ความรู้สึกเก่าๆผุดขึ้นในใจของโม่ถิงเซียว ดูเหมือนว่า……ทนไม่ได้?
เขาคิดว่าความรู้สึกในใจของเขานั้นมันตลกไปหน่อย
ผู้หญิงคนนี้ไม่เห็นมีอะไรพิเศษ ทำไมเขาถึงทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอท่ามกลางสายฝน
เมื่อได้สติกลับมาเขาก็พบว่าตัวเองลงจากรถมาพร้อมกับร่ม
เขาวิ่งตามมู่นวลนวไป
“คุณมู่” เขาส่งเสียงเรียกมู่นวลนวล เขาอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากแล้วยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง
มู่นวลนวลเอากระเป๋าวางบนหัวแล้ววิ่งเข้าไปในคอนโด เธอได้ยินเสียงฝีเท้าตามมาข้างหลัง แต่ไม่คิดว่าโม่ถิงเซียวจะวิ่งตามเธอมา
“คุณโม่ คุณมาทำไม?”
ทันทีที่มู่นวลนวลพูดจบ เธอก็ได้ยินเสียงผู้ชายที่คุ้นเคยอยู่ข้างหลัง
“นวนวล”
มู่นวลนวลหันไปมองโม่ถิงเซียว แล้วก็หันไปมองอีกด้านหนึ่งและเห็นลี่จิ่วเหิง
“ลี่จิ่วเหิง?คุณออกมาทำไม?”
ลี่จิ่วเหิงใส่ชุดอยู่บ้านและเดินถือร่มเข้ามาหาเธออย่างสบายๆ
เสียงต่ำและเย็นชาของโม่ถิงเซียวที่อยู่ข้างหลังดังขึ้น:“เพื่อนคุณหรอ?”
“เป็น……คู่หมั้น” มู่นวลนวลไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงลังเล
ทันทีที่พูดจบ มู่นวลนวลก็รู้สึกว่าอากาศโดยรอบลดต่ำลง
เธอหันหน้าไปมองโม่ถิงเซียวด้วยความสงสัย
แต่ไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าของโม่ถิงเซียว ไม่มีอะไรผิดปกติเลยสักนิด และไม่สามารถเดาอารมณ์ของเขาในตอนนี้ได้
บางทีในขณะนี้เธอก็รู้สึกผิด
และในตอนนี้ลี่จิ่วเหิงก็เดินมาถึงตรงหน้าทั้งสองคนแล้ว
เขามองไปที่มู่นวนวลและโม่ถิงเซียวที่เพิ่งกลับมาด้วยสายตาลึกลับ
ทันใดนั้นเขาก็เดินไปหามู่นวลนวล:“นวลนวล มานี่”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นมู่นวลนวลก็กำลังจะเดินไปที่ร่มของลี่จิ่วเหิง
แต่พอเธออก้าวไปข้างหน้า เธอรู้สึกว่าข้อมือของตัวเองถูกจับไว้
เธอหันกลับไปมองและเห็นว่ามีมือของผู้ชายคนหนึ่งอยู่บนข้อมือของเธอ
มือของผู้ชายคนนั้นกว้างและทรงพลัง เขาจับข้อมือของเธออย่างแน่นหนา มือของเขาร้อนเล็กน้อย และความร้อนนั้นก็น่าประหลาดใจ ราวกับว่ามันจะซึมผ่านผิวหนังเข้าไปในกระดูกและเลือดของเธอ
“คุณโม่ คุณเป็นอะไร?” มู่นวลนวลพยายามดิ้นรน แต่เธอไม่ได้ผลักมือของโม่ถิงเซียวออก
ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ออกแรงมากนัก แต่ก็ยากที่จะหลุดมือ
คุณโม่คนนี้ดูเหมือนยากที่จะเข้าถึง แต่ตอนนี้เขากำลังจับเธอไว้และไม่ปล่อย?
โม่ถิงเซียวมองลงไปที่เธอ สีหน้าของเธอซีดขาวผิดปกติ เมื่อเทียบกับคนทั่วไปแล้วดูเหมือนว่าเธอจะป่วย แววตาของเธอมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก
โม่ถิงเซียวรู้สึกว่าตัวเองบ้าไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่ได้ยินเธอพูดว่าเธอมีคู่หมั้นแล้ว เขาก็รู้สึกโกรธอย่างอธิบายไม่ถูก
แต่สิ่งที่น่าตลกยิ่งกว่าคือเมื่อกี้ที่มู่นวลนวลกำลังจะจากไป เขาก็ยื่นมือไปรั้งเธอไว้โดยไม่รู้ตัว
แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้
ลี่จิ่วเหิงมองไปที่มือของโม่ถิงเซียวที่จับมือของเธอไว้ เขาละสายตาแล้วมองไปที่หน้าของโม่ถิงเซียว:“คุณช่วยปล่อยมือเธอด้วย”
โม่ถิงเซียวขมวดคิ้วและปล่อยมู่นวลนวล
เมื่อมู่นวลนวลถูกปล่อย เธอก็เดินเข้าไปในร่มของลี่จิ่วเหิงทันที
ลี่จิ่วเหิงย้ายร่มในมือไปที่เธอ มู่นวลนวลยิ้มให้เขา แล้วเงยหน้าขึ้นพูดกับโม่ถิงเซียวว่า:“คุณโม่ นี่ลี่จิ่วเหิงคู่หมั้นของฉัน”
และต่อมาเธอก็พูดกับลี่จิ่วเหิง:“วันนี้ฉันไปช้อปปิ้งกับเสี่ยวเหลียง และเจอกับลูกสาวของคุณโม่ในห้าง……”
เธออธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ลี่จิ่วเหิงฟัง
หลังจากที่เธอพูดจบ ลี่จิ่วเหิงก็ยิ้มปลอบโยนเธอ แล้วหันไปพูดกับโม่ถิงเซียว:“ขอบคุณคุณโม่ที่มาส่งคู่หมั้นของผม”
โม่ถิงเซียวไม่แสดงสีหน้าใดๆ และไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาเพียงแค่เหลือบมองมู่นวลนวลและจากไป
เขาถือร่มสีดำ ร่างสูงโปร่งของเขาซ่อนอยู่ในม่านฝน เขาดูโดดเดี่ยวและหยิ่งทะนง
มู่นวลนวลบ่นพึมพำ:“ช่างเป็นคนที่แปลกจริงๆ”
ทันใดนั้นก็มีลมกระโชกพัดเข้ามา เสื้อผ้าของมู่นวลนวลกเปียกโชก ทำให้เธอหนาวสั่น
เมื่อลี่จิ่วเหิงเห็นท่าทางของเธอ เขาก็ยื่นมือไปโอบไหล่เธอแล้วพูดเบาๆ:“กลับกันเถอะ”
“อึ้ม” มู่นวลนวลตอบและเหลือบมองไปที่มือที่วางอยู่บนไหล่ของตัวเอง เธอค่อยๆขยับออกไปข้างๆ
เธอยังไม่ชินกับการที่ลี่จิ่วเหิงจะสัมผัสตัวเธอ
และไม่รู้ว่าลี่จิ่วเหิงสัมผัสได้ถึงการต่อต้านของเธอหรือไม่ จากนั้นเขาก็ปล่อยมือ
……
เมื่อโม่ถิงเซียวกลับไปที่รถ โม่มู่ก็ตื่นขึ้นมาพอดี
เธอถือกล่องนมที่ว่างเปล่าและมองขึ้นไปที่ด้านบนของรถอย่างไม่สนใจ
เมื่อเห็นโม่ถิงเซียวเข้ามา เธอก็หันไปมองเขาและส่งเสียงเรียก:“พ่อ”
โม่ถิงเซียวปิดประตูรถและหันไปมองโมมู่
โม่มู่กระพริบตาที่เหมือนองุ่นดำ แล้วมองมาที่เขา
สองคนพ่อลูกมองกันไปมองกันมาอยู่ในรถสักพัก
จู่ๆโม่ถิงเซียวก็ขมวดคิ้ว
ผู้หญิงแซ่มู่เมื่อตะกี้ต้องมีอะไรแน่ๆ
เธอทำให้เขามีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกอยู่เสมอ และตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าโม่มู่กับผู้หญิงคนนั้นมีอะไรๆเหมือนกัน
โม่ถิงเซียวขับรถกลับบ้านด้วยใบหน้าที่มืดมน
โม่มู่กำลังพูดพล่ามมาตลอดทาง
เมื่อพวกเขามาถึงประตูบ้านเก่าตระกูลโม่ คนรับใช้ก็ถือร่มมาและช่วยเปิดประตู
โม่ถิงเซียวอุ้มโม่มู่เดินเข้าไป
โม่จิ่นหยุนนั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงง ดูเหมือนกำลังจะสอบสวนยังไงยังงั้น
เมื่อเขาเห็นโม่ถิงเซียวเข้าอุ้มโม่มู่เข้ามา เธอก็ทำเสียงฮึอย่างเย็นชาและพูดด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง:“ยังรู้จักที่จะกลับมาบ้าน!”
โม่จิ่นหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเสียงดังมาก
โม่มู่เป็นเพียงเด็ก เธอเกาะคอของโม่ถิงเซียวด้วยความตกใจ แล้วเอาหัวพิงที่ไหล่ของเขา และเธอไม่กล้าลืมตามองโม่จิ่นหยุน
แม้ว่าปกติแล้วเธอจะเป็นเด็กที่ซุกซน แต่เมื่อเห็นผู้ใหญ่โกรธกัน เธอก็รู้สึกกลัว
โม่ถิงเซียวสังเกตเห็นปฏิกิริยาที่ของเธอ จึงยื่นมือออกไปลูบหลังเธอเพื่อปลอบโยน และวางเธอลงบนพื้น:“พ่ออนุญาตให้เธอกินไอศกรีมได้ครึ่งกล่อง ไปเถอะ”
เมื่อได้ยินว่าไอศกรีม แววตาของโม่มู่ก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที
โม่ถิงเซียวเหลือบมองไปที่คนรับใช้ที่อยู่ข้างหลัง มีสาวใช้เดินมาและพาโม่มู่ไปที่ห้องครัว:“คุณหนู เราไปกินไอศกรีมกัน”
โม่จิ่นหยุนเพิ่งจะรู้ว่าเมื่อตะกี้ตัวเองทำให้โม่มู่ตกใจ
สีหน้าเธอดูไม่บายใจเล็กน้อย แต่เธอก็แข็งคอพูดว่า:“นายเอาแต่ใจขนาดนี้ได้ยังไง นายก็รู้ว่าการประชุมวันนี้สำคัญมากแค่ไหน นายจะพูดว่าเลื่อนก็เลื่อนได้ยังไง……”
โม่ถิงเซียวหัวเราะเยาะเย้ย และหันไปมองโม่จิ่นหยุนด้วยสายตาที่เฉียบคม:“วันนี้โม่มู่เกือบจะหายไป เธอรู้ไหม?”
เมื่อโม่จิ่นหยุนได้ยินอย่างนั้นก็ตกตะลึง:“เกิดอะไรขึ้น?ได้ยินคนรับใช้บอกว่าซูเหมียน……”
สีหน้าของโม่ถิงเซียวแข็งเป็นน้ำแข็ง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาจนน่าตกใจ:“ซูเหมียนพาโม่มู่ออกไปและเกือบจะทำโม่มู่หาย เรื่องนี้ฉันควรจะจัดการเธอ หรือว่าควรไปจัดการซูเหมียน?”