ในเวลานี้มีลูกน้องวิงเข้ามาข้างๆซือเฉิงยวี่และพูดว่า:“คุณซือ ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป คนของเราคงสู้เขาไม่ได้”
ซือเฉิงยวี่จ้องมองไปที่โม่ถิงเซียว เขายังไม่ทันได้พูดอะไรก็ได้ยินเสียงรถดังมาจากด้านนอก
จากนั้นซือเย่กับกูจื่อหยานก็พาคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
เมื่อซือเย่เห็นโม่ถิงเซียว:“คุณชาย!”
สีหน้าของซือเฉิงยวี่ทรุดลง:“ถอย”
ก่อนที่จะจากไปเขายังต้องการจะพามู่นวลนวลไปด้วย แต่โม่ถิงเซียวรีบวิ่งฝ่าฝูงชนเข้ามา
คนของซือเย่กับกูจื่อหยานก็ตามมาด้วย และฉากนั้นก็วุ่นวายอย่างมาก
มู่นวลนวลเสียเลือดมาก ใบหน้าของเธอซีดเซียวและตอนนี้เธอก็เวียนหัวตาลาย
เธอรู้สึกว่ามีคนช่วยกดแผลที่ไหล่ของเธอและมือนั้นก็ดูเหมือนจะสั่นๆ
จากนั้นเขาก็ส่งเสียงเรียก:“มู่นวลนวล!”
เธอคุ้นเคยกับเสียงนี้ดีที่สุด เขาคือโม่ถิงเซียว
มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นและมองเห็นใบหน้าของโม่ถิงเซียวไม่ชัดเจน
มู่นวลนวลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง:“อย่าไปทำตามที่ซือเฉิงยวี่บอกให้คุณทำ……เขาก็แค่ต้องการ……ทำลาย……คุณ……”
เดิมทีซือเฉิงยวี่มีชีวิตที่สมบูรณ์ แต่เมื่อเขารู้เรื่องราวชีวิตของตัวเอง เขาก็เลือกทางที่ตกต่ำ จนทำให้ชีวิตของเขายุ่งเหยิง และตอนนี้เขาก็ต้องการให้โม่ถิงเซียวตกต่ำไปด้วย……
หรือพูดได้ว่าตอนนี้ซือเฉิงยวี่ต้องการทำให้ทุกคนเจ็บปวดเช่นเดียวกันกับเขา
ซือเฉิงยวี่บ้าไปแล้วจริงๆ
เสียงของโม่ถิงเซียวแหบผิดปกติ:“ไม้ต้องพูดแล้ว ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล”
เขายื่นมือไปแก้เชือกให้มู่นวลนวล และอุ้มเธอขึ้นมา
มู่นวลโน้มตัวเข้ามาในอ้อมแขนของเขาด้วยดวงตาที่ริบหรี่ เธอหายใจแผ่วเบาแลถามเขาว่า:“คุณบาดเจ็บ?ฉันได้กลิ่นเลือด……”
“ฉันเปล่า เธอต่างหากที่บาดเจ็บ” ในขณะที่โม่ถิงเซียวรีบเดินออกไปก็พูดกับเธอไปด้วย
“แต่ตัวคุณ……” แผลของมู่นวลนวลยังคงมีเลือดไหลอยู่ และดูเหมือนว่าเธอกำลังจะเป็นลม
“ไม่ต้องพูดแล้ว”
ซือเย่รีบเดินเข้ามา:“คุณชาย”
เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าบนตัวของโม่ถิงเซียวฉีกขาดและมีบาดแผลที่แขน เขาพูดอย่างลังเลว่า:“คุณชาย ถ้าอย่างนั้น……ให้ผมทำเถอะ?”
“ไม่ต้อง” โม่ถิงเซียวเดินผ่านเขาไปโดยไม่หยุด
ซือเย่เดินไปเปิดประตูรถที่เบาะหลังให้โม่ถิงเซียวและขับรถออกไป
เขามองจากกระจกมองหลัง และเห็นโม่ถิงเซียวกอดมู่นวลนวลอยู่อย่างนั้น
โม่ถิงเซียวก้มหน้าลง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของมู่นวลนวลด้วยท่าทีที่ยากจะเข้าใจ
ในเวลานี้ซือเย่ก็ได้ยินโม่ถิงเซียวพูดว่า:“ขับเร็วๆหน่อย”
“ครับ” ซือเย่รีบตอบกลับ
……
ซือเย่ขับรถไปโรงพยาบาลที่อยู่ภายใต้การบริหารของโม่กรุ๊ป
มู่นวลนวลถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดและโม่ถิงเซียวก็ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู
ซือเย่ถามอย่างไม่แน่จ:“คุณชาย ร่างกายคุณได้รับบาดเจ็บ ผมจะให้คนมาทำแผลให้คุณนะครับ?”
โม่ถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร
ซือเย่เข้าใจโม่ถิงเซียว ถ้ามู่นวลนวลไม่ปลอดภัยออกมา โม่ถิงเซียวก็จะไม่ไปไหนอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงที่เยือกเย็นของโม่ถิงเซียว:“ไปที่บ้านเก่า แล้วอย่าให้ใครออกจากบ้านเก่าได้”
ซือเย่ขานรับ:“ครับ”
จากนั้นเขาก็รีบจากไป
……
บ้านเก่าตระกูลโม่
หลังจากที่โม่ชิงเฟิงหนีออกมาจากโกดังในตอนนั้นก็ไม่ได้ตรงไปที่สนามบิน แต่โทรศัพท์หาโม่เหลียน
แต่เขาไม่รู้ว่าโม่เหลียนกำลังทำอะไร จึงไม่ได้รับสายของเขา
เขาต้องกัดฟันกลับไปที่บ้านเก่าตระกูลโม่
มู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียวไม่ได้หย่ากัน ตอนนี้มู่นวลนวลได้รับบาดเจ็บและดูเหมือนว่าโม่ถิงเซียวจะเป็นห่วงเธอมาก ดังนั้นตอนนี้คงไม่มีกระจิตกระใจจะมาสนจเขาอย่างแน่นอน
เมื่อคิดอย่างนี้แล้วในใจของโม่ชิงเฟิงก็รู้สึกหนักแน่น
เขากลับไปที่บ้านเก่าตระกูลโม่ และจะพาโม่เหลียนออกนอกประเทศไปด้วยกัน เขาไม่เชื่อว่าโม่ถิงเซียวจะตามไปเจอพวกเขา
เมื่อเขากลับไปถึงบ้านเก่า ทันทีที่เดินเข้าประตูไปก็พบกับความเงียบสงบอย่างแปลกประหลาด
เขาตะโกนเรียก:“โม่เหลียน!”
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่ไม่ชัดเจนดังมาจากไกลๆ เขาตามเสียงนั้นไปและพบว่าโม่เหลียนกำลังช่วยคนใช่ทำอาหารอยู่ในครัว
“พี่กลับมาแล้ว” โม่เหลียนหันหน้ามาแล้วยิ้มให้เขา
โม่ชิงเฟิงเดินไปจับมือของเธอแล้วเดินออกไป:“รีบเดินตามฉันมา!”
โม่เหลียนไม่ยอมไปกับเขาและถามเขาด้วยความงงงวย:“มีอะไรหรอ?”
“ถิงเซียวรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว” โม่ชิงเฟิงพูดกับเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
สีหน้าของโม่เหลียนเปลี่ยนไปทันที และเขามองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ:“อะไรนะ?คุณบอกว่า……ทุกอย่าง?”
“เรารีบไปกันเถอะ เขาโหดเหี้ยมและคงไม่ปล่อยเราไปแน่ๆ” โม่ชิงเฟิงมองไปรอบๆอย่างกังวล และจับมือของโม่เหลียนเดินออกไปอีกครั้ง
โม่เหลียนส่ายหัว:“ฉันไม่ไป”
“ถ้ายังไม่ไปอีก……”
ในขณะนั้นซือเย่ก็พาคนมาและขัดจังหวะการพูดของโม่ชิงเฟิง:“คุณโม่จะไปไหน?”
โม่ชิงเฟิงพูดอย่างเย็นชา:“ฉันจะไปไหนแกก็ไม่ต้องมายุ่ง?ก็แค่หมาที่ถิงเซียวเลี้ยงไว้ แกมีสิทธิอะไรมายุ่งกับฉัน?”
สีหน้าของซือเย่เปลี่ยนไปอย่างทันที:“บางคนก็ไม่ดีเท่ากับหมา”
ทันใดนั้นซือเย่ก็ขยิบตาให้คนที่อยู่ข้างหลัง และให้พวกเขาไล่คนรับใช้ในบ้านเก่าออกไปทั้งหมด
“ถิงเซียวยู่ที่ไหน?” โม่เหลียนสะบัดมือของโม่ชิงเฟิงออกและเดินไปหาถามซือเย่
ซือเย่ไม่ตอบเธอ เพียงแต่กำชับว่า:“ส่งคุณโม่กับคุณหญิงซือกลับไปพักผ่อนที่ห้อง”
ที่บอกว่าไปส่ง อันที่จริงแล้วก็คือบีบบังคับให้กลับไปที่ห้องแล้วปิดประตู
ครึ่งชีวิตของโม่ชิงเฟิงถือได้ว่าสามารถเรียกฟ้าเรียกฝนได้:“พวกแกจะกังขังหน่วงเหนี่ยว ฉันจจะแจ้งตำรวจ!”
ซือเย่ยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน:“คุณโม่คงไม่รู้ มีนักสืบคดีอาชญากรรมท่านหนึ่งที่เข้าร่วมสืบคดีลักพาตัวของคุณหญิงในปีนั้นด้วย เขาให้ความสนใจคดีในปีนั้นมาตลอด คุณชายอยากรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีในปีนั้นจากเขา……”
โม่ชิงเฟิงให้ความสำคัญกับหน้าตาและอำนาจมาตลอดชีวิต เมื่อซือเย่พูดอย่างนี้ สีหน้าของเขาก็เยือกเย็น
เขารู้ว่าตัวเองตกอยู่ในกำมือของโม่ถิงเซียวและคงมีจุดจบที่ไม่ค่อยดีแน่ๆ
……
โม่ถิงเซียวยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด เขารู้สึกว่าเวลายาวนานมากกว่าที่ประตูห้องผ่าตัดจะเปิดออกอีกครั้ง
ทันทีที่หมอออกมาโม่ถิงเซียวก็รับเดินเข้าไปถาม่า:“เธอเป็นยังไงบ้าง”
เสื้อผ้าของโม่ถิงเซียวขาดรุ่งริ่งและยังไม่ได้เปลี่ยน แต่แววตาของเขาก็ยังทำให้คนหวาดกลัวจนสั่นสะท้าน
หมอพูดเสียงสั่นๆว่า:“เราได้ทำการผ่าตัดแล้วเย็บบาดแผลให้คุณมู่แล้ว เธอ……”
มู่นวลนวลถูกเข็นออกมา
โม่ถิงเซียวรีบเข้าไปดูมู่นวลนวล เธอนอนหลับตาอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว ดวกตาทั้งของเขาเป็นประกายราวกับกระหายเลือด:“ทำไมเธอยังไม่ฟื้น?”