ตอนที่มู่นวลนวลพูดประโยคนี้ น้ำเสียงของเธอจริงใจเเละราบเรียบมาก ทำให้นักข่าวที่ถามเธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เหตุการณ์ตรงนั้นเงียบไปสักพัก
มู่นวลนวลพูดอย่างต่อเนื่อง: ” ในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด จึงไม่กลัวคนของตระกูลโม่มาหาฉันอยู่เเล้ว อีกอย่าง คนของตระกูลโม่มีเหตุผลที่ชัดเจนขนาดนั้น พวกเขาจะไม่ทำให้ฉันเดือดร้อนโดยไม่มีเหตุผลอย่างแน่นอนค่ะ ”
สิ่งที่เธอพูดนั้นสมเหตุสมผลจริงๆ
ตระกูลโม่มีอำนาจมาก ถ้ามู่นวลนวลทำอะไรเจ้าสัวโม่จริงๆ ตระกูลโม่คงไม่ปล่อยให้เธอกลับมาที่เซี่ยงไฮ้โดยไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน
เเละตอนนี้ก็ไม่รู้ว่านักข่าวคนไหนที่พูดถามขึ้น: ” เหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อครึ่งปีก่อนไม่มีใครหาคุณเจอ ดังนั้น คนอื่นจึงคิดว่าคุณตายไปแล้ว งั้นตลอดระยะเวลาครึ่งปีมานี้คุณไปอยู่ที่ไหนมาคะ? ทำไมถึงไม่มีข่าวคราวอะไรเลย? ”
มู่นวลนวลกวาดสายตามองนักข่าวที่อยู่รอบๆ เธอนึกถึงชีวิตตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา นึกถึงลูกสาวที่เคยเจอกันเพียงครึ่งเดียว หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นนิ่งๆ: ” ดูเเลร่างกาย ”
คำง่ายๆสี่คำสรุปชีวิตในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา
เเต่นักข่าวกลับถามต่ออย่างไม่ลดละ: ” เพราะได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นหรือเปล่าคะ? เเล้วตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณชายโม่เป็นอย่างไรคะ? พวกคุณยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ไหม? หรือว่าหย่ากันเเล้วคะ? ”
มู่นวลนวลเมินคำพูดประโยคหน้าของนักข่าว: ” ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับโม่ถิงเซียว นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉันค่ะ ขอโทษด้วย ”
บางครั้งก็ไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจน ต่อให้โกหกก็ต้องเหลือพื้นที่ไว้ให้ตัวเองได้พลิกตัวบ้าง
ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาเธอดูแลทารกในครรภ์อยู่ที่ต่างประเทศจริงๆ เเต่เธอไม่ยอมรับว่าได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น
นักข่าวไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น และยังคงยืนกรานถามต่อไป: ” ที่คุณเลี่ยงไม่ตอบเรื่องนี้ก็เเสดงว่าคุณได้หย่ากับคุณชายโม่เเล้ว เเละคุณทั้งสองคนก็ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันเเล้วใช่ไหมคะ? ”
ตอนนี้โม่ถิงเซียวรับช่วงมู่กรุ๊ปต่อเเล้ว เขาเพิ่งเริ่มเเสดงความสามารถออกมาในวงการธุรกิจ เขาเป็นคนที่มีทั้งเงินเเละอิทธิพล เเถมยังเลือดร้อนอีกต่างหาก เเละถ้าสามารถขุดความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโม่ถิงเซียวได้ เรื่องของเจ้าสัวโม่ก็จะยิ่งตลกทันที
ตอนนี้ไม่เพียงเเค่สื่อมวลชนที่อยากจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างโม่ถิงเซียวกับมู่นวลนวล เเต่เหล่าสตรีที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆของเซี่ยงไฮ้ก็กำลังรอที่จะปีนขึ้นไปคว้าตำแหน่งคุณหญิงตระกูลโม่เช่นกัน
มู่นวลนวลเบนสายตาลง ใบหน้าของเธอราบเรียบเหมือนไม่เต็มใจจะพูดสักเท่าไหร่: ” ขอโทษค่ะ บอกไม่ได้จริงๆ ”
ฉินซุ่ยซานไม่ได้ไปไหนไกล เธอเฝ้าดูสถานการณ์ทางนี้อยู่ตลอดเวลา
พอเห็นว่ามู่นวลนวลไม่เต็มใจที่จะพูดเเล้ว เธอจึงบอกใบ้ให้เจ้าหน้าที่ในกองถ่ายเข้าไปหามู่นวลนวล
พอเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งจากเธอ ก็เดินเข้าไปกั้นมู่นวลนวลกับนักข่าวทันที: ” พอเเล้วครับ การสัมภาษณ์สิ้นสุดเเล้วครับ ”
” คุณมู่ครับ ตอบด้วยครับ…… ”
นักข่าวยังคงอยากได้คำตอบของมู่นวลนวลอย่างไม่ลดละ
มู่นวลนวลหมุนตัวเดินไปอีกทาง
ฉินซุ่ยซานเดินเข้ามาหาเธอทันที
” ตกลงว่าเธอกับโม่ถิงเซียวหย่ากันเเล้วหรือยัง? ” ฉินซุ่ยซานเป็นเหมือนนักข่าวพวกนั้นที่รู้สึกสนใจเรื่องความสัมพันธ์ของโม่ถิงเซียวเเละมู่นวลนวลเป็นพิเศษ
มู่นวลนวลหยุดเดินเเละหันกลับไปมองฉินซุ่ยซานอย่างสังเกตทันที
” มองฉันเเบบนั้นทำไม? ” ฉินซุ่ยซานลูบหน้าตัวเอง ถึงเเม้ว่าสายตาของมู่นวลนวลจะสงบนิ่ง เเต่ถูกจ้องแบบนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่บ้างเหมือนกัน
ผ่านไปสักครู่ มู่นวลนวลก็พูดขึ้นมาเงียบๆ: ” คุณสนใจโม่ถิงเซียวหรอ? ”
พอฉินซุ่ยซานนึกถึงท่าทีเย็นชาของโม่ถิงเซียว เธอก็รีบส่ายหัวทันที: ” ไม่ใช่นะ ”
มู่นวลนวลยกยิ้มมุมปากเเละพูดขึ้นยิ้มๆ: ” งั้นฉันไม่บอกคุณ ”
” เฮ้! เธอ…… ” ฉินซุ่ยซานรู้สึกสำลักกับคำพูดของมู่นวลนวล เธอชี้นิ้วไปที่มู่นวลนวลสักครู่ถึงจะสามารถพูดออกมาได้: ” เมื่อสักครู่ฉันเพิ่งช่วยเธอไปเองนะ! ”
มู่นวลนวลหันกลับไปยิ้มให้เธอ: ” ขอบคุณมาก ไว้ฉันเลี้ยงข้าวคุณนะ ”
ฉินซุ่ยซาน: ” …… ”
เธอรู้อยู่เเล้วว่ามู่นวลนวลดูเหมือนเเจกันดอกไม้ เเต่ไม่รู้ว่าลึกๆในใจของเธอนั้นได้ซ่อนเล่ห์เหลี่ยมอะไรเอาไว้บ้าง
……
ไม่นาน เรื่องที่มู่นวลนวลยอมให้สัมภาษณ์ก็ถูกรายงานออกมา
ไม่นานก็ขึ้นหัวข้อประเด็นร้อน เเละเป็นอันดับเเรกในความนิยม
คนที่พูดถึงเรื่องนี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องเมืองที่สาบสูญเริ่มต้นขึ้น มู่นวลนวลก็ได้เปลี่ยนชื่อเวยป๋อเป็นมู่มู่ จากนั้นก็รับรองและเพิ่ม V ข้อมูลการรับรองคือ: ผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องเมืองที่สาบสูญ
หลังจากที่ประเด็นเรื่องเวยป๋อออกมา ก็มีคนหาเวยป๋อของมู่นวลนวลเจอ
เเฟนคลับในเวยป๋อของมู่นวลนวลได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เธอสมัครบัญชีเวยป๋อนี้ตอนที่ตัดขาดกับมู่หวันฉีก่อนหน้านี้
เเต่ตอนที่เธอทำการรับรอง เธอได้ล้างเวยป๋อของตัวเอง ตอนนี้ในเวยป๋อของเธอจึงมีเหลืออยู่ไม่กี่รายการ เเละล้วนเป็นโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับทีมงานภาพยนตร์เรื่องเมืองที่สาบสูญ
ความคิดเห็นแรกของเวยป๋อเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
มู่นวลนวลอ่านความคิดเห็น ก็พบว่าเหมือนตัวเองกำลังอ่านเรื่องสนุก เเละมีบางคนที่พูดประชดประชัน
” มาดูผู้หญิงที่เคยเเต่งงานเข้าไปในตระกูลที่มีอิทธิพล ”
” คงจะหย่ากับคุณช่ายโม่เเล้วแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะออกมาเขียนละครเลี้ยงตัวเองทำไม ”
” มีคนเคยเห็นเธอไหม? เเล้วเธอสวยไหม? ”
” เมืองที่สาบสูญ? ฟังดูเเล้วเหมือนชื่อนี้จะไม่ใช่ละครที่ดีสักเท่าไหร่ ”
” ตกลงว่าเจ้าสัวโม่ถูกผู้หญิงคนนี้ทำร้ายจริงไหม? ”
” พอภาพยนตร์เรื่องเมืองที่สาบสูญเริ่มถ่าย ผู้หญิงคนนี้ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ ดูเเล้วเธอคงอยากปลุกประเด็นร้อนมากกว่าน่ะสิ! ”
” …… ”
สำหรับความคิดเห็นพวกนี้ มู่นวลนวลไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
คนเหล่านั้นที่มาหาเธอ พวกเขาก็คงจะมาหาเธออยู่เเล้ว
เธอได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องทำเเล้ว เเค่รอให้พวกเขาเป็นฝ่ายมาหาเธอเองเท่านั้้น
เพียงเเต่ก่อนที่คนเหล่านั้นจะมาหาเธอ โม่ถิงเซียวกลับมาหาเธอก่อน
มู่นวลนวลดูเวยป๋อเสร็จ เธอกำลังจะไปทำอาหารค่ำ เสียงออดประตูก็ดังขึ้นมาก่อน
มู่นวลนวลส่องที่ตาเเมวเล็กน้อย ตอนเธอเห็นโม่ถิงเซียว เธอก็ชะงักไปเเละไม่ได้เปิดประตู
เธอไม่อยากเปิดประตูสักเท่าไหร่
คล้ายกับรู้ว่ามู่นวลนวลกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ โม่ถิงเซียวจึงง้างมือเเละเคาะไปที่ประตูห้องเธอสองที เเละพูดขึ้นเสียงเย็น: ” มู่นวลนวล ฉันรู้ว่าคุณอยู่ข้างใน คุณจะเปิดประตูหรือจะให้ผมเรียกคนมาทุบประตู ”
ป่าเถื่อน!
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก เธอทำเพียงเปิดประตู เปิดประตูเสร็จเธอก็ไม่เหลียวมองเขาเเม้แต่นิดเดียว เเละเดินกลับเข้าไปในห้องทันที
โม่ถิงเซียวกำลังตกอยู่ในความโกรธอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เขาเข้ามา เขาก็พลิกมือปิดประตูจนเกิดเสียงดัง หลังจากนั้นก็เดินไปกระชากเเขนมู่นวลนวลเเละกัดฟันพูด: ” มู่นวลนวล ฉันบอกคุณว่ายังไง บอกไม่ให้คุณวู่วามไม่ใช่หรอ! ”
นิ้วของโม่ถิงเซียวเหมือนคีมที่กำลังดึงเเขนเธอไว้อย่างแน่นหนา เธอลองดิ้นรนกลับขยับไปไหนไม่ได้
มู่นวลนวลทำอะไรไม่ได้ เธอจึงผ่อนคลายลมหายใจเเละพูดขึ้น: ” ฉันไม่ได้วู่วาม ฉันเข้าใจทุกอย่างดี เเละตอนนี้ฉันก็ใจเย็นมากด้วย! ฉันแค่อยากให้พวกเขาเป็นฝ่ายมาหาฉันเองเท่านั้น! ”
” คุณรู้หรอว่าพวกเขาเป็นคนแบบไหน? คุณให้พวกเขาเป็นฝ่ายมาหาคุณ ปู่เเละโม่มู่เป็นตัวอย่างที่ดี คุณ…… ”
มู่นวลนวลได้ยินเขาพูดถึงโม่มู่ น้ำเสียงของเธอก็ตื่นเต้นเล็กน้อย: ” โม่มู่? โม่มู่เป็นเพียงเด็กแรกเกิด เธอยั่วโมโหพวกเขาหรอ? ก็ไม่! คนในตระกูลโม่ของพวกคุณต่างหากที่บ้าคลั่งเเละไร้มนุษยธรรมมานานแล้ว แทนที่จะนั่งรอความตาย สู้เป็นฝ่ายบุกโจมตีเองสะดีกว่า! ”