ลูกหายไปมู่นวลนวลไม่มีอารมณ์จะพักผ่อน
และเธอมั่นใจมากว่าโม่ถิงเซียวเป็นคนพาลูกไป
ที่ซิดนีย์เธอไม่มีศัตรู และคนรอบข้างเธอก็มีแค่คนของโม่ถิงเซียว นอกจากโม่ถิงเซียวแล้วไม่มีใครที่จะกล้าลักพาตัวลูกของเธอไป
ล่าสุดที่เธอเห็นลูก เธอรู้สึกมีความสุขในฐานะคนเป็นแม่ แต่พอเธอตื่นขึ้นมากลับพบว่าลูกหายไป
มู่นวลนวลไม่มีสติ : “โม่ถิงเซียวฉันขอร้องคุณละนะ คืนลูกให้ฉันเถอะ เธอพึ่งคลอดออกมาเธอยังเล็กอยู่เลย………………”
โม่ถิงเซียวไม่เคยเห็นเธอในสภาพนี้มาก่อน
แม้ว่าเมื่อก่อนเธอจะโดนคนตระกูลมู่รังแกมามาก แต่เขาก็ไม่เคยเห็นน้ำตาของมู่นวลนวลเลย
ในดวงตาที่สงบนิ่งของเขามีความตื่นตระหนกอยู่ เขาไม่เคยแสดงออกอย่างนี้มาก่อนเลยเช่นกัน
เขาตั้งสติอยู่นานมากจึงเรียกสติตัวเองกลับมา : “มู่นวลนวลคุณใจเย็นๆก่อนนะ ฟังผมพูด”
“ฉันไม่ฟัง ฉันต้องการลูก” มู่นวลนวลส่ายหน้า น้ำตาเธอไหลออกมาไม่หยุด
โม่ถิงเซียวรู้สึกราวกับมีอะไรมาติดอยู่ที่คอ เขาพูดอะไรไม่ออก
เขาไม่ได้พาตัวลูกไป แต่ตอนนี้ลูกหายไป
มู่นวลนวลร้องไห้หนักมาก ทำให้พยาบาลเข้ามาดู
“มีเรื่องอะไร? พึ่งจะคลอดแล้วร้องไห้ทำไม?”
โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมองพยาบาล พยาบาลกลัวในสายตาที่เย็นชาของเขาจึงรีบหันหลังแล้วเดินออกไป
สุดท้ายเขาจึงขอให้คุณหมอฉีดยาระงับประสาทให้เธอแล้วให้เธอเข้านอน
มู่นวลนวลนอนอยู่บนเตียง หน้าของเธอยังเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แม้จะนอนหลับไปแล้ว แต่เธอยังคงขมวดคิ้วลึกอยู่
โม่ถิงเซียวยื่นมือไปกดตรงคิ้วเธอให้คลายออก จนกระทั้งคิ้วของเธอคลายออก จากนั้นจึงเอื้อมมือมาปัดผมบนใบหน้าเธอออกแล้วโน้มตัวลงไปจูบหน้าผากเธอ
กำหนดคลอดของมู่นวลนวลยังเหลืออีกหนึ่งอาทิตย์ เขาจึงว่างแผนมาที่ซิดนีย์ก่อนที่เธอจะคลอด
แต่คิดไม่ถึงว่ามู่นวลนวลจะคลอดก่อนกำหนดหนึ่งอาทิตย์
“ก๊อก! ก๊อก!”
มีคนเคาะประตูอยู่ข้างนอก เสียงเคาะเบาๆสองครั้ง
โม่ถิงเซียวรู้ได้ทันทีว่าคือซือเย่
เขาหันมามองมู่นวลนวลที่อยู่บนเตียงแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
มู่นวลนวลเข้าพักในห้อง VVIP ข้างนอกมีห้องพักเล็กๆอยู่
คนที่เคาะประตูคือซือเย่
ไม่รอให้โม่ถิงเซียวเอ่ยปากถาม ซือเย่ที่สีหน้าไม่สู้ดีแล้วพูด : “ก่อนหน้าเด็กที่มีปานสีดำที่เท้า ผมไปสืบมาแล้ว เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของคุณและคุณผู้หญิง เด็กที่พึ่งคลอดในโรงพยาบาลวันนี้ผมสืบหมดแล้ว………..หาลูกของคุณและคุณผู้หญิงไม่พบเลย”
ประโยคข้างหลังที่ที่ซือเย่พูด มันจัดเจนมากว่าเขาพูดเบาลงมาก
โม่ถิงเซียวกำมือแน่น แน่นมากทำให้เส้นเอ็นหลังมือของเขานูนขึ้นมา
ซือเย่ที่ยื่นอยู่ข้างๆไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง และไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
สักพัก โม่ถิงเซียวเสียงเข้มและเย็นชามาก : “มีอะไรอีก?”
ซือเย่มองโม่ถิงเซียว แล้วพูดในสิ่งที่ตัวเองคาดเดาไว้ : “ผมไปตรวจดูกล้องวงจรปิดมาแล้ว ไม่ทีอะไรผิดปกติ ผมสงสัยว่า เด็กอาจจะถูสลับและถูกขโมยไปตั้งแต่อยู่ในห้องคลอดแล้ว และแสดงว่ามีคนจ้องจะทำแบบนี้กับคุณผู้หญิงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
สิ่งที่ต้องสืบหาเขาสืบไปหมดแล้ว สุดท้ายจึงต้องเริ่มสืบจากตอนแรก คือในห้องคลอด
เด็กอาจจะถูกสลับไปตั้งแต่อยู่ในห้องคลอด
คนที่สลับเด็กไป จงใจใช้เด็กที่อยู่ในโรงพยาบาลมาสลับ และจงใจจะให้พวกเขารู้ว่าเด็กถูกขโมยไป
ซือเย่พูดจบ เขาก็รอดูปฏิกริยาของโม่ถิงเซียวอย่างระมัดระวัง
โม่ถิงเซียวนั่งนิ่ง อารมณ์ของเขาอัดแน่นอยู่ภายใน ราวกับว่ามันอาจจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
แต่เขาไม่ได้ทำลายข้างของ และไม่พูดอะไร
เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ซือเย่เป็นห่วงเขาและเดินตามเขาออกไป
ในขณะที่ซือเย่กำลังปิดประตู ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง “ปัง” ขึ้นมาดังมาก
ซือเย่หันกลับไปมองก็เห็นมือของโม่ถิงเซียวที่ชกเข้าไปที่กำแพง ผิวหนังบริเวณกระดูกมือมีเลือดไหลออกมา
แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดหลังจากชกกับกำแพง
“คุณผู้ชาย”
ซือเย่เรียกเขาและจะเข้าไปห้าม
แต่เขากลับหยุดโม่ถิงเซียวที่ตอนนี้กำลังโมโหอย่างมากไม่ได้ มือของเขาพึ่งจะโดนตัวโม่ถิงเซียว เขาก็โดนโม่ถิงเซียวสะบัดออก
โม่ถึงเซียวผ่านการฝึกมา ซือเย่โดนสะบัดแล้วล้มลงกองกับพื้นอย่างแรง และด้วยความเจ็บปวด เขาไม่สามารถเคลื่อไหวตัวได้อยู่สักพัก แล้วนอนลงไปกับพื้น
ครึ่งปีที่ผ่านมา โม่ถิงเซียวทำงานหนักมากราวกับเป็นหุ่นยนต์ และเขาเป็นผู้ช่วยพิเศษของโม่ถิงเซียว แน่นอนว่าเขาก็ทำงานตัวเป็นเกลียวไม่มีเวลาพักผ่อน
เขาคิดว่า ติดตามโม่ถิงเซียวมาซิดนีย์ครั้งนี้ เมื่อโม่ถิงเซียวและมู่นวลนวลคืนดีกันแล้ว เขาจะได้มีเวลาพักผ่อนสักที
แต่กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด ไม่ใช่เพียงแค่ไม่ได้พักผ่อน แต่กลับยิ่งแย่เข้าไปอีก
……….
จนกระทั้งมู่นวลนวลออกจากโรงพยาบาล เธอยังคงไม่ได้เจอหน้าลูกสาวของเธอ
จากครั้งแรกที่เธอเสียสติไป ตอนนี้มู่นวลนวลสงบและใจเย็นลงมาก
ภายในรถ
“รอคุณอยู่เดือนเสร็จพวกเราจะกลับเซี่ยงไฮ้กัน” เสียงโม่ถิงเซียวดังขึ้นมาจากความเงียบภายในรถ
มู่นวลนวลนั่งพิงไปที่เบาะรถ เธอไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเขา : “นี้คือสิ่งที่คุณต้องการ?เพื่อบังคับให้ฉันกลับไปจึงพรากลูกไปจากฉัน”
โม่ถิงเซียวเงียบไม่พูดอะไร
มู่นวลนวลหันไปมองเขา เห็นสีหน้าของเขาที่อดกลั้นไม่พูดจา เธอไม่พอใจ น้ำเสียงเยาะเย้ย: “ทำไม ฉันพูดแทงใจดำคุณก็เลยโกรธหรอ?”
ครึ่งปีที่ผ่านมา อารมณ์ของเขาไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ความอดทนของเขาเปลี่ยนไป เข้ามีความอดทนขึ้นมาก
สองสามวันนี้ไม่ว่าเธอจะยั่วโมโหหรือกวนประสาทเขาแค่ไหนเขาไม่แสดงท่าทีที่โกรธเธอเลย
เขาไม่เหมือนโม่ถิงเซียวคนที่เธอเคยรู้จัก
แต่โม่ถิงเซียวยิ่งอดทนกับเธอมากเท่าไหร่ มู่นวลนวลกลับคิดว่าโม่ถิงเซียวต้องทำอะไรสักอย่างไว้ถึงต้องทำเช่นนี้
เธอคิดไม่ออกว่านอกจากโม่ถิงเซียวแล้วจะมีใครที่จะกล้าพาตัวลูกสาวของเธอไป
สักพักโม่ถิงเซียวพูดขึ้น : “ถ้าเกิดคุณไม่กลับไป คุณอาจจะไม่ได้เจอลูกอีกเลยตลอดไป”
ถ้าหากว่าการเข้าใจผิดของเธอจะทำให้เธอยอมกลับไปกับเขา เขาก็จำเป็นที่จะต้องหลอกเธอแบบนี้ต่อไป
เขามองออกว่ามู่นวลนวลรักลูกมากและมากกว่าเขา
ถ้าเกิดว่าลูกของพวกเขาไม่ถูกขโมยไป ตอนนี้พวกเขาอาจคืนดีกันและอยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน
แม้จะไม่ได้คืนดีกันแต่ก็ไม่ควรที่จะเย็นชาต่อกัน
ถ้าเกิดว่าเธอรู้ว่าลูกถูกขโมยไป โม่ถิงเซียวมันใจว่ามู่นวลนวลไม่มีทางกลับไปที่เซี่ยงไฮ้กับเขาแน่นอน
แม้จะยังหาตัวลูกไม่เจอแต่เขาต้องพามู่นวลนวลกลับไปให้ได้
มู่นวลนวลโมโหจนตัวสั่น : “ในที่สุดคุณก็ยอมรับ?”
“ใช่” โม่ถิงเซียวหันกลับมามองเธอ เสียงที่เย็นชา: “นอกจากกลับไปกับผมแล้ว คุณไม่มีทางเลือกอื่น ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ได้เห็นหน้าลูกเลย”