ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 312 ผู้หญิงแปลกหน้าที่นั่งอยู่ด้านข้างเขา

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

มู่นวลนวลรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวโฟกัสไม่ถูกจุด

แม้ว่าเธอจะเจอกับเซินชูฮัน แต่ตอนนี้เขาควรจะให้ความสนใจกับผลการตรวจดีเอ็นเอมากกว่าไม่ใช่หรอ?

มู่นวลนวลหงุดหงิดเล็กน้อย:“อืม”

“คำพูดของฉันเข้าหูบ้างไหม?” โม่ถิงเซียวเอาผลการตรวจดีเอ็นเอในมือวางไว้ข้างๆ และจ้องมองเธอด้วยสีหน้าเย็นชา

“ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้” ตอนนี้มู่นวลนวลแค่อยากรู้ว่าผลการตรวจดีเอ็นเอ จริงๆแล้วเป็นของซือเฉิงยวี่กับโม่ชิงเฟิงใช่หรือไม่

โม่ถิงเซียวแสดงให้เห็นถึงความพยายาม:“ถ้าไม่พูดเรื่องนี้ให้จบ ฉันก็จะไม่คุยเรื่องอื่นกับเธอ”

“ใช่ ฉันไปเจอกับเซินชูฮันมา แต่ก็เพราะมีธุระ” นวลนวลอธิบายให้เขาฟังอย่างอดทน:“ฉันก็แค่พูดคุยสักพัก ทานข้าวสักมื้อ ทุกอย่าง……”

สีหน้าของโม่ถิงเซียวเคร่งขรึมมากขึ้น:“ทานข้าวด้วยกัน?”

มู่นวลนวลพบว่าตัวเองไม่ควรพูดความจริงอย่างนี้ และควรจะพูดอย่างระมัดระวัง

“ก็แค่ทานข้าวด้วยกันเท่านั้น” มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก และสังเกตปฏิกิริยาของโม่ถิงเซียวอย่างระมัดระวัง

“เหอะ” โม่ถิงเซียวหัวเราะอย่างเย็นชา:“คราวก่อนไปร่วมงานเลี้ยงด้วยกันกับเขา คราวนี้ก็ไปทานข้าวด้วยกัน ครั้งต่อไป?พวกคุณจะทำอะไรด้วยกันอีก?”

มู่นวลนวลรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวพูดเกินไป

เธออยากรู้ความลับที่เกี่ยวกับตระกูลโม่จากเซินชูฮันมาโดยตลอด และเซินชูฮันก็บอกเธอแล้ว เธอเลี้ยงข้าวเซินชูฮันก็ไม่เห็นต้องติเตียนอะไรมากมาย

“ฉันกับเขาไม่ได้ทำอะไรกัน เรา……”

โม่ถิงเซียวพูดขัดจังหวะมู่นวลนวล:“ไม่ทันไรก็เรียก‘เรา’แล้ว?ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาก้าวหน้าไปมากเลยนะ!”

“โม่ถิงเซียว ถ้าคุณพูดอย่างนี้อีก ฉันโกรธแล้วนะ!” มู่นวลนวลทนไม่ไหวแล้ว โม่ถิงเซียวอะไรนิดอะไรหน่อยก็หึง

โม่ถิงเซียวพูดอย่างเย็นชา:“ฉันก็โกรธอยู่”

มู่นวลนวล:“……”

ในตอนนี้เธอรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวเหมือนเด็กที่ไร้เดียงสาคนหนึ่ง

“เอาล่ะ เรามาคุยเรื่องผลตรวจดีเอ็นเอกันดีกว่า” มู่นวลนวลยื่นมือไปจับมือของเขา

ทันทีที่เธอจับมือของโม่ถิงเซียว โม่ถิงเซียวก็พลิกฝ่ามือมาจับกำมือเธอไว้แน่น

เธอรู้สึกได้ถึงความนุ่มของฝ่ามือ และสีหน้าของโม่ถิงเซียวก็ดีขึ้น

เขาลดสายตาลงมองไปที่มู่นวลนวล และพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ:“เธอเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมเซินชูฮันถึงรู้เรื่องความสัมพันธ์ของซือเฉิงยวี่กับฉัน?”

ความสัมพันธ์ของโม่ถิงเซียวกับซือเฉิงยวี่ไม่เคยถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน

ดังนั้นเซินชูฮันไม่น่าจะรู้ความสัมพันธ์ของโม่ถิงเซียวกับซือเฉิงยวี่

แต่อย่างไรก็ตามเซินชูฮันรู่ว่าซือเฉิงยวี่เป็นคนของตระกูลโม่

มู่นวลนวลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า:“บางทีเขาอาจจะรู้โดยบังเอิญ?”

โม่ถิงเซียวขมวดคิ้ว:“เขาบังเอิญรู้เรื่องทั้งหมดอยู่คนเดียว ทำไมเขาไม่ไปซื้อล็อตเตอรี่ไม่แน่ว่าอาจจะได้ห้าร้อยล้าน”

แค่โม่ถิงเซียวอ้าปากก็สามารถวางยาพิษฆ่าคนได้

มู่นวลนวลถามอย่างสงสัย:“งั้นเพราะอะไร?”

โม่ถิงเซียวสีหน้าเย็นชา:“มีคนจงใจส่งให้เซินชูฮัน และให้เขาเอาผลตรวจดีเอ็นเอมาให้ถึงมือของพวกเรา”

มู่นวลนวลรู้สึกว่าสิ่งที่โม่ถิงเซียวพูดนั้นมีเหตุผล

“งั้นคนคนนั้นคือใคร?” มู่นวลนวลคิดว่าได้ผลตรวจดีเอ็นเอมาแล้วจะเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ไม่คิดว่ามันจะยิ่งซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ

โม่ถิงเซียวขมวดคิ้วและไม่พูดอะไร

มู่นวลนวลจ้องมองผลการตรวจดีเอ็นเออยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า:“งั้นผลการตรวจดีเอ็นเอนี้ ได้ผลจริงหรือไม่?แล้วหนึ่งในนั้นคือซือเฉิงยวี่จริงไหม?”

สายตาของโม่ถิงเซียวยังคงมองที่ผลการตรวจดีเอ็นเอ และไม่ได้พูดออกไปในทันที

เมื่อตอนปีใหม่ที่บ้านเก่า โม่เจียเฉินได้ยินที่เขาคุยกับซือเฉิงยวี่ จึงบอกเขาว่าในช่วงนั้นซือเฉิงยวี่เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ

ต่อมาโม่ถิงเซียวก็ส่งคนไปตรวจสอบ และพบว่าซือเฉิงยวี่ได้ทำการตรวจดีเอ็นเอแล้ว แต่เขาไม่ได้เก็บบันทึกไว้

ซือเฉิงยวี่ระมัดระวังอย่างมาก และจัดการได้อย่างหมดจดโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ

แม้ว่าโม่ถิงเซียวจะไม่ได้ผลการตรวจดีเอ็นเอมา แต่ในใจของเขาก็สามารถเอาได้

เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นกับมู่นวลนวล เขาจึงไม่มีโอกาสได้ตรวจสอบการคาดเดานี้

หลังจากนั้นไม่นานโม่ถิงเซียวก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า:“ใช่ซือเฉิงยวี่กับเขาหรือไม่ ตรวจดีเอ็นเอดูก็รู้แล้ว”

จากคำพูดของโม่ถิงเซียว ทำให้มู่นวลนวลเข้าใจว่าโม่ถิงเซียวสงสัยในเรื่องนี้มานานแล้ว

มู่นวลนวลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า:“ฉันจะไปเอาผมของซือเฉิงยวี่มา ช่วงนี้ฉันตามทีมงานกองถ่ายไปที่สตูดิโอบ่อยๆ และมีโอกาสได้เจอกับซือเฉิงยวี่มากขึ้น”

โม่ถิงเซียวยังไม่ทันได้พูดอะไร มู่นวลนวลก็รู้ว่าแล้วเขาจะปฏิเสธข้อเสนอของเธอ

มู่นวลนวลจึงชิงพูดก่อนเขาว่า:“เอาตามนี้แหละ ไม่ต้องมีข้อโต้แย้งใดๆ เอาล่ะ นอนได้”

หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็นอนลงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะและคลุมตัวใว้แน่น

โม่ถิงเซียวมองไปที่ผ้าห่ม และยื่นไปดึง:“ไม่ต้องคลุม”

มู่นวลนวลดึงผ้าห่มออก และเผยให้เห็นหน้าผากครึ่งหนึ่ง

โม่ถิงเซียวเผลอยิ้มออกมา แล้วยื่นมือออกมาดึงผ้าห่ม เขาเบียดเขาไปที่ด้านหลังของเธอและกอดเธอไว้ในอ้อมแขน

มู่นวลนวลต้องย้ายไปนอนอีกฝั่งของเตียง

เธอเขยิบไปข้างหน้า โม่ถิงเซียวก็ตามาเกาะติดเธออย่างไม่ยอมลดละ

“อย่าเข้ามาใกล้ ร้อน”

แม้ว่าจะเปิดแอร์อยู่ แต่ก็เป็นฤดูร้อน และอุณหภูมิร่างกายของโม่ถิงเซียวก็สูงมากจนเหมือนเธอติดอยู่กับเตาไฟ

โม่ถิงเซียวพูดแค่ประโยคเดียว มู่นวลนวลก็เชื่องเหมือนกับแมวและไม่ขยับอีก

เขาพูดว่า:“พรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้าฉันต้องไปบริษัท”

ตอนนี้เป็นเวลาตีสอง เจ็ดโมงเช้าโม่ถิงเซียวจะไปบริษัท และยังต้องตื่นก่อนเวลา นั้นหมายความว่าคืนนี้เขาจะได้นอนไม่ถึงห้าชั่วโมง

สำหรับทั้งสองคนตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกอดกันและนอนหลับอย่างสงบ

หลังจากที่โม่มู่ถูกโขมยไป มู่นวลนวลก็นอนไม่ค่อยหลับ

เธอมักจะตื่นขึ้นมาหลังจากนอนหลับไปสักพัก และเวลานอนกลายเป็นเรื่องเล็ ๆน้อยๆ

เมื่อใกล้จะรุ่งสาง โม่ถิงเซียวที่อยู่ข้างๆก็เคลื่อนไหวจนทำให้มู่นวลนวลตื่น

“เธอนอนต่ออีกหน่อยเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน” โม่ถิงเซียวสังเกตว่ามู่นวลนวลตื่นแล้ว เขาจึงหอมแก้มเธอ

เขาลุกขึ้น และมู่นวลนวลก็ลุกขึ้นตาม

เมื่อโม่ถิงเซียวหยิบเนคไทออกจากตู้เสื้อผ้า มู่นวลนวลก็คลานไปที่ปลายเตียง และรับเนคไทจากมือของเขา

ในขณะที่ช่วยเขาผูกเนคไท เธอก็กำชับว่า:“อย่าทำงานเหนื่อยจนเกินไป รักษาสุขภาพด้วย”

แม้ว่าเมื่อคืนเขาจะนอนหลับไม่ถึงห้าชั่วโมง แต่ใบหน้าของโม่ถิงเซียวก็ไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าเลย กลับดูเหมือนว่าเขามีชิตชีวามาก

เธอนึกถึงบาดแผลกระสุนปืนของโม่ถิงเซียวอีกครั้ง

แม้ว่าหลายครั้งที่เธอจะรู้สึกว่าร่างกายของโม่ถิงเซียวดูเหมือนจะถูกตีด้วยเหล็ก แต่ในใจเธอก็รู้ดีว่าโม่ถิงเซียวเป็นแค่คนธรรมดาที่กว้างขว้าง

และเขาต้องแบกรับมากกว่าคนทั่วไป

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท