ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 371 จับเธอไว้ไม่ปล่อย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ความรู้สึกเก่าๆผุดขึ้นในใจของโม่ถิงเซียว ดูเหมือนว่า……ทนไม่ได้?

เขาคิดว่าความรู้สึกในใจของเขานั้นมันตลกไปหน่อย

ผู้หญิงคนนี้ไม่เห็นมีอะไรพิเศษ ทำไมเขาถึงทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอท่ามกลางสายฝน

เมื่อได้สติกลับมาเขาก็พบว่าตัวเองลงจากรถมาพร้อมกับร่ม

เขาวิ่งตามมู่นวลนวไป

“คุณมู่” เขาส่งเสียงเรียกมู่นวลนวล เขาอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากแล้วยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง

มู่นวลนวลเอากระเป๋าวางบนหัวแล้ววิ่งเข้าไปในคอนโด เธอได้ยินเสียงฝีเท้าตามมาข้างหลัง แต่ไม่คิดว่าโม่ถิงเซียวจะวิ่งตามเธอมา

“คุณโม่ คุณมาทำไม?”

ทันทีที่มู่นวลนวลพูดจบ เธอก็ได้ยินเสียงผู้ชายที่คุ้นเคยอยู่ข้างหลัง

“นวนวล”

มู่นวลนวลหันไปมองโม่ถิงเซียว แล้วก็หันไปมองอีกด้านหนึ่งและเห็นลี่จิ่วเหิง

“ลี่จิ่วเหิง?คุณออกมาทำไม?”

ลี่จิ่วเหิงใส่ชุดอยู่บ้านและเดินถือร่มเข้ามาหาเธออย่างสบายๆ

เสียงต่ำและเย็นชาของโม่ถิงเซียวที่อยู่ข้างหลังดังขึ้น:“เพื่อนคุณหรอ?”

“เป็น……คู่หมั้น” มู่นวลนวลไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงลังเล

ทันทีที่พูดจบ มู่นวลนวลก็รู้สึกว่าอากาศโดยรอบลดต่ำลง

เธอหันหน้าไปมองโม่ถิงเซียวด้วยความสงสัย

แต่ไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าของโม่ถิงเซียว ไม่มีอะไรผิดปกติเลยสักนิด และไม่สามารถเดาอารมณ์ของเขาในตอนนี้ได้

บางทีในขณะนี้เธอก็รู้สึกผิด

และในตอนนี้ลี่จิ่วเหิงก็เดินมาถึงตรงหน้าทั้งสองคนแล้ว

เขามองไปที่มู่นวนวลและโม่ถิงเซียวที่เพิ่งกลับมาด้วยสายตาลึกลับ

ทันใดนั้นเขาก็เดินไปหามู่นวลนวล:“นวลนวล มานี่”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นมู่นวลนวลก็กำลังจะเดินไปที่ร่มของลี่จิ่วเหิง

แต่พอเธออก้าวไปข้างหน้า เธอรู้สึกว่าข้อมือของตัวเองถูกจับไว้

เธอหันกลับไปมองและเห็นว่ามีมือของผู้ชายคนหนึ่งอยู่บนข้อมือของเธอ

มือของผู้ชายคนนั้นกว้างและทรงพลัง เขาจับข้อมือของเธออย่างแน่นหนา มือของเขาร้อนเล็กน้อย และความร้อนนั้นก็น่าประหลาดใจ ราวกับว่ามันจะซึมผ่านผิวหนังเข้าไปในกระดูกและเลือดของเธอ

“คุณโม่ คุณเป็นอะไร?” มู่นวลนวลพยายามดิ้นรน แต่เธอไม่ได้ผลักมือของโม่ถิงเซียวออก

ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ออกแรงมากนัก แต่ก็ยากที่จะหลุดมือ

คุณโม่คนนี้ดูเหมือนยากที่จะเข้าถึง แต่ตอนนี้เขากำลังจับเธอไว้และไม่ปล่อย?

โม่ถิงเซียวมองลงไปที่เธอ สีหน้าของเธอซีดขาวผิดปกติ เมื่อเทียบกับคนทั่วไปแล้วดูเหมือนว่าเธอจะป่วย แววตาของเธอมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก

โม่ถิงเซียวรู้สึกว่าตัวเองบ้าไปแล้ว

ก่อนหน้านี้ที่ได้ยินเธอพูดว่าเธอมีคู่หมั้นแล้ว เขาก็รู้สึกโกรธอย่างอธิบายไม่ถูก

แต่สิ่งที่น่าตลกยิ่งกว่าคือเมื่อกี้ที่มู่นวลนวลกำลังจะจากไป เขาก็ยื่นมือไปรั้งเธอไว้โดยไม่รู้ตัว

แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้

ลี่จิ่วเหิงมองไปที่มือของโม่ถิงเซียวที่จับมือของเธอไว้ เขาละสายตาแล้วมองไปที่หน้าของโม่ถิงเซียว:“คุณช่วยปล่อยมือเธอด้วย”

โม่ถิงเซียวขมวดคิ้วและปล่อยมู่นวลนวล

เมื่อมู่นวลนวลถูกปล่อย เธอก็เดินเข้าไปในร่มของลี่จิ่วเหิงทันที

ลี่จิ่วเหิงย้ายร่มในมือไปที่เธอ มู่นวลนวลยิ้มให้เขา แล้วเงยหน้าขึ้นพูดกับโม่ถิงเซียวว่า:“คุณโม่ นี่ลี่จิ่วเหิงคู่หมั้นของฉัน”

และต่อมาเธอก็พูดกับลี่จิ่วเหิง:“วันนี้ฉันไปช้อปปิ้งกับเสี่ยวเหลียง และเจอกับลูกสาวของคุณโม่ในห้าง……”

เธออธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ลี่จิ่วเหิงฟัง

หลังจากที่เธอพูดจบ ลี่จิ่วเหิงก็ยิ้มปลอบโยนเธอ แล้วหันไปพูดกับโม่ถิงเซียว:“ขอบคุณคุณโม่ที่มาส่งคู่หมั้นของผม”

โม่ถิงเซียวไม่แสดงสีหน้าใดๆ และไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาเพียงแค่เหลือบมองมู่นวลนวลและจากไป

เขาถือร่มสีดำ ร่างสูงโปร่งของเขาซ่อนอยู่ในม่านฝน เขาดูโดดเดี่ยวและหยิ่งทะนง

มู่นวลนวลบ่นพึมพำ:“ช่างเป็นคนที่แปลกจริงๆ”

ทันใดนั้นก็มีลมกระโชกพัดเข้ามา เสื้อผ้าของมู่นวลนวลกเปียกโชก ทำให้เธอหนาวสั่น

เมื่อลี่จิ่วเหิงเห็นท่าทางของเธอ เขาก็ยื่นมือไปโอบไหล่เธอแล้วพูดเบาๆ:“กลับกันเถอะ”

“อึ้ม” มู่นวลนวลตอบและเหลือบมองไปที่มือที่วางอยู่บนไหล่ของตัวเอง เธอค่อยๆขยับออกไปข้างๆ

เธอยังไม่ชินกับการที่ลี่จิ่วเหิงจะสัมผัสตัวเธอ

และไม่รู้ว่าลี่จิ่วเหิงสัมผัสได้ถึงการต่อต้านของเธอหรือไม่ จากนั้นเขาก็ปล่อยมือ

……

เมื่อโม่ถิงเซียวกลับไปที่รถ โม่มู่ก็ตื่นขึ้นมาพอดี

เธอถือกล่องนมที่ว่างเปล่าและมองขึ้นไปที่ด้านบนของรถอย่างไม่สนใจ

เมื่อเห็นโม่ถิงเซียวเข้ามา เธอก็หันไปมองเขาและส่งเสียงเรียก:“พ่อ”

โม่ถิงเซียวปิดประตูรถและหันไปมองโมมู่

โม่มู่กระพริบตาที่เหมือนองุ่นดำ แล้วมองมาที่เขา

สองคนพ่อลูกมองกันไปมองกันมาอยู่ในรถสักพัก

จู่ๆโม่ถิงเซียวก็ขมวดคิ้ว

ผู้หญิงแซ่มู่เมื่อตะกี้ต้องมีอะไรแน่ๆ

เธอทำให้เขามีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกอยู่เสมอ และตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าโม่มู่กับผู้หญิงคนนั้นมีอะไรๆเหมือนกัน

โม่ถิงเซียวขับรถกลับบ้านด้วยใบหน้าที่มืดมน

โม่มู่กำลังพูดพล่ามมาตลอดทาง

เมื่อพวกเขามาถึงประตูบ้านเก่าตระกูลโม่ คนรับใช้ก็ถือร่มมาและช่วยเปิดประตู

โม่ถิงเซียวอุ้มโม่มู่เดินเข้าไป

โม่จิ่นหยุนนั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงง ดูเหมือนกำลังจะสอบสวนยังไงยังงั้น

เมื่อเขาเห็นโม่ถิงเซียวเข้าอุ้มโม่มู่เข้ามา เธอก็ทำเสียงฮึอย่างเย็นชาและพูดด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง:“ยังรู้จักที่จะกลับมาบ้าน!”

โม่จิ่นหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเสียงดังมาก

โม่มู่เป็นเพียงเด็ก เธอเกาะคอของโม่ถิงเซียวด้วยความตกใจ แล้วเอาหัวพิงที่ไหล่ของเขา และเธอไม่กล้าลืมตามองโม่จิ่นหยุน

แม้ว่าปกติแล้วเธอจะเป็นเด็กที่ซุกซน แต่เมื่อเห็นผู้ใหญ่โกรธกัน เธอก็รู้สึกกลัว

โม่ถิงเซียวสังเกตเห็นปฏิกิริยาที่ของเธอ จึงยื่นมือออกไปลูบหลังเธอเพื่อปลอบโยน และวางเธอลงบนพื้น:“พ่ออนุญาตให้เธอกินไอศกรีมได้ครึ่งกล่อง ไปเถอะ”

เมื่อได้ยินว่าไอศกรีม แววตาของโม่มู่ก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที

โม่ถิงเซียวเหลือบมองไปที่คนรับใช้ที่อยู่ข้างหลัง มีสาวใช้เดินมาและพาโม่มู่ไปที่ห้องครัว:“คุณหนู เราไปกินไอศกรีมกัน”

โม่จิ่นหยุนเพิ่งจะรู้ว่าเมื่อตะกี้ตัวเองทำให้โม่มู่ตกใจ

สีหน้าเธอดูไม่บายใจเล็กน้อย แต่เธอก็แข็งคอพูดว่า:“นายเอาแต่ใจขนาดนี้ได้ยังไง นายก็รู้ว่าการประชุมวันนี้สำคัญมากแค่ไหน นายจะพูดว่าเลื่อนก็เลื่อนได้ยังไง……”

โม่ถิงเซียวหัวเราะเยาะเย้ย และหันไปมองโม่จิ่นหยุนด้วยสายตาที่เฉียบคม:“วันนี้โม่มู่เกือบจะหายไป เธอรู้ไหม?”

เมื่อโม่จิ่นหยุนได้ยินอย่างนั้นก็ตกตะลึง:“เกิดอะไรขึ้น?ได้ยินคนรับใช้บอกว่าซูเหมียน……”

สีหน้าของโม่ถิงเซียวแข็งเป็นน้ำแข็ง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาจนน่าตกใจ:“ซูเหมียนพาโม่มู่ออกไปและเกือบจะทำโม่มู่หาย เรื่องนี้ฉันควรจะจัดการเธอ หรือว่าควรไปจัดการซูเหมียน?”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท