หลังจากที่มู่นวลนวลพูดจบ ในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
ทั้งสองคนยืนหันหน้าเข้าหากัน จ้องตากันเเละไม่มีใครยอมใคร
ผ่านไปสักครู่ โม่ถิงเซียวก็ถอนหายใจออกมานิดหน่อย มีร่องรอยของความเหนื่อยล้าที่หาได้ยากในน้ำเสียงของเขา: ” พวกเขาคิดไม่ดีกับฉัน ฉันให้คุณเอาตัวไปเสี่ยงไมได้หรอก ”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาหาต้นสายปลายเหตุคดีของเเม่ไม่เจอสักที หลังจากที่มีเค้าโครงนิดหน่อยก็กลับไม่พบร่องรอยอะไร
เขาเคยคิดหรือว่าบางทีเขาอาจจะคิดเยอะไปจริงๆ
บางทีที่เขากับแม่ถูกลักพาตัวไปก็อาจเป็นเเค่อุบัติเหตุก็ได้
จนกระทั่งเจ้าสัวโม่เกิดเรื่อง
ก่อนที่เจ้าสัวโม่จะเกิดเรื่อง เขาได้มาหาโม่ถิงเซียวเเละบอกว่าจะรอใช้ชีวิตอย่างสงบ สุดท้ายเขาก็ได้บอกสิ่งที่โม่ถิงเซียวอยากรู้ให้กับโม่ถิงเซียวจนหมด
เเต่เจ้าสัวโม่กลับยังไม่ได้ใช้ชวิตอย่างสงบ
ในเช้าวันปีใหม่เจ้าสัวโม่ได้ตกบันได เเละตอนที่เขาตื่นขึ้นมา เขาก็กลายเป็นคนไร้สติปัญญาไปเสียเเล้ว
หลังจากนั้นมู่นวลนวลก็ถูกคนใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกรที่ทำร้ายเจ้าสัวโม่
ทั้งหมดนี้เป็นการเตือนโม่ถิงเซียวจากใครสักคนในตระกูลโม่
ใครสักคนในตระกูลโม่ไม่ต้องการให้เขารู้ความจริงที่อยู่เบื้องหลังคดีแม่ของเขา พวกเขาจึงใช้คนที่อยู่รอบข้างเขามาขู่เขา
มู่นวลนวลพยักหน้า: ” ต่อให้ฉันไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง ก็จะไม่สนใจได้อย่างนั้นหรอ? ”
พูดจบเธอก็พูดเสริม: ” มันเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องคุณปู่ ใจคุณรู้ดีกว่าฉัน ต่อให้ฉันไม่ทำอะไร พวกเขาก็ไม่ปล่อยฉันไปอยู่ดี เเต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงพยายามอย่างหนักที่จะจัดการกับคุณ ”
สองสามวันนี้มู่นวลนวลได้ทำการไตร่ตรองเรื่องนี้อีกครั้ง
ตอนที่เกิดเรื่องกับเจ้าสัวโม่ เธอได้สงสัยโม่ชิงเฟิงเเละโม่เหลียน
ในวันส่งท้ายปีเก่า เธอเห็นโม่ชิงเฟิงกับโม่เหลียนเข้าไปในห้องห้องหนึ่งอย่างลับๆล่อ หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องกับเจ้าสัวโม่ เเละเธอก็ถูกยัดเยียดว่าเป็นคนทำร้ายเจ้าสัวโม่
สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นการจงใจ
เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น เเละไม่รู้ว่าเขากำลังปิดบังอะไรอยู่ จนกระทั่งโม่มู่หายไป มู่นวลนวลถึงจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
ในขณะที่พวกเขากำลังข่มขู่โม่ถิงเซียว พวกเขาก็ควบคุมโม่ถิงเซียวไปด้วย
พวกเขาต้องการให้โม่ถิงเซียวเชื่อฟังพวกเขา
พอมู่นวลนวลพูดจบ เธอก็เงยหน้ามองโม่ถิงเซียว
เธอคิดว่าถ้าโม่ถิงเซียวบอกความจริงกับเธอสักนิดก็คงจะดี
เเต่โม่ถิงเซียวกลับเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปสะดื้อๆ: ” ฉันหิวเเล้ว? ”
” หิวก็ไปกินข้าวสิ ” มู่นวลนวลพูดจบ เธอก็ถอยไปด้านข้างเเละเเสดงเจตนาให้เขาเดินไป
โม่ถิงเซียวไม่เพียงเเต่ไม่ไปไหน เขากลับเดินไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่เเละพูดอย่างสบายใจ: ” ฉันทำอาหารไม่เป็น ”
มู่นวลนวลไม่ใจอ่อนเเม้เเต่นิดเดียว: ” ก็ไปกินที่ร้านอาหารสิ ”
สีหน้าของโม่ถิงเซียวเป็นเหมือนปกติ น้ำเสียงของเขาฟังดูไร้เหตุผลมาก: ” อาหารที่ร้านอาหารไม่อร่อย ”
มู่นวลนวลเดินไปที่ตรงหน้าเขา: ” คุณคิดที่จะอยู่กับฉันที่นี่ใช่ไหม? ”
โม่ถิงเซียวเอนตัวพิงด้านหลังเเละพูดอย่างไม่รีบร้อน: ” เราจดทะเบียนกันเเล้ว ”
ถ้าไม่ทำสำมะโนครัวให้โม่มู่ เธอก็คงจะไม่รีบจดทะเบียนกับโม่ถิงเซียวด่วนแบบนั้นหรอก
เธอเเค่คิดว่าการเขียนชื่อของโม่มู่บนสำมะโนครัวจะช่วยให้มีการสนับสนุน
ต่อให้เจอหน้าเพียงครั้งเดียว เธอก็จะทำให้โม่มู่รู้ว่าพ่อเเละเเม่รักโม่มู่
สุดท้าย มู่นวลนวลก็ไม่ได้ใจดำเเละไล่โม่ถิงเซียวกลับไปจริงๆ เธอถลึงตาใส่โม่ถิงเซียวนิดหน่อย: ” รอก่อน ”
หลังจากนั้นเธอก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องครัว
หลังจากมองตามมู่นวลนวลเข้าไปในห้องครัว โม่ถิงเซียวก็เริ่มสังเกตบ้านเช่าของมู่นวลนวลทันที
ห้องหนึ่งห้องนอนแบบเรียบง่ายที่ไม่ใหญ่มาก เเต่สะอาดมาก เฟอร์นิเจอร์ก็มีไม่เยอะ เเละดูเงียบเหงากว่าอพาร์ทเมนต์ของเขานิดหน่อย เเต่เต็มไปด้วยกลิ่นของมู่นวลนวล
โม่ถิงเซียวเคาะตาเบาๆ เขาเอนกายบนโซฟาและหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ตอนที่มู่นวลนวลทำอาหารเสร็จออกมา เธอก็พบว่าโม่ถิงเซียวหลับไปแล้ว
เธอลังเลสักครู่ หลังจากนั้นก็เอื้อมมือไปผลักโม่ถิงเซียว: ” คุณได้เวลากินข้าวเเล้ว ”
โม่ถิงเซียวลืมตาขึ้นมา ในตาที่เพิ่งตื่นมีความงุนงงอยู่เล็กน้อย พิสูจน์ว่าเขาไม่ได้มีสติในขณะนี้
มู่นวลนวลเห็นเขาลืมตา เธอก็กำลังจะเก็บมือกลับ เเต่ไม่คิดว่าในเวลานี้โม่ถิงเซียวจะดึงเธอไว้อย่างกะทันหัน
ไม่เพียงเท่านี้ หลังจากที่เขาดึงเธอเเล้ว เขาก็ออกเเรงดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด
มู่นวลนวลยืนอยู่ พอถูกเขาดึงเธอก็ทรงตัวไม่อยู่ จึงทำให้ล้มลงไปในอ้อมกอดของเขา
ทรวงอกของผู้ชายทั้งใหญ่เเละแข็งแกร่ง มู่นวลนวลล้มลงไปในอ้อมกอดของเขาอย่างกะทันหัน จึงถูกกระเเทกเเละรู้สึกเจ็บอยู่พอสมควร
ใบหน้าของมู่นวลนวลถูกย้อมไปด้วยความโกรธบางๆ: ” โม่ถิงเซียว! ”
คล้ายกับโม่ถิงเซียวไม่ได้ยินที่เธอพูด เขาใช้แขนอีกข้างไปเกี่ยวเอวมู่นวลนวลอย่างรวดเร็ว เเละกอดเธอไว้แน่นในอ้อมกอดของเขา
โม่ถิงเซียวฝังศีรษะของเขาไว้ที่ซอกคอของมู่นวลนวลเเละสูดหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงของเขามีความทุ้มแหบเล็กน้อย: ” ตอนที่ฉันอยู่ที่อพาร์ตเมนต์คนเดียว ทุกครั้งที่นอนหลับฉันจะฝันถึงคุณ ทุกครั้งที่กอดอยู่ในอ้อมกอดล้วนเป็นเพียงอากาศ ตอนตื่นขึ้นมาในอากาศก็ไม่มีแม้เเต่ลมหายใจของคุณ ทำไมถึงเผาคฤหาสน์ได้อย่างใจดำขนาดนั้น…… ”
ถ้าคฤหาสน์ยังอยู่ อย่างน้อยเขาก็ยังหากลิ่นที่คุ้นเคยได้จากในคฤหาสน์
มู่นวลนวลไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เธอจึงตัวเเข็งเล็กน้อย
มู่นวลนวลดิ้นรนสักครู่ เเละพบว่าขยับไปไหนไม่ได้
เธอคิดว่าโม่ถิงเซียวอาจจะเกิดปีวัว
พอพูดถึงเรื่องเผาคฤหาสน์ เธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
” ฉันใจดำ? ถ้าฉันใจดำก็คงไม่ช่วยให้คุณเอาปากกาเเท่งนั้นออกมาหรอก รู้งี้ฉันเผาปากกาเเท่งนั้นไปพร้อมกันสะดีกว่า! ”
” เเต่คุณก็ไม่ทำ ” น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน: ” คุณรู้สึกเสียดาย ”
มู่นวลนวลชะงักไปนิดหน่อย เธอไม่อยากพูดเรื่องนี้กับเขาอีกเเล้ว: ” ปล่อย ไม่อย่างนั้นต่อไปก็อย่าคิดที่จะเข้ามาในบ้านของฉันอีก ”
คล้ายกับการข่มขู่ของเธอได้ผล
เเขนของโม่ถิงเซียวที่เกี่ยวเอวเธอไว้อยู่ก็คลายออกทันที มู่นวลนวลจะถือโอกาสนี้ลุกออกมา เเต่ไม่คิดว่าโม่ถิงเซียวจะกดหัวเธอเเละจูบลงไปในที่สุด
มู่นวลนวลไปจากเขานานเท่าไหร่เเล้วนะ……
เดือนก่อนตอนอยู่ที่ซิดนีย์ โม่มู่ได้หายตัวไป เเละมู่นวลนวลก็อารมณ์ไม่ดีอยู่ตลอดเวลา นอกจากเขาจะคิดหาวิธีให้คนดูเเลเธอให้ดีเเละทำให้เธอมีความสุขเเล้ว เขาก็ไม่มีความคิดอื่นเเล้ว
จูบของโม่ถิงเซียวเหมือนกับตัวเขาทั้งชั่วร้ายเเละรุนเเรง
เขาออกเเรงราวกับต้องการกลืนกินมู่นวลนวลลงไปทั้งตัว เเละดุดันเหมือนต้องการครอบครองเธอไว้ทุกอย่าง
ผู้ชายล้วนมีพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใครในเรื่องนี้ มือทั้งสองข้างของมู่นวลนวลถูกเขาจับไว้ มืออีกข้างของเขาเอื้อมไปพยุงท้ายทอยของเธอเเละควบคุมไว้อย่างเเน่นหนา ไม่ยอมให้เธอหนีไปไหนแม้เเต่นิดเดียว
รอจนมู่นวลนวลได้สติกลับมา ตำแหน่งของเธอก็ถูกสลับกับโม่ถิงเซียว เเละเธอก็ถูกพาตัวลงไปบนโซฟาด้วยเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่