มู่นวลนวลตะลึงไปชั่วขณะ เธอจ้องมองเขาอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก:“ไม่ต้อง”
โม่ถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรอีก เขาลูบหัวของเธอ จากนั้นก็เดินจากไปในความมืด
จนกระทั่งมองไม่เห็นหลังของเขา มู่นวลนวลถือกุญแจรถและเดินกลับไปที่ห้อง
……
วันต่อมา
เมื่อมู่นวลนวลตื่นขึ้นมา เธอก็หยิบโทรศัพท์มาเลื่อนดูเวยป๋อ
“อดีตภรรยาของคุณชายโม่คิดจะหวนคืน”
นี่มันหัวข้อประเด็นร้อนบ้าบออะไร?
มู่นวลนวลคลิกเข้าไป
“ในงานเลี้ยงที่โรงแรมระดับไฮเอนด์เมื่อคืนนี้ มีคนเห็นคุณชายโม่กับอดีตภรรยาควงคู่กันในงาน คาดว่าอดีตภรรยาของคุณชายโม่ต้องการจะหวนกลับมาคืนดี……”
มีคำอธิบายขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลัง
ด้านล่างมีรูปประกอบที่ไม่ค่อยชัดเจนสองสามรูป
รูปนี้ถ่ายที่สถานที่จัดเลี้ยงจริงๆ บล็อกเกอร์ยังวนอยู่รอบมู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียวอย่างระมัดระวัง ด้วยเหตุนี้จึงแฉสมาคมคนรวย
นี่คงเป็นจุดแข็งของคนทำสื่อ
เธอก็แค่ไปร่วมงานเลี้ยงเท่านั้น และไม่คาดคิดว่าโม่ถิงเซียวก็อยู่ที่นั่น
จากนั้นก็ถูกสื่อถ่ายรูป ก็กลายเป็นว่าเธออยากจะคืนดีกับโม่ถิงเซียว
มู่นวลนวลพลิกตัวคว่ำลง
“เป็นเรื่องปกติ ผู้ชายอย่างโม่ถิงเซียว ผู้หญิงที่ไหนจะยอมปล่อยไป”
“นี่หมายความว่า ทั้งสองคนนี้ต้องหย่ากันแล้วหรอ?”
“รู้สึกว่าโอกาสของฉันมาถึงแล้ว”
“อดีตภรรยาคนนี้ก็ไร้ยางอาย เลิกกันไปแล้วยัฝจะมาพัวพันอยู่อีก”
มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความคิดเห็นดังกล่าว และมู่นวลนวลก็ไม่แปลกใจ
มู่นวลนวลลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน และเมื่อเธอออกมาก็ได้รับโทรสายจากฉินซุ่ยซาน
ฉินซุ่ยซานหัวเราะเยาะเธอ:“เก่งจริงๆ เธอเป็นหัวข้อข่าวประเด็นร้อนแทบทุกวันเลยนะ ละครของเรายากที่จะจินตนาการได้”
มู่นวลนวลเผลอหัวเราะออกมา:“สื่ออยากจะเขียนอะไร ฉัจะไปขัดขวางได้ยังไง?”
“โธ่ ฉันแค่อยากรู้อยากเห็น เธอเลิกกับโม่ถิงเซียวแล้วจริงๆหรอ?”
ฉินซุ่ยซานพูดถึงหัวข้อนี้อีกครั้ง มู่นวลนวลถามกลับว่า:“เธฮคิดว่าไง?”
“ฉันคิดว่าไม่” น้ำเสียงของฉินซุ่ยซานดูมั่นใจ
จากนั้นเธอก็พูดต่อ:“ถ้าพวกคุณเลิกกันจริง โม่ถิงเซียวจะยอมเป็นหัวข้อประเด็นร้อนกับเธอได้ยังไง?”
ฉินซุ่ยซานมีความปราดเปรียวมากจนมู่นวลนวลสงสัย ในตอนนั้นผู้หญิงที่เข้าไปในคฤหาสน์ของโม่ถิงเซียวพร้อมกับคนรับใช้คือเธอ
มู่นวลนวลพูดว่า:“เขาแค่ไม่สนใจเรื่องเล็กๆแบบนี้”
“งั้นหรอ?” แน่นอนว่าฉินซุ่ยซานไม่เชื่อ
ในขณะนี้ก็มีสายอื่นโทรเข้ามา
มู่นวลนวลมองไปที่เบอร์ที่โทรเข้ามา เธอพบว่าโม่ถิงเซียวโทรมา
“ขอโทษนะ ฉันมีคนสายเข้า คงไม่ได้คุยกับเธอแล้ว”
มู่นวลนวลวางสายของฉินซุ่ยซาน และรับสายของโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวถามเธอว่า:“เห็นหัวข้อประเด็นร้อนหรือยัง?”
“เห็นแล้ว” มู่นวลนวลถอนหายใจ:“ไม่คิดว่าในงานเลี้ยงเมื่อคืน คนของสื่อจะปะปนเข้าไป”
“ฉันจงใจให้คนปล่อยข่าวออกไป” โม่ถิงเซียวไตร่ตรองอยู่สักพักและพูดว่า:“ก็ดีมันจะได้ช่วยโปรโมตละครเรื่องใหม่ของเธอ อีกเดี๋ยวฉันจะให้คนปลดออก”
มู่นวลนวลเผลอหัวเราะ:“คุณไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้ มันเป็นแค่เว็บซีรีส์ เมื่อถึงตอนนั้นทางด้านฝ่ายโฆษณาคงจะมีช่องทางและแผนงานที่เกี่ยวข้อง
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็ได้ยินเสียงของซือเย่ที่ปลายสายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์
“คุณชาย……”
“คุณทำงานก่อนเถอะ” พอมู่นวลนวลพูดจบ เธอก็วางสาย
……
ภาพยนตร์เรื่องเมืองที่สาบสูญ การถ่ายทำช่วงนี้อยู่ในสตูดิโอ
เมื่อมู่นวลนวลขับรถไปถึงก็กำลังถ่ายทำฉากทะเลาะวิวาทริมถนน
ฉินซุ่ยซานไม่ได้อยู่ที่นี่
มู่นวลไม่เคยไปสตูดิโอมาก่อน หลังจากเดินดูริมถนนสักพัก เธอก็เตรียมจะไปช็อปปิ้ง
เธอเดินไปได้ไม่ไกลก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
“นวลนวล?เธอใช่ไหม?”
มู่นวลนวนหยุดเดินและคนข้างหลังก็เดินมาหาเธอทันที
เสี่ยวชูเหอมองเธอด้วยความประหลาดใจ:“เมื่อกี้ฉันเห็นด้านหลังเหมือนเธอ ไม่คิดว่าจะเป็นเธอจริงๆ”
มู่นวลนวลมองเธออย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ครึ่งปีที่ผ่านมาสบายดีไหม?” เมื่อเสี่ยวชูเหอเห็นว่ามู่นวลนวลตอบช้า สีหน้าของเธอก็อึดอัดวางตัวไม่ถูก
“ก็ดี” มู่นวลนวลมองไปที่เสี่ยวชูเหอ และพบว่าเสี่ยวชูเหอก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อน และเธอดูเหมือนผู้หญิงที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ในเวลานั้นทุกสื่อบอกว่าเธอตายไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเสี่ยวชูเหอเลยแม้แต่น้อย
เสี่ยวชูเหอยังคงเป็นคุณหญิงมู่ที่สง่างามและมีเสน่ห์
มู่นวลก้มมองนาฬิกาข้อมือ และพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า:“คุณหญิงมู่ยังมีอะไรอีกไหม?”
เมื่อเสี่ยวชูเหอได้ยินที่มู่นวลนวลพูดกับเธอ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยน:“นวลนวล เธอ……”
“ถ้าไม่มีอะไรจะพูด ฉันขอตัวก่อน” มู่นวลนวลไม่ให้โอกาสเธอได้พูด จากนั้นก็หันเดินจากไป
“นวลนวล เดี๋ยวก่อน” เสี่ยวชูเหอรีบยื่นมือมาดึงเธอไว้:“ตอนนั้นในสถานการณ์แบบนั้น เธอก็ควรจะเข้าใจพวกเรา พวกเราก็แค่……”
“ฉันเข้าใจดี” กลัวว่าจะได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นก็เลยลงหนังสือพิมพ์ตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับเธอ ทำได้อย่างเด็ดขาดและชาญฉลาดมาก
เมื่อเสี่ยวชูเหอได้ยินอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเชื่อที่เธอพูด และถอนหายใจโล่งออก:“วันนี้ฉันมาที่ทำงานของมู่หวันฉี เธอถ่ายหนังอยู่ที่นี่ เธออยากไปดูไหม?หลังจากที่กลับมา ได้เจอกับเธอรึยัง?”
มู่นวลนวลขมวดคิ้ว:“มู่หวันฉีถ่ายหนังอยู่ที่นี่?”
มู่นวลนวลรู้เรื่องที่มู่หวันฉีอยากเข้าวงการบันเทิง
แต่ไม่คิดว่ามู่หวันฉีจะถ่ายหนังอยู่ที่นี่
“ใช่ ครั้งนี้เป็นการถ่ายทำครั้งใหญ่ น่าจะจะได้รับความนิยม” เมื่อเสี่ยวชูเหอพูดถึงการถ่ายหนังของมู่หวันฉี เธอก็หน้าบานเป็นกระด้ง ดูก็รู้ว่าเธอดีใจแทนมู่หวันฉี
มู่นวลนวลยิ้มก้าง:“งั้นหรอ?ฉันขอแสดงความยินดีกับพวกคุณล่วงหน้า”
ในขณะนี้โทรศัพท์ของเธอดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ฉินซุ่ยซานโทรมา
เธอเหลือบมองไปที่เสี่ยวชูเหอและรับโทรศัพท์:“ฮัลโหล?ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากที่เธอวางสายก็มองไปที่เสี่ยวชูเหอ:“คุณหญิงมู่ ฉันมีธุระ ต้องขอตัวก่อน”
“เอ่อ นวลนวล……”
มู่นวลนวลไม่ได้ยินที่เสี่ยวชูเหอเรียกเธอ แล้วเธอก็เดินจากไป
เมื่อมาถึงกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องเมืองที่สาบสูญ มู่นวลนวลไปหาฉินซุ่ยซานและถามเรื่องของมู่หวันฉี
“เธอพูดถึงพี่สาวของเธอ มู่หวันฉี?” ฉินซุ่ยซานหัวเราะ:“เหมือนกันกับเธอที่เป็นหัวข้อประเด็นร้อนอยู่บ่อยๆ แต่เธอซื้อทั้งหมดด้วยตัวเอง แล้วเธอก็จัดการพาดหัวข่าวหัวข้อประเด็นร้อน เธอเคยถ่ายทำไปสองสามฉาก แต่เรตติ้งไม่ดี”
ในช่วงวันที่มู่นวลนวลออกจากเซี่ยงไฮ้ นอกจากสืบเรื่องของโม่ถิงเซียวแล้ว เธอก็เข้าไปที่เว็บไซต์ในประเทศ ปกติเธอไม่ได้เข้าไปที่เว็บไซต์ในประเทศ ดังนั้นเธอจึงไม่ชัดเจนกับเรื่องของมู่หวันฉี
ในตอนแรกเธอรู้ว่ามู่หวันฉีอยากเข้าวงการบันเทิง แต่ไม่คิดว่ามู่หวันฉีจะมาจริงๆ
“ลืมบอกเธอไปเลย ในตอนนั้นที่รับสมัครนักแสดงภาพยนตร์เรื่องเมืองที่สาบสูญ มู่หวันฉีก็มาออดิชั่น ผู้กำกับไม่ได้เลือกเธอ แต่เธอยังเตรียมรับบทนำอยู่……”
มู่นวลนวล:“……”