ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่มู่นวลนวลแกล้งเป็นลมและไปโรงพยาบาล หลังจากนั้นเธอก็หาโอกาสออกไปข้างนอกไม่ได้อีกแล้ว
โม่ถิงเซียวยังหาหมอมาประจำที่คฤหาสน์ให้เธอ ซึ่งรอรับคำสั่งอยู่ตลอดเวลา
มีบอดี้การ์ดอยู่ด้านในสามกลุ่มด้านนอกสามกลุ่ม ดูเหมือนกับคอยคุ้มกันนักโทษ เดิมทีมู่นวลนวลก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว
และโม่ถิงเซียวก็ยังไม่กลับมา
จนกระทั่งวันที่เจ็ดตอนเช้า เมื่อมู่นวลนวลตื่นขึ้นมา เธอก็เห็นโม่ถิงเซียวนั่งอยู่บนโซฟา
ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้า เขานั่งพิงโซฟาเหมือนตาจะปิด การหายใจของเขาแผ่วเบาและดูร่างกายของเขาก็ดูสงบนิ่ง
แม้ว่าในห้องจะเปิดเครื่องทำความร้อน แต่ถ้าไม่ห่มผ้าก็จะหนาว ซึ่งโม่ถิงเซียวสวมเพียงเสื้อเชิ้ตและชุดสูท
มู่นวลนวลยกผ้าห่มขึ้นจากเตียงแล้วเอาผ้าห่มมาห่มให้เขา
เพียงแค่เธอเอนตัวและเอาผ้าห่มคลุมตัวเขา เขาก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
เมื่อสบตากับโม่ถิงเซียว มู่นวลนวลก็อดไม่ได้ที่จะใจสั่น:“คุณตื่นแล้ว”
ขณะที่มู่นวลนวลพูดเธอก็ลุกขึ้นยืน
โม่ถิงเซียวหยิบผ้าห่มบนตัวของเขาโยนทิ้ง นั่งยืดตัวตรงตัวและเอามือขยี้คิ้ว จากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า:“เมื่อคืนคุณปู่ฟื้นขึ้นมา”
มู่นวลนวลตะลึง:“คุณบอกว่าคุณปู่ฟื้นแล้วหรอ?”
โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมองเธอ และพูดด้วยสีหน้าไม่ชัดเจน:“อย่าเพิ่งรีบดีใจไป เขาจำใครไม่ได้เลย”
เจ้าสัวโม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว เป็นธรรมดาที่มู่นวลนวลจะต้องดีใจ
อีกประเด็นหนึ่งก็คือเมื่อเจ้าสัวโม่ฟื้นขึ้นมา ก็อาจพิสูจน์ได้ว่าในตอนนั้นมู่นวลนวลไม่ได้ผลักเขาตกลงมา
แต่คำพูดของโม่ถิงเซียวทำให้ใจของมู่นวลนวลจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง
“หมายความว่าไง?”
“แต่งตัวซะ ไปโรงพยาบาลกัน”
หลังจากที่โม่ถิงเซียวพูดจบ เขาก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ
……
มู่นวลนวลและโม่ถิงเซียวไปโรงพยาบาลด้วยกัน
ในห้องผู้ป่วยของเจ้าสัวโม่เต็มไปด้วยผู้คน แต่ก็เงียบมาก
เมื่อเห็นโม่ถิงเซียวและมู่นวลนวลเข้ามา คนเหล่านั้นก็รีบถอยหลังเพื่อหลีกทางให้พวกเขา
มู่นวลนวลเดินตามโม่ถิงเซียวไป และเมื่อเข้าไปใกล้เธอก็เห็นอาการของเจ้าสัวโม่ได้อย่างชัดเจน
เจ้าสัวโม่ตื่นแล้วจริงๆ
คนรับใช้กำลังป้อนน้ำให้เขา
“เจ้าสัวดื่มน้ำหน่อย” คนรับใช้ป้อนไปที่ปากของเจ้าสัวโม่
แต่ดูเหมือนว่าโม่เจ้าสัวโม่จะไม่ได้ยิน เขาเอียงศีรษะมองอะไรก็ไม่รู้ เขาอ้าปากออกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว และน้ำลายก็ไหลจากมุมปากของเขา
โม่ถิงเซียงวที่อยู่ด้านข้างก้ตำหนิอย่างเย็นชา:“แค่ป้อนทำแค่นี้ก็ทำไม่ได้?”
เมื่อคนรับใช้ได้ยินเสียงตำหนิของโม่ถิงเซียวก็ตกใจมาก จากนั้นก็บังคับป้อนน้ำให้เจ้าสัว
เจ้าสัวโม่อมน้ำไว้ในปากแล้วกลั้วปาก เหมือนกับเด็กที่เล่นสนุก
มู่นวลนวลเห็นปฏิกิริยาของเจ้าสัวโม่แล้วก็ตกตะลึง และหันไปมองโม่ถิงเซียวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เธอพูดด้วยเสียงแหบแห้ง:“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”
“ฟื้นขึ้นมาก็เป็นแบบนี้” ใบหน้าของโม่ถิงเซียวเต็มไปด้วยความเศร้า สีหน้าของเขาสงบนิ่งจนไม่สามารถเดาความรู้สึกของเขาได้
ดวงตาของมู่นวลนวลเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอนั่งลงข้างๆเตียง เอนตัวลงและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเบาๆว่า:“คุณปู่?”
เจ้าสัวโม่ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ
เธอพูดอย่างไม่ลดละว่า:“คุณปู่ ฉันมู่นวลนวลไง”
เจ้าสัวโม่ยังคงเอียงศีรษะพึมพำอย่างไม่รู้ตัวโดยไม่ได้สนใจผู้คน
“พอเถอะ!”
โม่จิ่นหยุนที่ยืนอยู่ข้างๆก็พูดออกมา เธอมองมู่นวลนวลด้วยสายตาเย็นชาและพูดว่า:“ไม่ต้องมาเสแสร้งที่นี่ ออกไปซะ”
มู่นวลนวลเหลือบมองโม่จิ่นหยุน เธอสูดหายใจเข้าและกระซิบกับเจ้าสัวโม่ว่า:“คุณปู่ ฉันไปก่อนนะคะ วันหลังค่อยมาเยี่ยมคุณอีก”
เจ้าสัวโม่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เขากำลังหัวเราะ “ฮิฮิ” อยู่
มู่นวลนวนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก และลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก
โม่จิ่นหยุนก็เดินตามออกไป
โม่ถิงเซียวก็ตามออกไปติดๆ
ทั้งหมดเดินตรงไปยังมุมที่ไม่มีใคร
มู่นวลนวลและโม่จิ่นหยุนเดินไปข้างหน้า ทั้งสองคนหยุดเดิน แล้วโม่จิ่นหยุนก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“มู่นวลนวล เห็นคุณปู่เป็นแบบนี้แล้ว เธอก็น่าจะมีจิตสำนึกบ้างนะ เลิกโกหกได้แล้วว่าเธอไม่ได้ผลักคุณปู่!”
“ไม่ใช่” มู่นวลนวลมองเธอด้วยสายตาราบเรียบและแน่วแน่:“ไม่ว่าคุณจะถามอีกพันครั้งหมื่นครั้ง ฉันก็ยังยืนยันคำตอบเดิม”
“ได้!โม่จิ่นหยุนหัวเราะ:“ถึงตอนนั้นถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าเธอเป็นคนที่ทำร้ายคุณปู่จริงๆ เธอก็เตรียมตัวติดคุกไปตลอดชีวิตได้เลย!”
หลักจากที่พูดจบเธอก็สะบัดมือและเดินจากไป
เมื่อเดินผ่านโม่ถิงเซียวโม่จิ่นหยุนก็หยุด:“ไม่ถิงเซียว เราต้องตรวจสอบเรื่องของคุณปู่ให้ถึงที่สุด หวังว่าเมื่อตรวจสอบความจริงออกมาแล้ว ผู้หญิงของนายจะเป็นผู้บริสุทธิ์นะ”
โม่ถิงเซียวดูเหมือนจะไม่ได้ยินเธอพูด เขาไม่แม้แต่จะมองเธอ และเดินผ่านเธอไปที่มู่มวลมวล
“หมอบอกว่ายังไง?คุณปู่จะมีสติกลับมาไหม?” นี่เป็นเรื่องที่มู่นวลนวลกังวลมากที่สุดในตอนนี้
โม่ถิงเซียวมองไปที่เธอ และพูดว่า:“อาจจะเป็นไปได้
นั่นหมายความว่าความการที่เจ้าสัวโม่จะมีสติกลับมาได้นั้นเป็นไปได้น้อยมาก
มู่นวลนวลกอดอกแล้วยื่นมือไปแตะคิ้ว:“ทางด้านสถานีตำรวจเป็นไงบ้าง?”
โม่ถิงเซียวให้คำตอบที่ไม่ชัดเจนกับเธอสามคำ:“รอข่าวคราว”
มู่นวลนวลถามตรงๆ:“ถ้าข่าวคือพวกเขาคิดว่าฉันเป็นฆาตกรล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย” น้ำเสียงเมินเฉยของโม่ถิงเซียวดูโหดร้ายมาก
มู่นวลนวลตกใจจนตัวสั่น เธอพยายามที่จะใจเย็นๆ:“คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้ผลักคุณปู่”
สีหน้าของโม่ถิงเซียวยังคงเย็นชา:“ฉันไม่รู้”
มู่นวลนวลกัดริมฝีปาก และผลักโม่ถิงเซียวออกไปอย่างรุนแรง จากนั้นก็วิ่งหนีไป
โม่ถิงเซียวตะลึงไปสองวินาที และวิ่งตามไปไม่ทัน:“มู่นวลนวล หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เรื่องของเจ้าสัวโม่กดทับอยู่ในใจของมู่นวลนวลราวกับก้อนหิน ทำให้เธอเป็นทุกข์
และท่าทีของโม่ถิงเซียวก็ทำให้หินก้อนนั้นหนักมากขึ้น
มู่นวลนวลรู้สึกว่าถ้าเธออยู่ในโรงพยาบาลต่อไปอีกสักวินาที เธออาจจะเป็นบ้า
รถของโม่ถิงเซียวจอดอยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาล มู่นวลนวลวิ่งออกจากโรงพยาบาลไปที่รถของเขาและขับรถออกไป
เมื่อโม่ถิงเซียววิ่งตามออกมาก็เห็นเพียงท้ายรถขับออกไป
เขากัดฟันและเตะดอกไม้ข้างๆด้วยความโมโห
เมื่อบอดี้การ์ดเห็นโม่ถิงเซียว พวกเขาก็พากันวิ่งเข้ามา:“คุณชาย!”
โม่ถิงเซียวหันไปมองและตะโกนด้วยความโมโห:“ไม่เห็นคุณหญิงขับรถออกไปรึไง?ยังไม่ไปเอารถมาอีก!”
มู่นวลนวลอารมณ์ไม่ดี และเธอก็ยังตั้งท้องอยู่ด้วย เขากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
บอดี้การ์ดไปขับรถมา เขาชี้ให้บอดี้การ์ดไปข้างๆ แล้วตัวเองก็นั่งลง และรีบขับรถตามมู่นวลนวลไป
แม้ว่ามู่นวลนวลจะอารมณ์เสีย แต่เธอก็ยังเป็นห่วงร่างกายของเธอ เธอไม่ได้หนีอุตลุด
ไม่นานเขาก็ไล่ตามมู่นวลนวลทัน