ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 264 หมายศาล

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

บอดี้การ์ดและคนรับใช้มองไปที่มู่นวลนวลที่กำลังหาหิน พวกเขาทั้งหมดก็เดินเข้ามาอย่างประหม่า

“คุณหญิง คุณทำอะไร……”

มู่นวลนวลกวาดสายตามองพวกเขา:“อารมณ์ไม่ดี จะเอามันไปทุบข้าวของเล่นๆ”

เหล่าบอกี้การ์ดและคนรับใช้:“……”

ไม่มีใครขัดขวางมู่นวล เธอหยิบหินและไปที่ห้องหนังสือของโม่ถิงเซียว

แม้ว่าบอดี้การ์ดจะไม่ได้ขัดขวางเธอ แต่ก็สังเกตความเคลื่อนไหวของเธอ

เมื่อเห็นว่ามู่นวลนวลถือหินเข้าไปในห้องหนังสือของโม่ถิงเซียว บอดี้การ์ดก็โทรหาโม่ถิงเซียวทันที:“คุณชาย คุณหญิงถือหินเข้าไปในห้องหนังสือ”

“เธอเข้าไปทำอะไร?”

“……เธอบอกว่าอารมณ์ไม่ดี จะทุบข้าวของเล่นๆ”

“อ้อ ปล่อยเธอไป”

บอดี้การ์ด:“……”

บางทีนี่อาจจะเป็นอย่างที่เขาเรียกกันว่าจงใจ

……

ในห้องหนังสือ

มู่นวลนวลนั่งลงบนพื้น ถือหินและพยายามทุบมันลิ้นชักที่ล็อกไว้

ของที่โม่ถิงเซียวใช้ แน่นอมว่าต้องดีมาก

มู่นวลนวลใช้ความพยายามอย่างมากกว่าที่จะทุบลิ้นชักจนเปิดออกได้

เธอโยนหินทิ้งข้างๆ ตบๆมือแล้วเปิดลิ้นชักออก ข้างในมีสมุดทะเบียนบ้านอยู่

เธอรีบหยิบสมุดทะเบียนบ้านออกมา และกำลังจะลุกออกไป แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องเล็กๆรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าในลิ้นชัก

กล่องเล็กๆนี้ดูละเอียดอ่อนและประณีตมาก วัสดุมีคุณภาพสูง ดูแล้วน่าจะสั่งทำขึ้นมา

นี่ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าสิ่งของในกล่องนี้มีค่ามากสำหรับโม่ถิงเซียว

ในนี้มีของอะไรนะ?

โม่ถิงเซียวถึงเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี……

มันต้องสำคัญมากสำหรับเขา

มู่นวลนวลยื่นมือออกไปเพื่อจะเปิดดูว่าข้างในมีอะไร แต่เธอยืนมือไปได้เพียงครึ่งหนึ่งก็หยุด

แต่ท้ายที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็เอาชนะเธอได้

เธอเปิดกล่องเล็กๆที่ประณีตนั่น และพบว่ามีปากกาที่ดูเก่ามากด้ามหนึ่ง

มีโลโก้ยี่ห้ออยู่ที่ปากกา มู่นวลนวลรู้จักปากกายี่ห้อนี้ ตอนสมัยที่เธอเด็กๆมันเป็นที่นิยมมาก จำได้ว่าตอนนั้นโรงเรียนให้ปากกาแบรนด์นี้เป็นรางวัล

ปากกายี่ห้อนี้มีราคาถูกมากและเลิกผลิตไปนานแล้ว

ไม่คาดคิดว่ามู่ถิงเซียวจะเก็บสะสมไว้ด้ามหนึ่ง

อันที่จริงปากกานี้ไม่มีมูลค่าในการเก็บสะสม แต่ตอนนั้นก็ผลิตขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่โม่ถิงเซียวสั่งทำกล่องเล็กๆ เพื่อเก็บปากกา……

กล่องนี้มีค่ามากกว่าปากกาหลายเท่า

มู่นวลนวลหยิบโทรศัพท์ออกมาเสิร์ทหาในอินเทอร์เน็ต หลังจากที่ปากกายี่ห้อนี้เลิกผลิตลองคำนวณคร่าวๆแล้ว ก็พบว่าโม่ถิงเซียวเก็บปากกาด้ามนี้มาเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปี

สิบปีที่แล้วโม่ถิงเซียวเพิ่งจะอายุสิบหกสิบเจ็ด

มีเด็กผู้หญิงมอบให้เขา?

เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไร มู่นวลนวลก็หงุดหงิดและพึมพำกับตัวเองว่า:“ใครมอบปากกาให้เขาแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน!”

ถึงอย่างไรเธอกำลังจะเลิกกับโม่ถิงเซียว

มู่นวลนวลเม้มริมฝีปากและวางปากกากลับไปที่เดิม หลังจากเคลียร์สถานที่แล้ว เธอก็ลุกขึ้นและกลับไปที่ห้อง

เธอนำสมุดทะเบียนบ้าน พาสปอร์ต และบัตรประชาชนมารวมกันแล้วเก็บไว้

……

ตอนเย็น

เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ที่โม่ถิงเซียวกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้าน

มู่นวลนวลนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารและกำลังจะทานอาหารพอดี ร่างสูงโปร่งของโม่ถิงเซียวเดินเข้ามาจากด้านนอก

เขาพากลิ่นอายของความหนาวเย็นมาด้วย เขานั่งลงตรงข้ามกับมู่นวลนวล

ป้าหูรีบหยิบชามและตะเกียบไปมาให้โม่ถิงเซียว

ไม่ใช่บอกว่าช่วงนี้ยุ่งหรอ?แล้วยังมีเวลากลับมาทานข้าว?

ดูเหมือนว่าเรื่องเมื่อตอนกลางวันที่เธอแอบเข้าไปในห้องหนังสือของเขา แล้วทุบลิ้นชักเพื่อขโมยสมุดทะเบียนบ้าน คงจะปิดไว้ไม่มิดแล้ว

แน่นอนว่าพวกเขาสองคนทานข้าวกันอย่างสงบเรียบร้อย และโม่ถิงเซียวก็พูดเบาๆว่า:“เธอเข้าไปทุบอะไรในห้องหนังสือของฉัน?”

มู่นวลนวลคิดๆดูก็รู้ว่าบอดี้การ์ดไปฟ้องเขา

ผู้ชายพวกนั้นมีความสามารถอะไรที่ไปฟ้องได้ทั้งวัน?

มู่นวลนวลอดอาลัยตายยอยาก และยอมรับตรงๆ:“ลิ้นชัก”

ถึงอย่างไรไม่ช้าก็เร็วโม่ถิงเซียวก็ต้องรู้ ไม่จำเป็นต้องปกปิด

เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาลุกขึ้นเดินไปชั้นบนโดยไม่พูดอะไรสักคำ

มู่นวลนวลมองไปที่ด้านหลังของเขาด้วยความงุนงง

เธอไม่เคยเห็นโม่ถิงเซียวลืมตัวจนเสียกริยาอย่างนี้มาก่อน

มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นแล้วกระพริบตา จากนั้นก็เดินตามไป

ประตูห้องเปิดกว้าง โม่ถิงเซียวยืนถือกล่องเล็กๆที่ใส่ปากาด้ามนั้นอยู่หลังโต๊ะทำงาน

มู่นวลนวลกอดอกและยืนพิงขอบประตู เธอพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า:“ปากกาที่ไม่มีราคาแต่ล้ำค่ามากอย่างนี้ ใครมอบให้ล่ะ?รักแรกหรอ?”

โม่ถิงเซียวไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเธอ เขาเช็ดปากกาด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็ค่อยๆวางกลับไป

เขาไม่ได้ใส่กล่องนั้นไว้ในลิ้นชักอีก แต่ล็อกไว้ในตู้เซฟ

เมื่อมู่นวลนวลเห็นอย่างนั้นก็กำมือแน่น เธอเม้มริมฝีปากแล้วกลับไปที่ห้องนอน

เมื่ออยู่ไกลใจก็ห่าง!

ผู้ชายแม่งก็เป็นงี้แหละ

เมื่อโม่ถิงเซียวเข้าไปในห้องนอนก็เห็นว่ามู่นวลนวลกำลังพลิกดูนิตยสารพลิกไปมา ไม่ถึงสามวินาที เธอไม่อ่านนิตยสารอย่างจริงจัง

เขาเดินมาตรงหน้าเธอและคว้านิตยสารในมือเธอ

“เอามาให้ฉัน” มู่นวลนวลยื่นมือไปแย่ง และเงยหน้าจ้องมองเขา

โม่ถิงเซียวยกริมฝีปากขึ้นและยิ้มอย่างเย็นชา:“เธอคิดว่าขโมยสมุดทะเบียนบ้านไปแล้ว ฉันจะปล่อยเธอไปหรอ?”

“ฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของคุณ ฉันอยากไปที่ไหนก็จะไป ทำไมฉันต้องได้รับอนุญาตจากคุณ?” มู่นวลนวลเชิดคางขึ้น ใบหน้าของเธอหยิ่งผยองและไม่ยอมแพ้

โม่ถิงเซียวยิ้มก้างขึ้น:“เธอลองดูก็ได้”

ดวงตาของเขาดูความมั่นในในตัวเอง เห็นแล้วก็ไม่เข้าตา

เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลย ดูเหมือนเขาจะมองเห็นทุกอย่าง และคิดว่าเธอจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

มู่นวลนวลรู้สึกหงุดหงิด

ความหงุดหงิดนี้ไม่ใช่เพียงเพราะเธอรู้ว่าเธอไม่สามารถเอาชนะโม่ถิงเซียวได้ แต่อีกเหตุผลที่สำคัญคือเธอตระหนักว่าตัวเองหัวเดียวกระเทียมลีบ

เมื่อเผชิญหน้ากับโม่ถิงเซียว เธอไม่มีที่ว่างที่จะต่อต้าน

ตั้งแต่เกิดเรื่องกับเจ้าสัวโม่ นี่เป็นครั้งแรกที่โม่ถิงเซียวกลับมานอนบ้าน

ทั้งสองข้างของขอบเตียงถูกครอบครองโดยคนทั้งสอง ไม่มีการกอดกันอย่างใกล้ชิด และไม่มีการพูดคุยหรือสื่อสารใดๆ

เช้าตรู่ของวันต่อมา

มู่นวลนวลและโม่ถิงเซียวตื่นขึ้นมาเกือบพร้อมกัน

มู่นวลนวลเดินลงไปชั้นล่างก่อนโม่ถิงเซียว

มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งยืนอยู่ในห้องโถง

เมื่อเขาเห็นมู่นวลนวลก็เรียกอย่างเคารพ:“คุณหญิง”

“มีอะไรหรอ?” มู่นวลนวลเดาว่าเขาอาจจะมีเรื่องอะไร จึงเดินเข้าไป

บอดี้การ์ดยื่นซองเอกสารด่วนให้มู่นวลนวล

มู่นวลนวลจ้องไปที่ซองเอกสารอยู่สองวินาที และเดาอย่างไม่แน่ใจว่าข้างในคืออะไร

จากนั้นเธอก็ยื่นมือออกไปและรับมัน

เธอเปิดซองเอกสาร และพบว่ามันเป็นหมายศาล เหมือนที่เธอเดาไว้เมื่อตะกี้

การบาดเจ็บของเจ้าสัวโม่เข้าข่ายความผิดทางอาญา แต่ตอนนี้มู่นวลนวลเป็นหญิงตั้งครรภ์ จึงสามารถใช้มาตรการเพื่อให้ประกันตัวออกมาได้ในระหว่างการพิจารณาคดี

มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างหลังเธอ

มู่นวลนวลรู้ว่าโม่ถิงเซียวลงมา

เธอหันกลับไปแล้วยกหมายศาลในมือขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า:“โม่ถิงเซียว นี่คุณก็มีส่วนด้วยใช่ไหม?”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท