ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 262 คุณปู่ฟื้นแล้ว

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่มู่นวลนวลแกล้งเป็นลมและไปโรงพยาบาล หลังจากนั้นเธอก็หาโอกาสออกไปข้างนอกไม่ได้อีกแล้ว

โม่ถิงเซียวยังหาหมอมาประจำที่คฤหาสน์ให้เธอ ซึ่งรอรับคำสั่งอยู่ตลอดเวลา

มีบอดี้การ์ดอยู่ด้านในสามกลุ่มด้านนอกสามกลุ่ม ดูเหมือนกับคอยคุ้มกันนักโทษ เดิมทีมู่นวลนวลก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว

และโม่ถิงเซียวก็ยังไม่กลับมา

จนกระทั่งวันที่เจ็ดตอนเช้า เมื่อมู่นวลนวลตื่นขึ้นมา เธอก็เห็นโม่ถิงเซียวนั่งอยู่บนโซฟา

ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้า เขานั่งพิงโซฟาเหมือนตาจะปิด การหายใจของเขาแผ่วเบาและดูร่างกายของเขาก็ดูสงบนิ่ง

แม้ว่าในห้องจะเปิดเครื่องทำความร้อน แต่ถ้าไม่ห่มผ้าก็จะหนาว ซึ่งโม่ถิงเซียวสวมเพียงเสื้อเชิ้ตและชุดสูท

มู่นวลนวลยกผ้าห่มขึ้นจากเตียงแล้วเอาผ้าห่มมาห่มให้เขา

เพียงแค่เธอเอนตัวและเอาผ้าห่มคลุมตัวเขา เขาก็ลืมตาตื่นขึ้นมา

เมื่อสบตากับโม่ถิงเซียว มู่นวลนวลก็อดไม่ได้ที่จะใจสั่น:“คุณตื่นแล้ว”

ขณะที่มู่นวลนวลพูดเธอก็ลุกขึ้นยืน

โม่ถิงเซียวหยิบผ้าห่มบนตัวของเขาโยนทิ้ง นั่งยืดตัวตรงตัวและเอามือขยี้คิ้ว จากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า:“เมื่อคืนคุณปู่ฟื้นขึ้นมา”

มู่นวลนวลตะลึง:“คุณบอกว่าคุณปู่ฟื้นแล้วหรอ?”

โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมองเธอ และพูดด้วยสีหน้าไม่ชัดเจน:“อย่าเพิ่งรีบดีใจไป เขาจำใครไม่ได้เลย”

เจ้าสัวโม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว เป็นธรรมดาที่มู่นวลนวลจะต้องดีใจ

อีกประเด็นหนึ่งก็คือเมื่อเจ้าสัวโม่ฟื้นขึ้นมา ก็อาจพิสูจน์ได้ว่าในตอนนั้นมู่นวลนวลไม่ได้ผลักเขาตกลงมา

แต่คำพูดของโม่ถิงเซียวทำให้ใจของมู่นวลนวลจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง

“หมายความว่าไง?”

“แต่งตัวซะ ไปโรงพยาบาลกัน”

หลังจากที่โม่ถิงเซียวพูดจบ เขาก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ

……

มู่นวลนวลและโม่ถิงเซียวไปโรงพยาบาลด้วยกัน

ในห้องผู้ป่วยของเจ้าสัวโม่เต็มไปด้วยผู้คน แต่ก็เงียบมาก

เมื่อเห็นโม่ถิงเซียวและมู่นวลนวลเข้ามา คนเหล่านั้นก็รีบถอยหลังเพื่อหลีกทางให้พวกเขา

มู่นวลนวลเดินตามโม่ถิงเซียวไป และเมื่อเข้าไปใกล้เธอก็เห็นอาการของเจ้าสัวโม่ได้อย่างชัดเจน

เจ้าสัวโม่ตื่นแล้วจริงๆ

คนรับใช้กำลังป้อนน้ำให้เขา

“เจ้าสัวดื่มน้ำหน่อย” คนรับใช้ป้อนไปที่ปากของเจ้าสัวโม่

แต่ดูเหมือนว่าโม่เจ้าสัวโม่จะไม่ได้ยิน เขาเอียงศีรษะมองอะไรก็ไม่รู้ เขาอ้าปากออกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว และน้ำลายก็ไหลจากมุมปากของเขา

โม่ถิงเซียงวที่อยู่ด้านข้างก้ตำหนิอย่างเย็นชา:“แค่ป้อนทำแค่นี้ก็ทำไม่ได้?”

เมื่อคนรับใช้ได้ยินเสียงตำหนิของโม่ถิงเซียวก็ตกใจมาก จากนั้นก็บังคับป้อนน้ำให้เจ้าสัว

เจ้าสัวโม่อมน้ำไว้ในปากแล้วกลั้วปาก เหมือนกับเด็กที่เล่นสนุก

มู่นวลนวลเห็นปฏิกิริยาของเจ้าสัวโม่แล้วก็ตกตะลึง และหันไปมองโม่ถิงเซียวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เธอพูดด้วยเสียงแหบแห้ง:“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”

“ฟื้นขึ้นมาก็เป็นแบบนี้” ใบหน้าของโม่ถิงเซียวเต็มไปด้วยความเศร้า สีหน้าของเขาสงบนิ่งจนไม่สามารถเดาความรู้สึกของเขาได้

ดวงตาของมู่นวลนวลเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอนั่งลงข้างๆเตียง เอนตัวลงและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเบาๆว่า:“คุณปู่?”

เจ้าสัวโม่ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ

เธอพูดอย่างไม่ลดละว่า:“คุณปู่ ฉันมู่นวลนวลไง”

เจ้าสัวโม่ยังคงเอียงศีรษะพึมพำอย่างไม่รู้ตัวโดยไม่ได้สนใจผู้คน

“พอเถอะ!”

โม่จิ่นหยุนที่ยืนอยู่ข้างๆก็พูดออกมา เธอมองมู่นวลนวลด้วยสายตาเย็นชาและพูดว่า:“ไม่ต้องมาเสแสร้งที่นี่ ออกไปซะ”

มู่นวลนวลเหลือบมองโม่จิ่นหยุน เธอสูดหายใจเข้าและกระซิบกับเจ้าสัวโม่ว่า:“คุณปู่ ฉันไปก่อนนะคะ วันหลังค่อยมาเยี่ยมคุณอีก”

เจ้าสัวโม่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เขากำลังหัวเราะ “ฮิฮิ” อยู่

มู่นวลนวนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก และลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก

โม่จิ่นหยุนก็เดินตามออกไป

โม่ถิงเซียวก็ตามออกไปติดๆ

ทั้งหมดเดินตรงไปยังมุมที่ไม่มีใคร

มู่นวลนวลและโม่จิ่นหยุนเดินไปข้างหน้า ทั้งสองคนหยุดเดิน แล้วโม่จิ่นหยุนก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“มู่นวลนวล เห็นคุณปู่เป็นแบบนี้แล้ว เธอก็น่าจะมีจิตสำนึกบ้างนะ เลิกโกหกได้แล้วว่าเธอไม่ได้ผลักคุณปู่!”

“ไม่ใช่” มู่นวลนวลมองเธอด้วยสายตาราบเรียบและแน่วแน่:“ไม่ว่าคุณจะถามอีกพันครั้งหมื่นครั้ง ฉันก็ยังยืนยันคำตอบเดิม”

“ได้!โม่จิ่นหยุนหัวเราะ:“ถึงตอนนั้นถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าเธอเป็นคนที่ทำร้ายคุณปู่จริงๆ เธอก็เตรียมตัวติดคุกไปตลอดชีวิตได้เลย!”

หลักจากที่พูดจบเธอก็สะบัดมือและเดินจากไป

เมื่อเดินผ่านโม่ถิงเซียวโม่จิ่นหยุนก็หยุด:“ไม่ถิงเซียว เราต้องตรวจสอบเรื่องของคุณปู่ให้ถึงที่สุด หวังว่าเมื่อตรวจสอบความจริงออกมาแล้ว ผู้หญิงของนายจะเป็นผู้บริสุทธิ์นะ”

โม่ถิงเซียวดูเหมือนจะไม่ได้ยินเธอพูด เขาไม่แม้แต่จะมองเธอ และเดินผ่านเธอไปที่มู่มวลมวล

“หมอบอกว่ายังไง?คุณปู่จะมีสติกลับมาไหม?” นี่เป็นเรื่องที่มู่นวลนวลกังวลมากที่สุดในตอนนี้

โม่ถิงเซียวมองไปที่เธอ และพูดว่า:“อาจจะเป็นไปได้

นั่นหมายความว่าความการที่เจ้าสัวโม่จะมีสติกลับมาได้นั้นเป็นไปได้น้อยมาก

มู่นวลนวลกอดอกแล้วยื่นมือไปแตะคิ้ว:“ทางด้านสถานีตำรวจเป็นไงบ้าง?”

โม่ถิงเซียวให้คำตอบที่ไม่ชัดเจนกับเธอสามคำ:“รอข่าวคราว”

มู่นวลนวลถามตรงๆ:“ถ้าข่าวคือพวกเขาคิดว่าฉันเป็นฆาตกรล่ะ?”

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย” น้ำเสียงเมินเฉยของโม่ถิงเซียวดูโหดร้ายมาก

มู่นวลนวลตกใจจนตัวสั่น เธอพยายามที่จะใจเย็นๆ:“คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้ผลักคุณปู่”

สีหน้าของโม่ถิงเซียวยังคงเย็นชา:“ฉันไม่รู้”

มู่นวลนวลกัดริมฝีปาก และผลักโม่ถิงเซียวออกไปอย่างรุนแรง จากนั้นก็วิ่งหนีไป

โม่ถิงเซียวตะลึงไปสองวินาที และวิ่งตามไปไม่ทัน:“มู่นวลนวล หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

เรื่องของเจ้าสัวโม่กดทับอยู่ในใจของมู่นวลนวลราวกับก้อนหิน ทำให้เธอเป็นทุกข์

และท่าทีของโม่ถิงเซียวก็ทำให้หินก้อนนั้นหนักมากขึ้น

มู่นวลนวลรู้สึกว่าถ้าเธออยู่ในโรงพยาบาลต่อไปอีกสักวินาที เธออาจจะเป็นบ้า

รถของโม่ถิงเซียวจอดอยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาล มู่นวลนวลวิ่งออกจากโรงพยาบาลไปที่รถของเขาและขับรถออกไป

เมื่อโม่ถิงเซียววิ่งตามออกมาก็เห็นเพียงท้ายรถขับออกไป

เขากัดฟันและเตะดอกไม้ข้างๆด้วยความโมโห

เมื่อบอดี้การ์ดเห็นโม่ถิงเซียว พวกเขาก็พากันวิ่งเข้ามา:“คุณชาย!”

โม่ถิงเซียวหันไปมองและตะโกนด้วยความโมโห:“ไม่เห็นคุณหญิงขับรถออกไปรึไง?ยังไม่ไปเอารถมาอีก!”

มู่นวลนวลอารมณ์ไม่ดี และเธอก็ยังตั้งท้องอยู่ด้วย เขากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ

บอดี้การ์ดไปขับรถมา เขาชี้ให้บอดี้การ์ดไปข้างๆ แล้วตัวเองก็นั่งลง และรีบขับรถตามมู่นวลนวลไป

แม้ว่ามู่นวลนวลจะอารมณ์เสีย แต่เธอก็ยังเป็นห่วงร่างกายของเธอ เธอไม่ได้หนีอุตลุด

ไม่นานเขาก็ไล่ตามมู่นวลนวลทัน

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท