หลังจากที่มู่นวลนวลพูดจบ เธอก็จ้องมองไปที่โม่ถิงเซียว
สีหน้าท่าทางของโม่ถิงเซียวเคร่งขรึมมากจนน่ากลัว ราวกับสิงโตที่โกรธจัด เขาอาจพุ่งเข้ามากัดมู่นวลนวลได้ทุกเมื่อ
ตอนที่มู่นวลนวลพูดถ้อยคำเหล่านั้นปะปนไปด้วยความโกรธ
เธอไม่อยากจะเชื่อว่า จู่ๆโม่ถิงเซียวจะกลายเป็นคนไม่มีเหตุผล
หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าท่าทางของโม่ถิงเซียวก็ผ่อนคลายลง เขาค่อยๆพูดออกมาว่า:“ในเมื่อเธอก็รู้ว่าเธอไม่สามารถเอาชนะตระกูลโม่ได้ งั้นเธอก็สงบจิตสงบใจและเชื่อฟัง”
เขากัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
มู่นวลนวลหรี่ตาลง เธอยังไม่ทันได้พูด โม่ถิงเซียวก็พูดอีกว่า
“ส่วนลูก?เธอก็อย่าคิดทำอะไรที่มันถูกต้อง โม่ถิงเซียวยิ้มมุมปาก จากนั้นก็เดินออกไป
มู่นวลนวลที่นั่งอยู่บนโซฟาก้มองดูโม่ถิงเซียวออกไป
เธอจ้องไปที่ประตูที่ปิดอยู่ครึ่งวินาที ก่อนที่จะเอนหลังลงที่โซฟาอย่างท้อแท้ใจกับเรื่องวันนี้
ในตอนเช้าที่เธอยังครึ่งหลับครึ่งตื่น มีคนรับใช้มาเรียกเธอและบอกว่าคุณปู่เรียกให้เธอไปหา
จากนั้นเธอก็ไปหาเจ้าสัวโม่ แต่เจ้าสัวโม่ไม่ได้อยู่ที่ห้อง เธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง จึงเดินไปที่บันได และเจ้าสัวโม่ก็ตกลงจากบันไดไปแล้ว
ทันทีที่ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล เจ้าสัวโม่ก็อยู่ในห้องผ่าตัด โม่ชิงเฟิงสอบถามคนรับใช้
คนรับใช้บอกว่าได้ยินเสียงเธอจึงเข้าไป และพบว่าเจ้าสัวโม่ตกลงมาแล้ว ในตอนที่โม่ถิงเซียวกำลังซักถามโม่ชิงเฟิง โม่เอินหยาก็โผล่ออกมาพูดว่ามู่นวลนวลมีเหตุผลที่จะทำร้ายคุณปู่……
เหตุผลที่โม่เอินหยาพูดนั้นน่าขบขันมาก เป็นไปได้ยังไงที่เธอจะทำร้ายคุณปู่ เพราะฉินซุ่ยซาน
คนธรรมดาย่อมรู้ดีว่าเหตุผลนี้ไม่ชอบธรรม
แต่โม่ถิงเซียวก็เชื่อคำพูดของโม่เอินหยา ตั้งแต่เขากลับมาเมื่อคืน ทุกคำที่เขาพูดล้วนแต่ซักถามเธอด้วยความสงสัย
เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร โม่ถิงเซียวก็บอกว่าให้ตำรวจสอบสวนเรื่องนี้ พูดไปพูดมาก็คือสงสัยเธอ
นี่เป็นจุดที่น่าสงสัยอย่างชัดเจน
โม่ถิงเซียวดูเหมือนจงใจจะเอาเรื่องเธอ
ทำไมโม่ถิงเซียวถึงต้องทำอย่างนี้?
ในเวลานี้ด้วยนิสัยของโม่ถิงเซียวแล้ว การตอบสนองปกติของเขาจะไม่ดึงเธอเข้ามาในเรื่องนี้ แต่จะไปสืบหาความจริง?
เว้นแต่……
เว้นแต่โม่ถิงเซียวจะรู้ความจริง และรู้ว่าใครทำเรื่องนี้!
ถ้าอย่างนั้นที่เขาดึงมู่นวลนวลเข้ามาในเรื่องนี้ก็เพื่อจุดประสงค์อื่น?
มู่นวลนวลรู้สึกว่าตัวเองคิดออกแล้ว แต่ไปๆมาๆก็รู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
คิดๆแล้วก็เผลอหลับไป
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่บนเตียง
มู่นวลนวลลุกขึ้นนั่งบนเตียง เธอรู้สึกว่าที่ข้างๆเธอว่างเปล่า และพบว่าไม่มีร่างโม่ถิงเซียว
เธอจำได้ว่าเมื่อคืนเธอเผลอหลับไปบนโซฟา
โม่ถิงเซียวกลับมา?
มู่นวลนวนใส่เสื้อผ้าแล้วลุกจากเตียงไปเปิดประตู ที่หน้าประตูยังคงมีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่
ซือเย่ไม่อยู่ บอดี้การ์ดก็ดูคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่คฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว
เธอสงบจิตใจ และถามพวกเขาว่า:“เมือคืนโม่ถิงเซียวกลับมาหรอ?”
บอดี้การ์ดตอบตามความจริง:“คุณชายกลับมากลางดึก ฟ้าไม่ทันสว่างก็ออกไป”
“เขาพูดอะไรรึเปล่า?” มู่นวลนวลขมวดคิ้วและถามอย่างกังวล
บอดี้การ์ดส่ายหัว
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปากและถามอีกว่า:“งั้นพวกคุณรู้ไหมว่าเจ้าสัวโม่เป็นยังไงบ้าง?”
บอดี้การ์ดยังคงส่ายหัว
มู่นวลนวลปิดประตูและกลับเข้าห้อง
คิดไปคิดมาแล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะโทรศัพท์หาโม่ถิงเซียว
แต่เธอหาโทรศัพท์ของตัวเองไม่เจอ
เมื่อคืนโม่ถิงเซียวกลับมาแล้ะหยิบโทศัพท์ของเธอไป?”
มู่นวลนวลจึงเดินไปเปิดประตู และถามบอดี้การ์ด:“เอาโทรศัพท์มาไหม?เอามาให้ฉันยืมหน่อย”
บอดี้การ์ดไม่ได้ให้โทรศัพท์กับมู่นวลนวล แต่ถามกลับว่า:“คุณหญิงจะเอาไปโทรหาคุณชายหรอครับ?”
มู่นวลนวลงงงวย แต่เธอพยักหน้าและตอบว่า:“อืม”
บอดี้การ์ดโทรหาโม่ถิงเซียวและส่งโทรศัพท์ให้มู่ถิงนวล:“คุณหญิง”
โทรศัพท์ดังขึ้นสักพักก่อนจะเชื่อมต่อ
เสียงของโม่ถิงเซียวแหบนิดหน่อย
“มีอะไร?”
น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวเย็นชามาก และน้ำเสียงของมู่ถิงนวลก็เย็นชาเช่นกัน:“เมื่อคืนคุณกลับมาหรอ?”
น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวดูเหมือนจะไม่อดทน:“มีอะไรก็พูดมา”
“คุณปู่เป็นยังไงบ้าง?”
“ยังไม่ฟื้น”
“โทรศัพท์ของฉันล่ะ?”
“ไม่รู้”
มู่นวลนวลรู้สึกอึดอัดใจตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ และตอนนี้เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดระบาย:“แมร่งเอ่ยไร้สาระ เมื่อคืนคุณกลับมาและหยิบโทรศัพท์ฉันไปใช่ไหม?”
ไม่รอให้โม่ถิงเซียวพูด มู่นวลนวลก็พูดต่อ:“คุณกลัวว่าฉันจะเห็นอะไรในโทรศัพท์หรอ?หรือกังวลว่าฉันจะโทรหาใคร?”
“ถ้าไม่มีอะไรก็แค่นี้นะ”
หลังจากที่โม่ถิงเซียวพูดจบเขาก็วางสาย
มู่นวลนวลก็ทนไม่ไหวจึงวางสาย และส่งโทรศัพท์คืนให้บอดี้การ์ด:“ขอบคุณ”
จากนั้นเธอก็หันกลับและเข้าไปในห้อง
เธอเข้าไปในห้องและเตะประตูสองครั้ง
โม่ถิงเซียว ไอโง่เง่าเต่าตุ่น!
ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอกอีกครั้ง
“คุณหญิง ทานอาหารค่ะ”
น้ำเสียงฟังดูคุ้นหู
“ถ้าคุณไม่กิน ก็นึกถึงลูกที่อยู่ในท้อง”
มู่นวลนวลขมวดคิ้ว คนรับใช้ของตระกูลโม่จะพูดเช่นนี้เหรอ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ดวงตาของมู่นวลนวลก็สว่างขึ้นแล้วเธอก็วิ่งไปเปิดประตู:“เสี่ยวเหลียง!”
คนที่มาคือเซินเหลียง
เมื่อเซินเหลียงเห็นเธอก็พูดด้วยความโกรธ:“ยังไม่อยากกินข้าว ดูสิว่าจะทนได้ไหม!”
“เข้าไปก่อนเถอะ”
คนที่พูดคือกูจื่อหยาน เขายืนอยู่ข้างหลังเซินเหลียง
มู่นวลนวลรู้ว่าที่หน้าประตูไม่ใช่ที่ที่จะคุุยกัน เธอจึงเปิดประตูให้ทั้งสองคนเข้ามา และปิดประตู
มู่นวลนวลกินไปพลางถามไปพลาง:“พวกเธอมาได้ยังไง?
มู่นวลนวลเปิดประเด็น
เซินเหลียงหยิบหนังสือพิมพ์ส่งให้มู่นวลนวล และเขี่ยโทรศัพท์อยู่สักครู่ จากนั้นก็ส่งให้มู่นวลนวลดูอีก
มู่นวลนวลเปิดหนังสือพิมพ์ก่อน
มากกว่าครึ่งหน้าเป็นเรื่องของเจ้าสัวโม่
นักข่าวเขียนข้อความที่เป็นการคาดเดา และประโยคสุดท้ายได้ชี้ตัวผู้ต้องสงสัยไปที่มู่นวลนวล
เซินเหลียงถามเธออย่างกังวลว่า:“นวลนวล เธอยังไม่เห็นข่าวหรอ?”
มู่นวลนวลโยนหนังสือพิมพ์ทิ้ง แล้วหยิบโทรศัพท์ของเซินเหลียงขึ้นมา:“โทรศัพท์หาย”
เรื่องที่เจ้าสัวโม่ตกบันได ไม่ได้ทำให้คนสนใจมากนัก
แต่สาเหตุที่ทำให้คนสนใจคือคนที่ผลักเจ้าสัวโม่ตกลงมา เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นหลานสะใภ้ของเขา
บุญคุณความแค้นของคนรวย คนส่วนใหญ่จึงอยากรู้อยากเห็น
เรื่องนี้ได้รับความนิยมมาก และได้พาดหัวข่าวหลายรายการ
หลังจากที่ถูกโม่ถิงเซียวสงสัย ไม่ว่าจะเห็นอะไร มู่นวลนวลก็ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว เธอเพียงแค่เงยหน้ามองเซินเหลียงและถามว่า:“เธอเชื่อว่าฉันเป็นคนผลักเจ้าสัวโม่ไหม?”