข่าวไม่เข้าท่าออกมาทุกวัน ไม่ช้าก็เร็วนายจะต้องเสียชื่อเสียงในวงการบันเทิง ยังไม่รีบถอนตัวออกมาทำเรื่องอื่นอีก!”
มู่นวลนวลบีบมือของโม่ถิงเซียวที่อยู่ใต้โต๊ะ
โม่ถิงเซียวหันหน้ามองเธอ
มู่นวลนวลอ้าปาก พูดไม่มีเสียง“คุณก็เหมือนกัน”
โม่ถิงเซียวก่อตั้งบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ เจ้าสัวโม่ก็ยังไม่ชอบ
โม่ถิงเซียวบีบนิ้วมือของมู่นวลนวล มองเธอด้วยการเตือนที่มีความหมายแฝงอยู่
มู่นวลนวลหรี่ตาลงยิ้มไม่มีเสียง โม่ถิงเซียวหันหน้าหนี พูดไปทางเจ้าสัวโม่“คุณปู่ ผมรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย กลับห้องก่อน”
เขาพูดจบ ก็ไม่รอให้เจ้าสัวโม่ยินยอม ก็ดึงมู่นวลนวลให้ลุกขึ้นยืนจะออกไป
เจ้าสัวโม่ไม่สามารถควบคุมโม่ถิงเซียวได้ โม่ถิงเซียวยอมที่จะกลับมาฉลองตรุษจีนที่บ้านเก่าเขาก็พอใจมากแล้ว เป็นธรรมชาติที่เขาไม่สนใจการกระทำรูปแบบของโม่ถิงเซียว
ซือเฉิงยวี่หันกลับไปมองพวกเขา สายตาไม่ยินยอมเล็กน้อย
เขาเพียงแค่ไม่กลับมาทานอาหารมื้อเดียวเท่านั้นเอง ก็ถูกคุณตาตำหนิเช่นนี้ แต่โม่ถิงเซียวสามารถกำเริบทำตามอำเภอใจอย่างไม่กลัวเกรงใดๆ
แต่ไหนแต่ไรมาคุณตาก็ถือหางโม่ถิงเซียว
มู่นวลนวลถูกโม่ถิงเซียวจูงออกมา เชื่อฟังเหมือนกับนกกระทา ทำตามเขาโดยไม่ชำเลืองมองข้าง
ในเวลาที่ทั้งสองคนกำลังจะออกไปจากห้องอาหาร ก็ได้ยินเสียงของโม่ชิงเฟิงดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“พ่อ ผมคิดว่าให้เฉิงยวี่ไปเข้าทำงานที่โม่กรุ๊ปเถอะ เขาใกล้ชิดกับโม่ถิงเซียวตั้งแต่เด็ก โม่ถิงเซียวเพิ่งจะเข้ามาที่โม่กรุ๊ปไม่นาน คนรอบข้างก็มีไม่กี่คนที่จะพอเชื่อใจได้ พอดีกับที่มีคนสามารถดูแลโม่ถึงเซียวได้
ถ้าหากก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน มู่นวลนวลได้ยินคำพูดนี้ของโม่ชิงเฟิง ก็คงจะเห็นด้วยแน่นอน
แต่ว่า ช่วงนี้เวลานี้ตั้งแต่เรื่องพวกนี้ที่ซือเฉิงยวี่ทำ ทุกอย่างแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาต้องการจะต่อสู้กับโม่ถิงเซียว อยากจะเป็นศัตรูกับโม่ถิงเซียวทุกด้าน
และครั้งก่อนที่กลับบ้านเก่า โม่ชิงเฟิงก็เคยเอ่ยเรื่องนี้แล้ว
ในเวลานั้นที่โม่ชิงเฟิงพูด ก็พูดความหมายประมาณว่าอยากจะให้โม่ถิงเซียวกับซือเฉิงยวี่ทั้งสองคนดูแลซึ่งกันและกัน
และโม่ชิงเฟิงเปิดเผยทัศนคติของตัวเอง คิดไม่ถึงว่าวันนี้โม่ชิงเฟิงจะเอ่ยเรื่องนี้ต่อหน้าเจ้าสัวโม่
ก็ยังเห็นได้ชัดเจนว่ายังต้องพึ่งพาเจ้าสัวโม่ บังคับโม่ถิงเซียวกับซือเฉิงยวี่ทำงานร่วมกัน
มู่นวลนวลไม่เข้าใจโม่ชิงเฟิงกำลังคิดอะไร
หลายปีมานี้ความสัมพันธ์ของโม่ถิงเซียวกับโม่ชิงเฟิงไม่ค่อยจะดีมาตลอด โม่ชิงเฟิงดูเหมือนคล้ายกับว่าอยากจะซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างสองพ่อลูก
แต่บางครั้ง โม่ชิงเฟิงเรื่องที่โม่ชิงเฟิงกไม่เหมือนอยากที่ซ่อมแซมความสัมพันธ์กับโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวที่อยู่ด้านหน้าก็หยุดเดินแล้ว
มู่นวลนวลเงยหน้ามองเขา ก็เห็นเขาหันตัวกลับมา
เธอนึกว่าเขาจะพูดอะไร ผลลัพธ์คือโม่ถิงเซียวเพียงยิ้มเย็นมองไปที่โม่ชิงเฟิง
ทั้งสองคนกลับมาถึงในห้อง โม่ถิงเซียวถอดเสื้อโค้ทและนั่งลงบนโซฟา สายตาว่างเปล่า ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร แต่ก็ดูเหมือนกับว่าไม่ได้คิดอะไร
มู่นวลนวลถามเขา“กำลังคิดเรื่องที่พ่อคุณพูดเมื่อกี้?”
“ไม่ใช่”โม่ถิงเซียวส่ายหน้า
“งั้นคุณกำลังคิดอะไร?”มู่นวลนวลเดินไปนั่งลงข้างๆ จ้องมองเขา
โม่ถิงเซียวฉวยเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก คางวางไว้บนหน้าผากของเธอ พูดเบาๆ“ไม่มีอะไร”
“โกหก”มู่นวลนวลขึ้นนิ้วไป ตรงพื้นที่ระหว่างหัวคิ้วของเขา ส่ายศีรษะแล้วพูด“ที่นี่มีแต่คนทรยศหักหลังคุณ”
โม่ถิงเซียวจ้องมองเธอสองวินาที ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมา แขนที่โอบกอดเธอรัดแน่นขึ้นอีก ครึ่งหนึ่งพูดเล่นอีกครึ่งหนึ่งพูดจริงจัง“รู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อย ตอนแรกน่าจะนำมู่หวันฉีทรมานจนตายก็ไม่ต้องมีเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้นอีกต่อไป”
มู่นวลนวลตกใจกลัว สีหน้าก็เปลี่ยน
มู่หวันฉีอยากจะฆ่าเธอ เธอก็เกลียดมู่หวันฉี แต่ว่าเธอไม่เคยคิดที่อยากจะทำให้มู่หวันฉีตาย
ชีวิตควรจะได้รับการเคารพ ไม่มีใครใช้สิทธิ์ตัดสินชีวิตของคนอื่นได้ตามใจ
นี้คือแนวคิดที่ฝังรากลึกอยู่ในใจของมู่นวลนวล
ยิ่งกว่านั้น ถึงอย่างไรมู่หวันฉีกับเธอก็เป็นพี่สาวที่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด
เธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้มู่หวันฉีได้รับโทษทางกฎหมาย และไม่อยากจะเห็นโม่ถิงเซียวใช้วิธีการของตัวเองจัดการกับเธอ
“แค่นี้ก็ตกใจกลัวแล้ว?”โม่ถิงเซียวยื่นมือไปลูบแก้มของมู่นวลนวล“เธอก็ไม่ใช่ไม่เคยเห็นฉันฆ่าคน”
เสียงของเขาเบามาก แม้กระทั่งฟังดูนุ่มนวลกว่าน้ำเสียงเย็นชาไร้ความรู้สึกทั่วไป
แต่ว่าเมื่อในหูของมู่นวลนวลได้ยิน ก็รู้สึกเย็นเยือก
มู่นวลนวลคิดที่จะหาเหตุผลพูดโน้มน้าวใจเขา“เธอควรจะได้รับโทษ คุณ…”
“ควรจะได้รับโทษ?”
โม่ถิงเซียวหัวเราะ น้ำเสียงเยาะหยันและเย็นชา“ควรจะได้รับโทษก็คือติดคุกสิบวันหลังจากนั้นก็ถูกปล่อยตัวออกมา?”
เพียงแค่ติดคุกสิบกว่าวันเท่านั้นเอง จะสามารถจะทำให้ความโกรธของเขาสงบลงได้ยังไง
ถ้าช้ากว่านี้นิดเดียว ภรรยากับลูกของเขาก็ไม่เหลือแล้ว
มู่นวลนวลหาคำพูดมาโต้แย้งเขาไม่ได้
เธอรู้สึกว่าทุกอย่างไม่ควรจะเป็นแบบนี้
เธอก็รู้สึกว่าการรับโทษของมู่หวันฉีน้อยเกินไป แต่ว่าเธอรู้สึกว่าไม่อยากให้โม่ถิงเซียวใช้วิธีการดุร้ายจัดการปัญหา
โม่ถิงเซียวจูบลงมาบนหน้าผากของเธอ น้ำเสียงมืดครึ้ม“เธอจำเป็นต้องชดใช้”