ลี่จิ่วเหิงสัมผัสได้ถึงการอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของมู่นวนนวลและพูดปลอบว่า:“เดี๋ยวก็ค่อยๆจำได้”
เขาปลอบมู่นวลนวล
จู่ๆเธอก็ถามเขาราวกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้:“เพื่อนของฉันเมื่อก่อนล่ะ?”
เธอฟื้นขึ้นมานานแล้ว แต่ยังไม่มีเพื่อนมาหาเธอเลย
เธอไม่มีเพื่อนหรอ?
สีหน้าของลี่จิ่วเหิงไม่เปลี่ยน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่แปลกใจที่เธอถาม:“เมื่อก่อนเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ฉันไม่รู้จักเพื่อนของเธอเลย”
มู่นวลนวลรู้สึกมาตลอดว่าเธอกับลี่จิ่วเหิงไม่ได้สนิทกันมากนัก เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนี้ เธอก็เลยไม่สงสัยอะไร
ลี่จิ่วเหิงบอกเธอว่าเธอประสบอุบัติเหตุที่ต่างประเทศ
ตอนที่หมอแจ้งให้เขาไป เขาก็เห็นแค่เธอคนเดียว
และโทรศัพท์ของมู่นวลนวลก็หายไป ส่วนบัญชีโซเชียลอื่นๆ เธอก็จำบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านไม่ได้เลย
เมื่อคิดอย่างนี้แล้วอารมณ์ของมู่นวลนวลก็ลดลง
“ไม่ต้องคิดมากนะ ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ” ลี่จิ่วเหิงตบไหล่เธอ:“หิวรึยัง?ฉันจะพาเธอออกไปกินข้าว”
“อื้ม” มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้เขา
เธอรู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับลี่จิ่วเหิงนั้นไม่ได้ลึกซึ้ง แต่ลี่จิ่วเหิงก็มีความตั้งใจที่จะดูแลเธอให้ดี
สถานการณ์ในตอนนี้ของเธอ เธอไม่สามารถเข้ากับลี่จิ่วเหิงได้เหมือนคู่รักทั่วไป จึงทำได้เพียงเริ่มต้นจาการเป็นเพื่อน
นี่คือสิ่งที่เธอได้พูดคุยกับลี่จิ่วเหิงก่อนที่เธอจะออกจากโรงพยาบาล
……
ลี่จิ่วเหิงขับรถพาเธอไปที่ร้านอาหารเจที่อยู่ไม่ไกล
มู่นวลนวลหลับไปสามปี ลำไส้และกระเพาะอาหารอ่อนแอมาก การทำงานทั้งหมดของร่างกายยังอยู่ในระยะฟื้นฟู และความอยากอาหารของเธอยังไม่ค่อยดีนัก จึงต้องพยายามกินอาหารเจ
หลังจากได้ที่นั่งลงลี่จิ่วเหิงก็พูดกับเธอว่า:“ฉันเคยมากินที่ร้านนี้แล้วครั้งหนึ่ง รสชาติอร่อย เธอน่าจะชอบ”
พอพูดจบเขาก็ดันเมนูให้เธอ:“คุณสั่งก่อนเลย ฉันจะไปห้องน้ำ”
“อึ้ม” มู่นวลหยิบเมนูขึ้นมาดู
มีอาหารเยอะมาก มู่นวลนวลไม่ค่อยอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็เลยดูค่อยๆดูไป
ยิ่งไปกว่านั้นเธอคิดว่าอาหารที่นี่แพงไปหน่อย……
ขณะนี้มีกลุ่มคนเดินเข้ามาจากด้านนอกร้านอาหาร
“จะนั่งที่ห้องรับรองพิเศษหรือว่าห้องโถง?”
“ห้องโถงดีกว่า ห้องรับรองพิเศษอึดอัดไปหน่อย……”
“ยังไงที่นี่ก็ไม่ค่อยมีคนแล้ว งั้นนั่งที่ห้องโถงก็ได้”
ขณะที่คนกลุ่มนั้นพูดคุยกัน พวกเขาก็เดินมานั่งลงที่โต๊ะอาหารข้างๆมู่นวลนวล
มู่นวลนวลหันหน้าไปมองที่โต๊ะข้างๆโดยไม่ได้ตั้งใจ และเธอบังเอิญไปสบตากับผู้ชายคนหนึ่ง
ผู้ชายคนนี้ยังหนุ่มมาก ผิวขาวคิ้วเข็ม เขาดูเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้หญิงเป็นพิเศษ และเป็นผู้ชายที่ลิ้นลมคมคาย
แม้ว่าเขาจะใส่เสื้อผ้าที่ดูเรียบง่าย แต่คุณภาพของเนื้อผ้าก็ดูรู้ว่าเป็นคุณชายของตระกูลที่ร่ำรวย
เมื่อผู้ชายคนนั้นสบตากับเธอ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นทันที เขาชี้นิ้วไปที่เธออยู่สักครู่และพูดไม่ออก จากนั้นเขารีบลุกขึ้นเดินมาหาเธอ
เขาลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้นจนเกือบจะล้มโต๊ะอาหาร และมุมโต๊ะก็ถูกับพื้นจนเกิดเสียงดัง
“มู่……มู่……ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?” กูจื่อหยานพูดติดอ่างอยู่สักพักก่อนจะเรียกชื่อเธอในที่สุด:“มู่นวลนวล ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่!เธอกลับมาเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เมื่อสัปดาห์ก่อนแม่ของกูจื่อหยานบอกว่าเจอร้านอาหารเจที่อร่อยมากร้านหนึ่ง และหาเวลาพาเขามากิน
วันนี้เขาไม่มีธุระก็เลยตามมาด้วย
เดิมทีเขาไม่ได้เต็มใจที่จะมา ในช่วงสองปีที่ผ่านมา หลังจากการแต่งงานได้ถูกทำลายลง คุณป้าคุณน้าเจ็ดแปดบ้านก็หาแฟนมาให้เขา และอยากให้เขาคบหาด้วย
แต่ตอนนี้เขาก็รู้สึกขอบคุณมากเช่นกันที่เขาตามมาในวันนี้
เขานั่งลงและมองไปที่โต๊ะข้างๆมู่นวลนวล เขากำลังสงสัยว่าตัวเองมีอาการหลอนรึเปล่า
หลังจากนั้นเกิดเรื่องในปีนั้น เขาก็พาคนไปค้นหาบนเกาะเป็นเวลานาน
ในตอนแรกเขาค้นหาอยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือน ต่อมาเมื่อเซินเหลียงรู้เรื่องนี้ก็ใช้เวลาครึ่งปีเต็มๆในการค้นหา แต่ก็ไม่พบ
เกาะนี้ถูกพวกเขาพลิกหาจนทั่ว แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของมู่นวลนวล
“คุณรู้จักฉันหรอ?” มู่นวลนวลมองไปที่กูจื่อหยานด้วยความประหลาดใจ
เธอรู้จักคนอย่างกูจื่อหยานได้ยังไง?
กูจื่อหยานดูเหมือนจะเป็นคุณชายในตระกูลที่ร่ำรวย
แม้ว่าเธอจะลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว แต่เมื่อเธอดูเมนูครั้งแรกเธอรู้สึกว่าอาหารเหล่านี้มีราคาแพง ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเธอเกิดมาเป็นคนธรรมดามาก และไม่ได้มีชีวิตที่ร่ำรวย
ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายที่ชื่อโม่ถิงเซียวที่เห็นในทีวีเมื่อวาน แม้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นคุณชายในตระกูลที่ร่ำรวย แต่เธอก็แทบจะอยู่ห่างจากเขาเป็นพันไมล์
“อะ……อะไรนะ?” เมื่อกูจื่อหยานเห็นสายตาที่ไม่คุ้นเคยของมู่นวลนวล เขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า:“ฉันกูจื่อหยานไง!เกิดอะไรขึ้น?จำฉันไม่ได้หรอ?”
กูจื่อหยานสังเกตเห็นว่ามู่นวลนวลผอมลงมาก ดูเหมือนว่าเธอจะเพิ่งหายจากอาการป่วยหนักและดูอ่อนแอมาก
มู่นวลนวลพึมพำชื่อของเขาอีกครั้ง:“กูจื่อหยาน……”
ในเวลานี้ลี่จิ่วเหิงก็กลับมา
เขายืนอยู่ข้างหลังกูจื่อหยานและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี:“คุณชายท่านนี้ คุณอยู่ใกล้เธอเกินไป”
ก่อนหน้าที่กูจื่อหยานมาเข้ามา เป็นเพราะเขารู้สึกตื่นเต้นมากเกินไปจนใช้มือข้างเดียวจับโต๊ะอาหารไว้ และโน้มตัวไปคุยกับมู่นวลนวลใกล้ๆ มองจากมุมมองของคนอื่นมันเหมือนหาเรื่องมู่นวลนวล
กูจื่อหยานหันหน้าไปมองลี่จิ่วเหิงและพูดอย่างโมโหว่า:“คุณเป็นใคร?”
ท่าทางที่ดูไม่คุ้นเคยของมู่นวลนวล ทำให้กูจื่อหยานรู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย ตอนนี้มีผู้ชายที่ยุ่งมากเรื่องปรากฏตัวอีกครั้ง และแน่นอนว่ากูจื่อหยานไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่ดี
ลี่จิ่วเหิงเหลือบมองไปที่มู่นวลนวล:“ผมเป็นเพื่อนเธอ คุณเป็นใคร?”
“คุณเป็นเพื่อนเธอ?ทำไมผมถึงไม่รู้จักคุณ?” กูจื่อหยานยืดตัวขึ้นกอดออก แล้วก็มองไปที่ลี่จิ่วเหิงอย่างยั่วยุ
ลี่จิ่วเหิงยิ้มและไม่สนใจกูจื่อหยาน:“บังเอิญจัง ผมก็ไม่รู้จักคุณ”
“คุณ……” กูจื่อหยานหันไปมองมู่นวลนวลด้วยสีหน้าอึดอัด:“นวลนวล เธอไปไหนมาตั้งหลายปี?”
“ฉัน……” มู่นวลนวลกำลังจะพูดแต่ก็ถูกลี่จิ่วเหิงขัดจังหวะ
ลี่จิ่วเหิงมองไปที่กูจื่อหยานอย่างไม่มีสีหน้าใดๆ:“เธอกระเพาะและลำไส้อ่อนแอ ต้องกินข้าวให้ตรงเวลา มีอะไรก็ค่อยคุยหลังกินข้าวเสร็จ?”
กูจื่อหยานขมวดคิ้วแน่นและไม่พูดอะไร
ผู้ชายทั้งสองคนมองหน้ากัน และเมื่อเห็นอย่างนั้นก็พอที่จะเข้าใจความหมายได้
“โอเค” กูจื่อหยานหันไปหามู่นวลนวลแล้วพูดว่า:“นวลนวล เรากินข้าวเสร็จแล้วค่อยไปหาที่คุยกัน”
กูจื่อหยานกลับไปที่โต๊ะอาหารและแม่ของเขาก็ถามว่า:“จื่อหยาน เด็กสาวคนนั้นเป็นใคร?”
“เพื่อนคนหนึ่งที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว” หลังจากที่กูจื่อหยานพูดจบ เขาก็พูดขัดจังหวะแม่ของ เขา:“เก็บเอาคืนสิ่งที่คุณจะพูดกลับไป เป็นไปไม่ได้ที่ผมกับเธอจะพัฒนาไปเป็นแฟน”
ภายนอกเขาเป็นชายโสด แต่ภายในเขาเป็นชายโสดที่มีอายุและไม่มีใครสนใจ